บทที่ 160 สิ้นสุดฤดูหนาว
ห้องทํางานในปราสาทเอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์
ห้องทํางานนี้ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและซับซ้อนมาก พนักทุกด้านของห้องถูกทําเป็นชั้นหนังสือ เต็มไปด้วยต้นฉบับหนังสือล้ําค่าต่าง ๆ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอ่านมันออก
เตาผิงที่กําลังลุกไหม้ทําให้ห้องอุ่นขึ้นราวกับเป็นฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นภายนอก
ก๊อก ๆ
ประตูที่แกะสลักจากไม้หอมเทสเลียทั้งชิ้นซึ่งมีราคาแพงยิ่งกว่าทองคําถูกเคาะจากด้านนอก
“มีอะไร?” เอิร์ลโคริน ลอร์ดแห่งเมืองแลงคาสเตอร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘กวางดำ’ ลดปากกาลงและถามเสียงเบา
“เราพบศพของบารอนตระกูลในเจลาเนียแล้วขอรับท่านลอร์ด” ผู้ดูแลที่ประตูรายงานด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก แต่เพียงพอให้ลอร์ดของเขาได้ยิน
“ฮึ ข้าเตือนเขาแล้วว่าอย่าผลีผลาม…” โครินพูดอย่างเย็นชา “เข้ามา”
ด้านนอกประตูมีชายคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบของทหารของเมืองแลงคาสเตอร์เดินเข้ามาในห้องด้วยความเคารพ เขาโค้งคํานับและวางแผ่นกระดาษไว้บนโต๊ะทํางานของโคริน จากนั้นก็ออกจากห้องไป
โครินหยิบมันขึ้นมาดูอย่างรอบคอบรอบคอบ
ไม่นานเขาก็โยนมันลงบนโต๊ะทํางาน ใบหน้าที่แก่ชราของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์
เขาเคยได้ยินข่าวมานานแล้วว่าทายาทตระกูลขุนนางเก่าแก่คนหนึ่งของวัลลาที่จักรพรรดิส่งมายังแลงคาสเตอร์ กําลังดูถูกพลเมืองของเขาอย่างหยาบคาย
แม้ว่าโครินจะเป็นผู้ปกครองแลงคาสเตอร์ โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอิร์ลจากจักรวรรดิ และมีตําแหน่งสูงกว่าขุนนางตระกูลไนเจลาเนีย 2 ลําดับ แต่ในความเป็นจริงเขาไม่สามารถทําอะไรได้มากนัก
เหตุผลนั้นง่ายมาก แลงคาสเตอร์เป็น 1 ใน 4 เมืองใหญ่ของเทียร์ร่าที่รอดพ้นจากการโจมตีของอาณาจักรเพื่อนบ้าน ทั้งหมดเป็นเพราะโครินยอมได้จํานนในทันที และมีเพียงพลเมืองเทียร์ร่าที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเท่านั้นที่เสียชีวิตจากการถูกกวาดล้าง
ดังนั้นเพื่อเป็นตอบแทนความมีไหวพริบของเขา และเป็นแบบอย่างให้เมืองอื่น ๆ ยอมจํานนจักรพรรดิในเวลานั้นจึงยอมให้โครินผู้แปรพักตร์ รักษาตําแหน่งของเขาในฐานะเจ้าเมืองต่อไปอย่างมั่งคง
แต่ตอนนี้จักรวรรดิได้มีอํานาจควบคุมดินแดนเทียร์ร่าในอดีตอย่างสมบูรณ์แล้ว คนเช่นโคริน ที่ไม่ได้เกิดในอาณาจักรวัลลา ก็เป็นเพียงหนามยอกอกของจักรพรรดิองค์ใหม่เท่านั้น
ขุนนางตระกูลในเจลาเนียคนนั้นถูกส่งมาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง และค่อย ๆ กลืนกินอํานาจหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมืองตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา
โครินรู้ถึงแผนการของจักรพรรดิเป็นอย่างดี หากเขาทนไม่ได้และเริ่มจัดการกับไนเจลาเนีย อีกฝ่ายก็จะฉวยโอกาสนั้นกําจัดเขาอย่างแน่นอน! แม้ว่าเขาจะสร้างเครือข่ายผู้ติดต่อจํานวนมากขึ้นมาได้อย่างยากลําบากเพื่อรักษาตําแหน่งของเขาในฐานะเจ้าเมืองเอาไว้ แต่เขาก็คาดเดาได้ว่าคนสนิทที่อยู่ใกล้ตัวเขา คงจะถูกแทนที่ด้วยคนอย่างขุนนางในเจลาเนีย ในขณะที่ตัวเขาเองในฐานะเจ้าเมืองถูกลดบทบาทลงให้เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่มีอํานาจแท้จริง
และถึงแม้ว่าโครินจะทนการยั่วยุของในเจลาเนียได้ อีกฝ่ายก็ยังแย่งชิงอํานาจของเขาไปที่ละนิดได้อยู่ดี แม้ว่ากระบวนการนี้จะน่าเกลียดมาก แต่ถ้าเขาไม่สามารถหยุดมันได้ทันเวลาผลลัพธ์ สุดท้ายของเขาก็อาจจะเลวร้าย ไม่ว่าวิธีไหนเขาก็จบไม่สวยทั้งนั้น
ความจริงมีข้าราชกาลชั้นสูงบางคนในเมืองที่จิตใจไม่มั่นคงพอ หรือไม่มีวิสัยทัศน์เพียงพอ เริ่มลังเลและขยายกิ่งมะกอกไปยังในเจลาเนียแล้ว
เมื่อใดก้ตามที่เขาได้รับรายงานลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ โครินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสมองของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมีบางอย่างผิดปกติหรือไม่ เหตุผลที่พวกเขาทุกคนสามารถรักษาอํานาจและตําแหน่งของตนเอาไว้ได้ก็เป็นเพราะโคริน ทําไมพวกเขาถึงคิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะจบลงด้วยดีหากเขาล้มลง?
อันที่จริงโครินก็ได้เริ่มวางแผนกําจัดไนเจลาเนียแบบลับ ๆ แล้ว
แต่สุดท้าย เพื่อนผู้ละโมบคนนั้นก็ตายเพราะความโลภของตัวเอง ก่อนที่แผนการของเขาจะพร้อมอย่างง่ายดายโดยพลเรืองเพียงไม่กี่คน
“ช่างเป็นวิธีตายที่เหมาะสมกับคนที่โง่เขลาแบบนั้นจริง ๆ” โครินพึมพําอย่างเย็นชา
ต้องบอกว่าการตายของในเจลาเนียเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่สําหรับตัวเขาเอง มันค่อนข้างเป็นปัญหา
แม้ว่าเขาจะมีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ที่พิสูจน์ได้ว่าในเจลาเนียถูกฆ่าตายเพราะวิ่งไปที่แลงคาสเตอร์เขตเหนือเอง แต่จักรพรรดิองค์ใหม่คงไม่สนใจหลักฐาน
โครินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกเหนื่อยล้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มากกว่าในอดีต
ไม่เพียงแต่เขาจะต้องทนต่อการปกครองอย่างเลือดเย็นของราชวงศ์วิลลา แต่เมืองแลงคาสเตอร์เองก็กําลังแย่ลงเรื่อย ๆ แถมเขายังต้องรับมือกับเหล่าขุนนางอีก
ในช่วงเวลานั้น เขาคิดถึงกษัตริย์ผู้โง่เขลาและตาบอดแห่งเทียร์ร่า ที่สนับสนุนให้เขาดําเนินการปฏิรูปการค้า และในที่สุดก็พัฒนาแลงคาสเตอร์ให้เป็นเมืองการค้าได้สําเร็จ
“วันนี้มานั่งเสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
โครินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คิดว่าจะทําอย่างไรต่อไป
ในเวลานั้นประตูห้องทํางานก็ถูกเปิดออกเป็นช่องเล็ก ๆ
ชายชรามองไปที่ประตูโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพบใบหน้ากลม ๆ เล็ก ๆ น่ารักโผล่เข้ามา
“เจ้ามาทําอะไรที่นี่หม? เกวนโดลิน” ชายชราถามหลานสาวอย่างใจดี
“คุณปู่กําลังถอนหายใจอีกแล้ว!” เด็กซนตัวน้อยเปิดประตูอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าเธอถูกพบแล้ว เธอรีบเข้ามาข้างในและปืนเข้าไปในอ้อมแขนของโคริน “ข้าอยากไปเที่ยวที่ชานเมืองในช่วงเทศกาลหว่านเมล็ด แต่คุณแม่บอกว่าข้าต้องมาขออนุญาติจากคุณปู่ก่อน! เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ชานเมืองนานแล้ว คราวนี้เราออกไปเล่นน้ำได้ไหม”
ชายชราลูบหัวเธอ “แน่นอนปูอนุญาต แต่ปูจะจัดให้มีคนคอยปกป้องพวกเจ้าทั้งคู่ ดังนั้นอย่าวิ่งไปไหนมาไหนเองตกลงไหม”
เด็กหญิงตัวน้อยเลิกคิ้วทันทีแล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะหอมแก้มชายชราฟอดหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ คุณปู่!”
ครึ่งหนึ่งของใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยน้ําลายของเด็กหญิง เขามองเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กําลังดีใจวิ่งออกไปอย่างอ่อนโยน
“ข้าจะต้องทํางานให้หนักขึ้นเพื่อเกวนโดลิน…”
ดังนั้นเขาจึงหยิบรายงานบนโต๊ะขึ้นมาอ่านซ้ํา ๆ อีกครั้งและอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นเบาะแสบางอย่างจากข้อมูลที่เขาไม่เข้าใจในตอนแรก “หมายความว่าก่อนที่เขาจะถูกฆ่า ไนเจลาเนียต้องการผูกขาดโพชั่นแปลก ๆ ที่เป็นที่นิยมในขณะนี้จากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก? และแหล่งที่มาของมัน แม้แต่คนของข้าก็ยังไม่รู้ด้วย”
โครินดูแลแลงคาสเตอร์มานานหลายสิบปี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่พบที่มาของโพชั่นเหล่านั้น เบื้องหลังเรื่องนี้น่าสนใจมาก
“ดูเหมือนว่าข้าคงต้องพบกับมิสเตอร์มาร์นี่ผู้อมตะคนนั้น…สักครั้ง”
ชายชรามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
ในเวลานั้น ดวงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวก็ได้ส่องแสงทะลุผ่านเมฆดําหนาทึบ นําความอบอุ่นเล็กน้อยแทรกเข้ามายังผืนดินที่เต็มไปด้วยหิมะ
ฤดูหนาวสิ้นสุดลงแล้ว