แสงไฟที่สว่างในห้องทำงานสาดลงมา ส่องสะท้อนบนตัวของซูเหมย
เวลานี้เธอนั่งแผ่อยู่บนเก้าอี้ แก้มที่ขาวนวลแดงระเรื่อ คิ้วที่ดุจพระจันทร์เสี้ยวบิดอยู่ด้วยกันแน่นมาก หลับตาสนิท ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อย กัดฟันแน่น เห็นได้ชัดว่าปวดถึงขีดสุดแล้ว
เย่เทียนเพียงแค่มองแวบเดียว ก็มองออกอาการป่วยของซูเหมยออก เดินเข้าไปจับข้อมือของเธอไว้โดยไม่รอคำอนุญาต
ซูเหมยอยู่ในอาการที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อถูกเย่เทียนจับไว้ ทำให้เธอรู้สึกตกใจ
เขาจะทำอะไร? ฉวยโอกาสตอนย่ำแย่อยากเอาเปรียบงั้นเหรอ?
คิดอยู่ในใจ ยังไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวเบาๆ ตัวเธอถูกเย่เทียนอุ้มไว้ในอ้อมอก
“ไม่ต้องตกใจ อาการของคุณตอนนี้ไม่เหมาะที่จะขยับมาก ผมจะอุ้มคุณไปนอนที่โซฟา จากนั้นรักษาให้คุณ”
ระหว่างที่ซูเหมยตกใจและสงสัย เสียงพูดที่หนักแน่นของเย่เทียนนั้นก็ดังขึ้นอยู่ข้างหู
เดิมทีซูเหมยรู้สึกกังวลอยู่บ้างว่าเย่เทียนจะฉวยโอกาสลวนลาม แต่หลังจากที่เธอได้ยินคำพูดนี้ ความสงสัยภายในใจหายไปในชั่วพริบตา เหมือนว่าเย่เทียนคุ้มค่าให้เธอเชื่อใจอย่างมาก
“นาย……นายรักษาโรคเป็น?”
ซูเหมยถามจากจิตใต้สำนึก
เย่เทียนหัวเราะเล็กน้อย “พอรู้มานิดหน่อย”
ระหว่างพูดจา เย่เทียนเดินไปที่มุมห้องทำงาน วางซูเหมยลงบนโซฟา
“อื้อ……”
ซูเหมยส่งเสียงฮัมเบาๆ โดยสัญชาตญาณ การกระทำที่รุนแรงเช่นนี้ ทำให้ตรงท้องเธอเจ็บปวดเพิ่มขึ้น หน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นแถบหนึ่ง
ดูขึ้นมาเหมือนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้น และทำให้คนรู้สึกว่าซูเหมยในเวลานี้ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยแรงดึงดูด
เธอกึ่งหลับตา ดวงตามอมเมาด้วยเสน่ห์ที่ประกายแวววาวจับจ้องบนตัวเย่เทียน ในความอ่อนแรงยังมีความงดงามเพิ่มขึ้นมา
“ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ถึงขั้นสุดคนหนึ่ง ขยับนิดขยับหน่อยก็น่าดึงดูดขนาดนั้น……”
กลับเป็นเย่เทียน เวลานี้อดจิตใจสั่นไหวไม่ได้ เชื่อว่าในช่วงเวลานี้ ถ้าเขาอยากจะทำอะไรสักหน่อย ด้วยสภาพของซูเหมยตอนนี้ ต้องต่อต้านไม่ไหวแน่!
แน่นอนว่าเย่เทียนไม่ใช่คนต่ำทรามที่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นอยู่ในอันตราย ไม่ง่ายที่จะกดอารมณ์แตกต่างนั้นไว้ในใจ ขณะเดียวกันยังยื่นมือบีบติ่งหูอ่อนนุ่มของซูเหมยไว้
ตรงนั้นมีจุดหนึ่ง มีผลอย่างมหัศจรรย์ระงับต่อความเจ็บปวดของประจำเดือน
รวบรวมพลังชี่แท้นิดๆ ไว้ที่ปลายนิ้ว ยิงเข้ากลางจุดอย่างช้าๆ
“อ่า……”
รู้ที่ไหนว่าซูเหมยจะส่งเสียงครางออกมาทันใด ร่างกายที่น่าดึงดูดสั่นเทาไม่หยุดสักพัก
ติ่งหูคือหนึ่งในส่วนที่อ่อนไหวของเธอ!
ตอนนี้ถูกเย่เทียนบีบไว้ ยังมีพลังอุ่นโจมตีมาด้วย ทำให้เธอสั่นทั้งตัวเหมือนเจอฟ้าผ่า ชั่วขณะนั้นในใจส่วนลึกผุดความรู้สึกแตกต่างแปลกออกไป
“นาย……นายปล่อยฉัน……”
ซูเหมยเดิมก็แก้มแดงเล็กน้อยอยู่แล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็แดงเหมือนหยดเลือด อดส่งเสียงคิกคักแบบหมดแรงขึ้นมาไม่ได้ ยื่นมืออยากผลักเย่เทียนออก
แต่ตอนนี้ทั้งตัวเธอไร้เรี่ยวแรง จะผลักเย่เทียนผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ที่ไหน แต่ทว่าเหมือนอยากยอมรับแต่แกล้งทำปฏิเสธ
เดิมทีเย่เทียนเพียงแค่อยากบรรเทาอาการปวดให้เธอ แต่เวลานี้ระยะห่างของสองคนใกล้กันมาก แค่หายใจก็เป็นกลิ่นหอมเฉพาะบนตัวของซูเหมย บวกกับเสียงร้องพึมพำที่ยั่วยวนไร้ที่เปรียบนั้นของซูเหมย ร่างกายที่มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมมีปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น เย่เทียนเพียงรู้สึกปากแห้งผาก เขาอดหัวเราะแบบขมขื่นไม่ได้
“ประธานซู ถ้าคุณขยับไปทั่วอีก ผมไม่รับรองว่าผมจะทำเรื่องอะไรหรือไม่……”
คำขู่ที่ไม่หนักไม่เบา คาดไม่ถึงจะมีแรงยับยั้งมากล้นต่อซูเหมย
ซูเหมยตัวสั่นเทาไปหมดโดยสัญชาตญาณ กัดฟันไว้แน่น ถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย “นาย……ต่อให้นายจะรักษาโรค แต่ว่าเปลี่ยนตำแหน่ง ได้หรือเปล่า!”
“เปลี่ยนตำแหน่ง?”
เย่เทียนงุนงงไปก่อน จากนั้นตอบสนองเข้ามาทันที หรี่ตายิ้ม เขารู้ว่าติ่งหูอาจจะเป็นตำแหน่งอ่อนไหวของซูเหมย ไม่อย่างนั้นจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้เหรอ
“ได้!”
เย่เทียนรับปากไปอย่างเปิดเผยมาก จากนั้นเก็บมือกลับแล้ว
เวลานี้ ในที่สุดซูเหมยโล่งอกไปทีหนึ่ง ความรู้สึกแปลกไปนั้น ค่อยๆ กลับไปหายเป็นปกติ
แต่ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก มือของเย่เทียนก็ขยับอีกแล้ว เวลานี้วางไว้บนท้องน้อยราบเรียบซึ่งไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่น้อยนั้นของเธอ
“นาย……อ๊ะ……”
ซูเหมยขมวดคิ้วแน่น กำลังอยากจะพูดอะไรหน่อย ทันใดนั้นความรู้สึกร้อนก็โจมตีมา ทำให้เธอร้องตกใจออกมาอีกครั้ง
แต่ในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกว่า ความเจ็บจี๊ดที่ท้องน้อยค่อยๆ หายไป คาดไม่ถึงได้ผลจริง
แต่ทว่า ความรู้สึกแปลกแบบนั้นราวกับเกลียวคลื่น ซัดสาดหัวใจของเธอ แม้แต่ลมหายใจยังเปลี่ยนไปเร่งถี่ชัดเจน
สุภาษิตว่าไว้ไม่ผิด สามสิบดุจหมาป่า สี่สิบเหมือนเสือ ซูเหมยปีนี้อายุยี่สิบแปด คืออายุของเสือและหมาป่า สามารถจินตนาการได้ว่าเธอมีความทรมานมากเพียงใดกันแน่……
ดีที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้คงทนอยู่นาน ไม่นานเย่เทียนเก็บมือกลับมา พูดจานิ่งๆ “เสร็จแล้ว ตอนนี้คุณน่าจะไม่ปวดแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ซูเหมยราวกับขาดน้ำ ลองค้ำยันตัวขึ้น
ผลปรากฏพบว่า คาดไม่ถึงร่างกายไม่เจ็บแล้ว คือเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ดูเหมือนผ่านการสู้รบครั้งใหญ่มา
“นาย…..นายเป็นใครกันแน่? ครอบครองวิชาการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาไว้ แถมยังมีฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ด้วย?”
ซูเหมยสงบใจที่กระเพื่อมขึ้นไว้ มองเย่เทียนด้วยความสงสัย
“ผมเคยเป็นราชานักฆ่าที่เลื่องชื่อลือนามของโลก ในระดับนานาชาติถูกเรียกว่า‘เทพนักฆ่า’ คนที่ตายอยู่ในมือผมอย่างน้อยเลขสามหลัก สำหรับฝีมือการแพทย์ แค่รู้คร่าวๆ เท่านั้นเอง”
เย่เทียนใช้โทนเสียงกึ่งล้อเล่นตอบกลับ ชั่วขณะนั้นซูเหมยมองค้อนให้เย่เทียนแล้ว ทำให้เขาเข้าใจด้วยตนเอง
เดิมทีเธอไม่เชื่อคำพูดนี้ของเย่เทียน ถ้าเย่เทียนเป็นราชานักฆ่าอะไรนั้นจริง จะลดตัวมาอยู่ด้านในผับเล็กๆ นี้ของเธอได้อย่างไร?
เย่เทียนยิงฟันยิ้ม รู้ว่าซูเหมยต้องไม่เชื่อแน่ ทว่าไม่ได้สืบสาวราวเรื่องต่อ พูดว่า “โรคนี้ของคุณรุนแรงพอสมควร ไม่ค่อยเหมือนกับการปวดประจำเดือนทั่วไป ต่อไปทุกสามวันนวดครั้งหนึ่ง ทำต่อเนื่องสักหนึ่งเดือน น่าจะดีขึ้นมาได้!”
“ยังต้องอีกหนึ่งเดือน?”
ซูเหมยเบิกตาในชั่วขณะนั้น สายตาเปล่งประกายเล็กน้อย
“ตอนนี้ผมแค่ช่วยบรรเทาความปวดให้คุณชั่วคราว ต่อไปยังจะกำเริบใหม่ได้ ถ้าไม่อยากรักษา ก็แล้วแต่คุณ” เย่เทียนยักไหล่บอก
“ฉันเหนื่อยบ้างแล้ว นายออกไปก่อนเถอะ ฉันจะเรียกคนมาจัดเตรียมที่พักให้นาย”
ซูเหมยพูดอย่างหมดแรงชัดเจน นอนลงไปบนโซฟาอีกครั้ง รูปร่างที่ยอดเยี่ยมนั้นของตนเอง แสดงอยู่ต่อหน้าเย่เทียนอย่างหมดจด
เย่เทียนมองเป็นบุญตาอย่างไม่ถือสาแม้แต่น้อย จากนั้นถึงลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งภาพด้านหลังที่สง่างามไว้ให้ซูเหมย
ตามองเห็นว่าเย่เทียนก้าวใหญ่ๆ ออกจากห้องทำงาน ในตาซูเหมยมีแววตาที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
……
คฤหาสน์ที่มีสวน ใกล้ช่วงกลางดึก
เฉินหวั่นชิงอาบน้ำเรียบร้อย ใส่ชุดคลุมที่กึ่งโปร่งแสงตัวหนึ่งนอนบนเตียง พลิกกลับไปกลับมาอย่างไรก็นอนไม่หลับ
ในหัวสมองของเธอ ปรากฏภาพขณะที่อยู่โรงพยาบาล ที่เย่เทียนจากไปแบบไม่หันหน้ากลับมาเลยโดยตลอด
ผ่านไปตั้งนาน เฉินหวั่นชิงจับพลัดจับผลูหยิบมือถือออกมาต่อสายไปหาเย่เทียน
แต่ในสายโทรศัพท์นั้นเป็นเสียงตู๊ดๆ ลอยมา คาดไม่ถึงว่าปิดเครื่องแล้ว!
“สารเลว!”
เธอสบถคำหนึ่ง หงุดหงิดจนโยนมือถือลงบนเตียงอย่างแรง
“ดึกดื่นไม่กลับบ้านก็แล้วไป นึกไม่ถึงยังกล้าปิดเครื่อง! จะมางอนใส่ฉันเหรอ? เชอะ ฉันจะดูว่านายจะหยิ่งไปได้ถึงเมื่อไรกัน!”
ในใจเฉินหวั่นชิงทั้งกลัดกลุ้มทั้งโมโห ทั้งที่เธอเป็นคนไล่เย่เทียนไป เวลานี้กลับรู้สึกโกรธเคืองเพราะเย่เทียนไม่กลับบ้าน
เฉินหวั่นชิงถือโอกาสไม่สนใจอีก ปิดไฟทันที คลุมตนเองไว้ในผ้าห่ม ค่อยๆ เข้าสู่ความฝัน…….