หลิ่วเฉียนเฮ้อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์นัก อีกอย่างความต้องการของหลิ่วเหมยอู่ในตอนแรกนั้นคือให้เขาวางยาพิษให้หลิ่วเหมยอู่หลังจากนั้นเขาก็ออกจากเมืองหลวงไป เลยไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น
ตอนนี้เฉินเสียนถามมาอย่างนี้ มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแน่ ถ้าเขาตอบคำถามอย่างไม่ระวัง อาจจะทำให้หลิ่วเหมยอู่ถูกเปิดเผยความลับออกมาได้
เฉินเสียนยังเอาขวดกระเบื้องออกมาอีกขวด แล้วพูดว่า “พอดีเลย ข้าทำตามใบสั่งยาเดิม หารกมนุษย์มาเป็นส่วนผสม ปรุงยาถอนพิษนี้ขึ้นมา ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถทดลองกับร่างกายเจ้าได้ มาดูกันว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร”
หลิ่วเฉียนเฮ้อจิตตก คิดอยากจะหนี
แต่ว่ากรงเหล็กก็ใหญ่เพียงเท่านี้ เขาจะหนีออกไปจากกรงเหล็กได้อย่างไร
เฉินเสียนก้าวเท้าไปเหยียบโซ่ตรวนที่ล่ามข้อเท้าเขาไว้ ทำให้เขาหนีไม่พ้น
เฉินเสียนจับผมที่ยุ่งเหยิงของเขาเอาไว้อย่างแน่น ดึงออกมาจากกรงเหล็กอย่างโหดเหี้ยม
หลิ่วเฉียนเฮ้อเจ็บปวด จากการที่หัวถูกหนีบอยู่กับซอกกรงเหล็กไว้อย่างแน่น
หลิ่วเฉียนเฮ้อพูดด่าว่า “เจ้ามันเป็นผู้หญิงที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม !ไม่ใช่จะพาข้ากลับไปเมืองหลวงหรอ ทำไม ตอนนี้อดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าข้าหรอ!”
เฉินเสียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าเพียงแค่อยากทดลองสรรพคุณของยา จะไปฆ่าท่านได้อย่างไร”
“เจ้าปล่อยข้านะ!”
เฉินเสียนเปิดฝาปิดขวดกระเบื้องนั้นออกมา เธอดึงผมของหลิ่วเฉียนเฮ้อแล้วบีบบังคับให้เขาเงยหน้าขึ้นมา ค่อยๆพูดออกว่า“เจ้าคิดว่าเจ้ากัดฟันแน่นโดยไม่อ้าปากก็ไม่เป็นไรแล้วหรอ ข้าสามารถรินยาเข้าไปในรูจมูกของเจ้าก็ได้ ”
หลิ่วเฉียนเฮ้อเริ่มส่ายหัวซ้ายขวาไปมาโดยไม่ได้นึกถึงว่าหนังศีรษะจะเจ็บปวด
ตอนที่เฉินเสียนกำลังจะเทของเหลวออกมา หลิ่วเฉียนเฮ้อก็คำรามออกมาว่า“เจ้าหยุดนะ!”
เฉินเสียนหยุดสักครู่ แล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามียาถอนพิษให้ รอให้เจ้าได้รับพิษก่อนแล้วข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้า”
ตอนที่หยดของเหลวลงไปสองหยดบนใบหน้าข้างจมูกของหลิ่วเฉียนเฮ้อ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า
“พิษของสั่วเซียนโหวนั้นสกัดมาจากแมลงที่มีพิษ ยาถอนพิษของมันก็ต้องสกัดมาจากพิษของแมลง เพียงแต่ว่าแมลงที่มีพิษนั้นถูกเรียงลำดับที่แตกต่างกันเพื่อใช้พิษถอนพิษ !
แม้ข้าจะไม่รู้ว่ารกมนุษย์มันคืออะไร แต่ข้ารู้ว่าในแมลงมีพิษข้างในนั้นไม่มีสิ่งนี้!เฉินเสียนเจ้าคือนางงูพิษ เจ้าต้องการจะฆ่าข้า!”
เฉินเสียนหยุดการกระทำ ทั้งลานนั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
เธอหัวเราะแล้วพูดว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ตอนแรกที่หลิ่วเหมยอู่โดนพิษนี้ แต่ว่ากินยาถอนพิษตำหรับนี้จึงดีขึ้น”
หลิ่วเฉียนเฮ้อพูด “เจ้าคิดว่ายาถอนพิษของพิษที่ร้ายแรงขนาดนี้มันง่ายที่จะปรุงขึ้นมาหรอ ไม่ว่าหมอคนไหนก็รู้จักรู้ตำหรับยานี้รึ?”
“ทำไมหลิ่วเหมยอู่ถึงดีขึ้นหล่ะ?”
หลิ่วเฉียนเฮ้อปิดปากไม่ตอบคำถาม
เฉินเสียนพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า“ถ้าวันนี้ยาถอนพิษนี้ใช้ถอนพิษเจ้าไม่ได้ก็แล้วไป รอให้กลับไปถึงเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยบอกว่าเจ้าเป็นโรคระบาดระหว่างทางแล้วตาย คงไม่มีใครสงสัยอะไร ”
พูดจบเธอก็ยังคงยืนหยัดที่จะรินยาพิษให้แก่หลิ่วเฉียนเฮ้ออีก
หลิ่วเฉียนเฮ้อจึงกัดฟันแล้วพูดว่า “ข้าให้ยาถอนพิษเซียนเสวี่ยไว้ก่อนแล้ว!”
“อย่างนี้ก็บอกได้ว่าเจ้าเป็นคนให้ยาพิษนี้แก่นางสินะ”
“แล้วจะยังไง!”
เฉินเสียนกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “หลิ่วเฉียนเฮ้อ เจ้ากับหลิ่วเหมยอู่ชั่งเหลือเกินจริงๆ จัดการกับคนที่ขี้ขลาดกลัวตายอย่างพวกเจ้า นี่ไม่ต้องเสียแรงอะไรมาก”
เธอจึงผ่อนมือ แล้วปล่อยหลิ่วเฉียนเฮ้อออก
หลิ่วเฉียนเฮ้อจึงรีบเช็ดของเหลวสองหยดบนใบหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน เปิดปากได้ก็ด่าขึ้นมา แต่เมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้นไปโดยบังเอิญ ก็เห็นฉินหรูเหลียงที่ไม่รู้ว่าไปยืนอยู่ตรงบันไดใต้ชายคาตั้งแต่เมื่อไร
แสงแดดส่องให้เห็นไม่กี่ขั้นของบันได
เงาร่างกายของเขาทอดอยู่กลางระหว่างแสงอาทิตย์และเงาชายคา
ข้างหลังนั้นดูมืดมน สายตาลุกเป็นประกายแวววาว ทำให้เห็นใบหน้าของเขาที่ขาวซีดอย่างเด่นชัด
เสียงของหลิ่วเฉียนเฮ้อจุกอยู่ในลำคอ ลืมไปเลยว่าจะด่าอะไร
เมื่อครู่นี้คำพูดของเขา ฉินหรูเหลียงได้ยินเข้าหูทุกคำ
จากที่คำพูดของหลิ่วเฉียนเฮ้อนั้นเดาได้ไม่ยากว่า ถ้าตอนแรกหลิ่วเหมยอู่ได้รับพิษ นั่นเป็นเพราะหลิ่วเฉียนเฮ้อให้นาง แล้วตอนที่ชายชุดดำวางยาพิษให้แก่นางก็คือหลิ่วเฉียนเฮ้ออย่างไม่น่าสงสัย
คืนที่ถูกลอบสังหารในพระราชวัง มือสังหารบนถนนใหญ่ที่ฆ่าฉินหรูเหลียง ก็เป็นหลิ่วเฉียนเฮ้อทำทั้งหมด
แล้วในคืนนั้น หลิ่วเหมยอู่ไม่ได้ถูกชายชุดดำบีบบังคับ แต่เป็นนางกับหลิ่วเฉียนเฮ้อร่วมกันแสดงละครฉากนั้นขึ้นมา
อย่างแรกคือการปล่อยให้หลิ่วเฉียนเฮ้อหนีไปอย่างง่ายดาย อย่างที่สองเซียนเสวี่ยโดนยาพิษเพื่อที่จะได้รับความเห็นใจจากฉินหรูเหลียง
ตั้งนานมานี้ ฉินหรูเหลียงไม่เคยสงสัยมาก่อนเลย
พิษของสั่วเซียนโหว เดิมทีแล้วไม่ได้ใช้รกมนุษย์มาปรุงยาแล้วจะสามารถถอนพิษได้ แต่หลิ่วเหมยอู่นั้นมียาถอนพิษอยู่ในมือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
นางจงใจที่จะสร้างเรื่องโดนยาพิษนี้ขึ้นมา เพื่อให้ฉินหรูเหลียงนั้นเป็นห่วงทุกข์ใจและทุ่มเทกายใจในการหายาถอนพิษให้แก่นาง
นางคงจะไม่เข้าใจ ว่าในใจของฉินหรูเหลียงนั้นรู้สึกร้อนใจอย่างบ้าคลั่ง
ในตำหรับยานั้นต้องใช้ของบางอย่างมาปรุงยา นางจงใจที่จะใช้รกมนุษย์
เพื่ออะไร?
เพราะว่าเวลานั้นเฉินเสียนกำลังตั้งครรภ์อยู่ ในท้องเธอนั้นมีสิ่งมีชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นมา!
จุดมุ่งหมายของหลิ่วเหมยอู่ไม่ใช่เพื่อให้เขาไปหายาถอนพิษให้แก่นาง แต่ว่าให้เขาไปจัดการกับเด็กในครรภ์ของเฉินเสียน
โดยที่นางไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่นอนแกล้งจะตายรอบนเตียง อีกนิดเดียวก็จะทำให้เขาเกือบฆ่าเด็กคนนั้นด้วยมือของตัวเอง!ทำให้เขาเกือบทำร้ายเฉินเสียนไปตลอดชีวิต โดยที่ไม่ทางที่จะสามารถชดเชยอะไรได้เลย!
เวลานั้นเขารักหลิ่วเหมยอู่มากจริงๆ อดไม่ได้ที่เห็นนางที่จะได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย เขากลับไปใส่ร้ายอะไรที่ไม่ดีให้กับเฉินเสียน
เพื่อที่จะช่วยชีวิตนางไว้ เขาพร้อมที่จะแบกรับภาระที่มันหนักหนาราคาแพงไว้เพียงผู้เดียว
แต่วันนี้เงื่อนงำทั้งหมดเหล่านี้นั้นได้ถูกเชื่อมต่อกันเป็นเส้นเดียว ทำให้ฉินหรูเหลียงนั้นรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน
สิ่งที่เขาพยายามทำมาโดยตลอด มันเป็นเพียงการถูกชี้นำโดยผู้อื่นที่มีการวางแผนอย่างละเอียดไว้และเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขัน
เขาคิดว่าหลิ่วเหมยอู่เป็นคนที่จิตใจดีเมตตา น่าเอ็นดู นางเป็นคนไม่มีอุบายและแผนสูง
วันนี้เขาเพิ่งได้รู้ ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่
เฉินเสียนเก็บขวดกระเบื้องนั้นไว้อย่างดี เดินผ่านไปยังฉินหรูเหลียงอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจึงหยุดพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าฟังชัดเจนหรือยัง?”
ไม่รอให้ฉินหรูเหลียงตอบคำถาม หลิ่วเฉียนเฮ้อกัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าไปฟังคำพูดของนางที่พูดใส่ร้าย!นางเพียงแค่ต้องการจะใส่ร้ายเซียนเสวี่ย!”
ฉินหรูเหลียงมองไปทางหลิ่วเฉียนเฮ้ออย่างสงบนิ่ง สายตาเย็นยะเยือก “ข้าไม่ได้ยินเลยว่านางพูดอะไร มีแต่ได้ยินที่เจ้าพูดออกมา”
“เมื่อครู่นี้ข้าถูกนางบังคับให้ข้าพูด!เจ้าก็เห็นกับตา ว่านางเอาอย่าพิษมาข่มขู่ข้า!”
ฉินหรูเหลียงพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “นางเพียงแค่ต้องการทดลองยา แค่นางขู่ว่าจะใช้พิษทำร้ายเจ้า เจ้าถึงกับกวักมือเรียกทุกอย่างเลยรึ เป็นข้าที่ให้ความสำคัญกับเจ้ามากเกินไป วันนี้เจ้าไม่ตาย เมื่อเจ้ากลับไปเมืองหลวงเมื่อไร ข้าจะทำให้เจ้าต้องโทษประหารชีวิตด้วยมือของข้าอย่างแน่นอน
“ฉินหรูเหลียง เจ้านี่มันใจหมา!”
ฉินหรูเหลียงหันหลังเดินไปแล้วพูดว่า “ใช่ ข้ามันใจหมา เจ้าน่าจะตายได้ตั้งนานแล้ว”
เฉินเสียนกลับเข้ามาในจวน เห็นซูเจ๋ออยู่ ซูเจ๋อพูด “เตรียมเก็บข้าวของ อีกสองวันจะออกเดินทางกันแล้ว”
เฉินเสียนพูด “ไม่มีอะไรต้องเก็บ พรุ่งนี้เช้าก็สามารถเดินทางได้แล้ว”
จากนั้นฉินหรูเหลียงกลับมา บรรยากาศสามคนที่อยู่ในจวนนั้นมันอึดอัดอย่างชัดเจน
ฉินหรูเหลียงมองไปที่ซูเจ๋อ ในที่สุดก็พูดว่า “เจ้าออกไปก่อนได้ไหม ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับนางตามลำพัง”
ซูเจ๋อนั่งอยู่ระเบียงทางเดิน แล้วพูดเบาๆว่า “ที่แท้ก็ไม่ชอบให้ข้าเกะกะ”