ในฐานะหนึ่งในสามรัฐใหญ่แห่งจักรวรรดิวัลลา ดยุกอินทรีเงิน ‘ฮอร์รัน•เฟาสต์’ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง และใช้ชีวิตอย่างน้อบน้อมต่อคำสั่งของจักรพรรดิอย่างไม่มีข้อกังขาเขารู้ดีว่าการปกครองเหนือดัชชี*อินทรีเงินเป็นขีดจำกัดอำนาจของเขา เขาจึงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่ราชวงศ์วัลลามีต่อเขา
(ดัชชี เป็นอาณาเขตการปกครองหรือบริเวณที่ปกครองโดยดยุกหรือดัชเชส)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่จักรวรรดิวัลลาทำสงครามกับราชรัฐโรวีเนีย และเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ความแค้นที่เหล่าราชวงศ์มีต่อดยุกของจักรวรรดิก็เพิ่มพูนขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าดยุกทั้ง 3 เป็นลูกหลานของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอาณาจักร และได้รับการปกป้องจากกฎหมาย ราชวงศ์ก็คงจะลดระดับพวกเขาไปเป็นขุนนางธรรมดาแล้ว
โชคดีที่ศาสนจักรต่าง ๆ ในจักรวรรดิวัลลาได้คอยถ่วงดุลพวกเขาเอาไว้ และสงครามในราชรัฐโรวีเนียก็เป็นขีดจำกัดของจักรพรรดิแล้ว อย่างน้อยฮอร์รันก็ไม่ต้องกังวลว่าจักรพรรดิจะส่งทหารมาเคาะประตูหน้าบ้านเขาตอนนี้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน
ความจริงมันมีอันตรายและปัญหามากกว่าที่ฮอร์รันคิด เพียงแค่จดหมายที่เขาได้รับเมื่อเช้านี้ก็ทำให้เขาเศร้าไปทั้งวัน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่หายดี
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มรูปหล่อจะก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้า ๆ เขาก้มหัวให้กับดยุคชราอย่างสง่างาม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“ท่านพ่อ ท่านเรียกหาข้ารึ”
เขาเป็นลูกชายคนโตของฮอร์รันเฟาสต์ เซซิลเฟาสต์
เขามีผมสีทองหยักศก ใบหน้าของเขาเหมือนถูกแกะสลักมาอย่างดี และผิวของเขาก็ทำให้ลูกสาวของตระกูลชนชั้นสูงยังต้องอิจฉา ดวงตาของเขาเหมือนสระน้ำลึกสีไพลิน และร่างกายที่กระชับและสง่างามของเขาก็บ่งบอกให้คนอื่น ๆ รู้ว่าเขาเก่งในการดวลมากกว่าความมั่งคั่งที่เขามี ดาบของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อประดับเท่านั้น
ผู้คนกล่าวกันว่า เขาได้รับการถ่ายทอดยีนอันสูงส่งจากฝั่งพ่อของเขามาอย่างสมบูรณ์แบบ และเขายังเป็นลูกชายที่ฮอร์รัน•เฟาสต์ภาคภูมิใจที่สุดอีกด้วย
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางเต็มตัว แต่ในฐานะลูกชายคนเดียวของฮอร์รันที่ยังคงอยู่ในปราสาทขุนนาง เขาก็เกือบจะถูกกำหนดให้สืบทอดตำแหน่งของพ่อ และกลายเป็นดยุกอินทรีเงินคนใหม่ในอนาคต
“ใช่ ข้าเพิ่งได้รับข่าวร้ายจากเมืองใกล้หุบเขาแห่งความตาย” ดยุคชราจ้องมองลูกชายของเขาและพูดต่ออย่างช้า ๆ “น้องชายของเจ้าถูกโจรฆ่าตาย”
“อะไรนะ!”
เซซิลตกใจ คิ้วของเขาขมวดราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ น้ำตาไม่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา เขายั้งตัวเองเอาไว้ แต่ความเศร้าโศกก็แทรกออกมาในน้ำเสียงของเขา “เมื่อสองเดือนก่อน เรายังหัวเราะและพูดคุยกับเขาที่นี่อยู่เลย ข้าไม่คิดว่า…”
ฮอร์รันดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาของลูกชายและพยักหน้าเบา ๆ
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ส่งลูกชายคนอื่น ๆ ออกไปปกครองดินแดนอื่น แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าดยุคชราไม่ได้สนใจลูกชายของตัวเอง
เขาทำเช่นนั้นไปก็เพื่อปกป้องลูก ๆ ของเขา แต่เอ็ดมันด์ก็ยังต้องตายก่อนวัยอันควร
แม้ว่าฮอร์รันจะรับมือกับแผนการเจ้าเล่ห์และการแทงข้างหลังมาหลายปีในฐานะขุนนาง ซึ่งทำให้เขามีนิสัยที่แข็งกระด้าง แต่การที่ต้องสูญเสียลูกไป มันก็ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อแม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างเหลือทน เขาทรมานกับความเจ็บปวดมาตั้งแต่เช้า แต่เขาก็ต้องสะกดกั้นมันเอาไว้
ตอนนี้เขาไม่สามารถทนอยู่ในความเศร้าโศกได้อีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่เขาเรียกหาลูกชายของเขามาพบ เขาหวังว่าลูกชายจะช่วยแบ่งปันความเจ็บปวดของเขาได้บ้าง
และลูกชายคนโตของเขาก็เป็นไปตามความคาดหวังของเขาเช่นเคย แม้ว่าเขาจะเสียใจกับการจากไปของน้องชาย แต่เขาก็ไม่ได้เจ็บปวดมากเกินไป อย่างไรเสีย ดยุคก็รู้ดีว่าลูกชายทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอะไรกันนัก เขาจะผิดหวังมากขึ้นหากลูกชายคนโตของเขาเสียใจกับเรื่องนี้มากเกินไป
“ท่านพ่อ ข้าจะจัดการรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีศพของแองโกร่า ท่านควรอยู่บ้านและพักผ่อน เพราะท่านคือกระดูกสันหลังของดัชชี่”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเป็นแองโกร่า” ดยุคชราขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่เขารึ…” เซซิลหายใจสะดุด ดูเหมือนเขาจะทำผิดพลาด
“แองโกร่ายังมีชีวิตอยู่และสบายดี เขาเพิ่งเขียนจดหมายถึงข้าเมื่อ 2 วันก่อน ดูเหมือนว่าเมืองเล็ก ๆ ของเขาจะไปได้ดีมาก” ฮอร์รันพูดอย่างเคร่งขรึม “เอ็ดมันด์ต่างหากคือคนที่ถูกฆ่า!”
“ข้าผิดเอง” เซซิลก้มหัวลงทันที
“ไม่เป็นไร” ดยุกชราถอนหายใจ “เจ้าไปได้แล้ว”
เซซิลโค้งคำนับและรีบออกจากห้องทำงานไปทันที
หลังจากกลับไปที่ห้องของเขา เซซิลก็รีบหยิบกระจกที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นไม้ออกมา
เขากรีดนิ้วและหยดเลือดของตัวเองลงไปบนกระจก จากนั้นกระจกก็เริ่มดูดซับเลือดเข้าไปเหมือนกับฟองน้ำ
ไม่นานร่างในชุดคลุมสีดำปิดบังใบหน้าก็ปรากฏขึ้นที่อีกด้านของกระจก
“ว่าที่ดยุกในอนาคต ท่านมีปัญหาอะไร” อีกฝ่ายถามด้วยเสียงแหบพร่าที่ฟังดูไม่เหมือนมนุษย์
“ชุมนุมลับดวงตาของเจ้าทำงานกันแบบนี้เหรอ! ทำไมแองโกร่าถึงยังสบายดี แต่เอ็ดมันด์กลับตาย”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซซิลมืดครึ้ม เขาถามอย่างเย็นชา
“ท่าน การเสียชีวิตของเอ็ดมันด์เป็นอุบัติเหตุ ข้าแน่ใจว่าท่านไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ดังนั้นข้าจะบอกท่านตามตรง ในเมืองใกล้หุบเขาแห่งความตายได้มีกองกำลังที่ไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้น พวกมันเข้าปล้นท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดและสังหารตัวหมากที่พวกเราวางไว้…ตัวหมากผู้น่าสงสารไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูคือใคร หรือมีแรงจูงใจอะไรก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่าจนหมด” ชายในชุดคลุมพูดช้า ๆ “สำหรับแองโกร่าน้องชายคนเล็กของท่าน แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจ แต่เราก็ได้ตั้งสมมติฐานไว้แล้วว่า เขาอาจมีกองกำลังลึกลับนั่นอยู่เบื้องหลัง เป้าหมายของพวกเขาอาจคล้ายกับท่าน เพื่อครอบครองสมบัติลับของตระกูลเฟาสต์…”
“สารเลว” ดวงตาของเซซิลเย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง “ตระกูลเฟาสต์เป็นของข้า ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้”
“ถูกต้อง ท่านเคยบอกเราว่าสมบัตินั้นลึกลับมาก ตอนนี้แม้แต่ชุมนุมลับดวงตาของเราก็ไม่สามารถตรวจพบการมีอยู่ของสมบัติลับนั้นได้ และคนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับสมบัติลับมากที่สุดในตอนนี้ก็คือน้องชายของท่าน ซึ่งเรายังไม่ทราบเกี่ยวกับตัวมารดาผู้ให้กำเนิดแองโกร่า•เฟาสต์” ร่างนั้นกำลังอธิบายบางสิ่งบางอย่าง เขาค่อย ๆ เปิดเผยข้อมูลของเขา “แต่สบายใจได้ ท่านจ่ายเงินมาแล้ว ดังนั้นชุมนุมลับของเราจะสนับสนุนท่านจนจบ ทันทีที่กองกำลังในภาคส่วนอื่น ๆ มีเวลาว่าง เราจะระดมสมาชิกของเราเพื่อช่วยกำจัดน้องชายคนเล็กของท่าน”
“ฮึ่ม” เซซิลทำเสียงฮึดฮัด เขาลุกขึ้นยืนและค่อย ๆ เดินไปที่ประตู จากนั้นเขาก็ดึงประตูเปิดออกอย่างกะทันหัน
ด้านนอกประตูเป็นสาวใช้ตัวน้อยที่กำลังตื่นตระหนก
“เจ้าได้ยินอะไร” เขาถามอย่างเย็นชา
“ท่านหมายถึงอะไร? ท่าน…”
ก่อนที่สาวใช้จะพูดจบ ดาบเหล็กที่เย็นเฉียบของเซซิลก็แทงทะลุหัวของเธอ ฆ่าเธอตายในทันที!
“ข้าหวังว่าเจ้าจะหมายความตามที่เจ้าพูด” น้ำเสียงของเซซิลฟังดูน่ากลัว ขณะที่เขาสะบัดคราบสมองที่ติดอยู่บนใบดาบทิ้ง
—————————-