คำพูดของกู้จิ้งทำให้ท่านหมอเหลิ่งประหลาดใจไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นว่าวิธีรักษาคนไข้ของกู้จิ้งไม่เหมือนกับสำนักใดๆ ที่เขารู้จักทั้งสิ้น แต่เป็นวิธีที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินมาก่อน เทียบยาปากู่ซ่านที่นางมอบให้ยิ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาที่เด่นชัดมาก
เดิมเขาคิดว่าตนเองเป็นหมอมาหลายปี แม้แนวทางการรักษาจะไม่เหมือนกับวิชาแพทย์ของกู้จิ้ง แต่อย่างน้อยก็มีจุดเด่นของตัวเอง
พูดตรงๆ ก็คือ หมอสองคนต่างคนต่างมีจุดเด่น ต้าเซียนมีจุดเด่นของต้าเซียน เขาท่านหมอเหลิ่งก็มีจุดเด่นของท่านหมอเหลิ่ง
เช่นอาการไส้เป็นหนองนี้ ต้าเซียนใช่ว่าจะรู้จัก
แต่ใครจะรู้ว่า อีกฝ่ายกลับสามารถบอกที่มาของเทียบยาของเขาได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่ารู้วิธีรักษาอาการไส้เป็นหนองเป็นอย่างดี
ท่านหมอเหลิ่งยกมือขึ้นประสานพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เรียนถามต้าเซียน ไม่ทราบว่ามีวิธีอะไรที่จะสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของคนไข้ได้ทันทีหรือไม่?”
ต้าเซียนพูดถูก คนไข้เจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย จะมารอให้เคี่ยวยาอยู่ได้อย่างไร? ดีไม่ดียายังเคี่ยวไม่ทันเสร็จ คนก็อาจตายไปเสียก่อน
เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น
กู้จิ้งตอบว่า “มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะได้ผลทันตา นั่นคือตัดทิ้ง”
“ตัดทิ้ง?”
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรวมทั้งท่านหมอเหลิ่งต่างก็ตกใจมาก ภรรยาของคนป่วยแทบจะกระโดดพรวดขึ้นมาเลยทีเดียว “ตัด…ตัดทิ้ง?”
กู้จิ้งพยักหน้า “พี่ชายท่านนี้ปวดมากขนาดนี้ เป็นเพราะความชื้นและความร้อนซึ่งสั่งสมอยู่ในลำไส้ทำให้เลือดกลายเป็นหนอง จะขจัดหนองต้องค่อยเป็นค่อยไป หนึ่งวันสองวันสามวันสี่วัน แต่ระหว่างนี้เกรงว่าคนไข้จะทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้วเสียชีวิตไปเสียก่อน ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือตัดส่วนที่เป็นหนองทิ้ง”
“แต่… แต่…แต่ว่า…”
ใช้มีดตัดแค่ฟังก็น่ากลัวมาก สตรีวัยกลางคนผู้นั้นจึงทำใจไม่ค่อยได้
คิดไม่ถึงว่านางกำลังลังเล ผู้ชายซึ่งดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นกลับตะโกนขึ้นมาว่า “ตัด ตัดเดี๋ยวนี้! ต้าเซียน ขอร้องท่าน ช่วยตัดให้ข้าด้วยเถิด!”
ตัดขาทิ้งสักข้างยังดีกว่าทนปวดอยู่แบบนี้! ปวด ปวดแทบตายอยู่แล้ว!
ท่านหมอเหลิ่งเห็นเช่นนี้ก็เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ต้าเซียนพูดถูก สมควรต้องตัดทิ้ง!”
“หา?” ทุกคนตกใจมาก
เดิมคิดว่าท่านหมอเหลิ่งกับกู้ต้าเซียนจะประชันวิชาแพทย์กัน ทำไมจู่ๆ ท่านหมอเหลิ่งถึงได้ยอมแพ้กู้ต้าเซียนง่ายๆ เช่นนี้เล่า?
กู้จิ้งเองก็ประหลาดใจ แต่ไม่นานนักก็เข้าใจ
ท่านหมอเหลิ่งไม่ได้เป็นคนที่ใส่ใจชื่อเสียงเกียรติภูมิของตัวเองมากนัก เขาเป็นคนที่เห็นการรักษาผู้ป่วยเป็นภาระหน้าที่ของตัวเอง ในยามคับขัน คนเช่นนี้มักจะรู้ดีว่าวิธีไหนเป็นวิธีรักษาที่ส่งผลดีต่อคนไข้มากที่สุด
หมอทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้ในชั่วพริบตา พวกเขาพยักหน้าให้กัน จากนั้นท่านหมอเหลิ่งก็เริ่มเตรียมตัวช่วยกู้จิ้ง ‘ตัดๆๆ’
กู้จิ้งบอกให้ทุกคนช่วยกันหามคนไข้ไปที่บ้านของเธอ เพราะที่นั่นมีอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมมากกว่า
พอไปถึง คนอื่นๆ ถูกไล่ออกไปจนหมด เหลือแค่ท่านหมอเหลิ่งคนเดียวเท่านั้น
กู้จิ้งให้คนไข้นอนหงายแล้วให้ดื่มยาชาที่เธอผสมขึ้นลงไป จากนั้นก็ใช้ยาโพวิโดนไอโอดีนทาหน้าท้องเพื่อฆ่าเชื้อ รอจนยาชาออกฤทธิ์ก็เริ่มลงมือตัดๆๆ
เธอใช้มีดกรีดตรงบริเวณท้องด้านล่างขวา ผูกปมห้ามเลือด จากนั้นก็เปลี่ยนมีด กรีดกล้ามเนื้อท้องชั้นนอกให้แยกออกจากกัน ผูกปมเสร็จก็กรีดกล้ามเนื้อชั้นในและเยื่อบุช่องท้อง ถึงตอนนี้ก็เห็นหนองสีเหลืองอ่อนไหลทะลักออกมา
ท่านหมอเหลิ่งเห็นกู้จิ้งทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว ดวงตาก็ฉายแววตกตะลึง
เขาสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กู้จิ้งทำเรื่องแบบนี้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่แท้นางเป็นศิษย์สำนักไหน และไปเรียนวิชาแพทย์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้มาจากที่ไหน?
กำลังคิดอยู่ก็เห็นกู้จิ้งหาไส้ติ่งเจอ หลังจากตัดไส้ติ่งทิ้ง นางก็ใช้น้ำอะไรบางอย่างทาตรงตำแหน่งนั้น จากนั้นก็เริ่มเย็บแผลแล้วใช้น้ำอะไรก็ไม่รู้ล้างตรงบริเวณแผลที่ถูกตัดซ้ำแล้วซ้ำอีก
สุดท้ายนางดูเหมือนจะพอใจแล้ว จึงเย็บปิดแผล
เรื่องที่ทำให้ท่านหมอเหลิ่งตื่นตะลึงมากที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ หูเหล่าซานไม่รู้สึกอะไรเลย แถมยังไม่มีทีท่าเจ็บปวดสักนิด
กู้จิ้งพอใจผลการผ่าตัดครั้งนี้มาก แม้จะมีอุปกรณ์ไม่ครบ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องใช้ของในสมัยโบราณซึ่งหยาบกว่ามากมาแทนที่ แต่โดยรวมแล้วก็ราบรื่นดี เธอหยิบไส้ติ่งที่ตัดออกมาขึ้นมาดู พบว่าในเยื่อเมือกบุผิวของมันเต็มไปด้วยเลือดแถมยังบวมน้ำ อีกทั้งตรงกลางยังมีรูขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว ดังนั้นจึงหันไปกล่าวกับท่านหมอเหลิ่งว่า “ท่านหมอเหลิ่งโปรดดู ตรงนี้เนื้อเน่าไปหมดแล้ว หากไม่ตัดทิ้งจะกลายเป็นเภทภัยไม่จบสิ้น”
มาถึงขั้นนี้ ท่านหมอเหลิ่งยังจะพูดอะไรได้อีก?
ภาพที่ได้เห็นทั้งหมดทำให้เขาตื่นตะลึงจนอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าสามสิบปีที่ผ่านมาตัวเองทำอะไรอยู่?
เขาเองก็เป็นหมอมาสามสิบปี แล้วสามสิบปีมานี้เขาทำอะไรมาบ้าง?
เขาเคยเห็นวิธีรักษาที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้มาก่อนไหม? เขาเคยเห็นอวัยวะภายในของคนไข้มาก่อนหรือเปล่า?
เดิมเขาคิดจะเขียนเทียบยาให้คนไข้ค่อยๆ ดื่มค่อยๆ รักษา แต่ต้าเซียนกลับตัดลำไส้ส่วนที่เน่าไปแล้วออกมา ซ้ำยังหันมาบอกเขาว่า ดูสิ ตรงนี้เน่าไปแล้ว…
แบบนี้ยังจะเทียบกันได้อีกหรือ?
ท่านหมอเหลิ่งซึ่งเยือกเย็นมาตลอดเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“ที่แท้ฮูหยินก็เป็นต้าเซียนจริงๆ ผู้แซ่เหลิ่งเลื่อมใสนัก”
เขาค้อมกายคำนับต่ำ เรียกได้ว่าแทบจะคุกเข่าให้สตรีตรงหน้าเลยทีเดียว
วิชาแพทย์เช่นนี้ บนแผ่นดินยากจะพบพาน
หลังจากกู้จิ้งไปเป็นประธานงานแต่งงานมาครั้งหนึ่ง
ภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองของเธอก็ถูกร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านเว่ยอวิ๋นรวมไปถึงหมู่บ้านอื่นๆ ใครๆ ต่างก็พูดว่าเธอชอบกินถั่วลิสง ยิ้มเก่ง เป็นกันเองกับทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงพากันนำถั่วลิสงที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้มาวางไว้ที่นอกบ้านของกู้จิ้ง
ตอนนี้ที่นอกบ้านของเธอมีแท่นอยู่อันหนึ่งสำหรับให้ผู้คนวางของเซ่นไหว้
เนื่องจากป้ายห้ามจุดธูปจุดประทัดสะดุดตามาก ประกอบกับต้าเซียนมีชื่อเสียงเป็นที่เกรงขามของทุกผู้คน ทำให้ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนกฎ ตอนนี้จึงไม่มีคนจุดธูปหรือจุดประทัดอีก
กู้จิ้งได้ความสงบ ในขณะเดียวกันยังได้รับอาหารอีกมากมาย
แน่นอน เธอเองก็พยายามช่วยเหลือและรักษาโรคให้ชาวบ้านสุดความสามารถ ไม่ว่าชาวบ้านมีเรื่องอะไรก็มักจะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอเองก็พยายามคิดหาวิธีช่วยเหลือเสมอ ทำไปทำมา ชื่อเสียงของเธอก็ยิ่งโด่งดังกว่าเดิม แม้กระทั่งผู้คนที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขาและในตัวเมืองก็ยังได้ยินชื่อเสียงของต้าเซียนแห่งเขาเว่ยอวิ๋นและพากันมาขอความช่วยเหลือ
กู้จิ้งวุ่นวายอยู่กับการรักษาผู้ป่วยจนหัวปั่น ทำให้เธอถึงกับเริ่มคิดว่าควรจะรับลูกศิษย์สักคน
เซียวเถี่ยเฟิงยังคงเข้าป่าไปล่าสัตว์อยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว สัตว์ที่ล่าได้มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ บางครั้งก็ถึงกับกลับมามือเปล่า
กู้จิ้งถามว่าเขาไปไหนมา เขาก็ไม่บอก
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ เธอมักจะอดปรายตามองเขาไม่ได้ “ทำตัวลึกลับ ใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นปีศาจ!”
แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับยิ้ม “ใช่ ข้ากำลังฝึกอาคมอยู่ จะได้เสกทรัพย์สินเงินทองบ้านหลังใหญ่กับข้าทาสบริวารให้เจ้าอย่างไรเล่า”
คำพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ใครเชื่อก็บ้าแล้ว กู้จิ้งส่งค้อนให้เขา
ตอนแรกเธอคิดว่าคนคนนี้เป็นคนซื่อๆ ข่มเหงได้ง่าย ทำไมยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าภายใต้เปลือกที่ดูซื่อๆ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์?
แต่พอนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเถี่ยเฟิงกับชาวบ้านคนอื่นๆ เธอก็เริ่มเข้าใจ เขามักจะปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความซื่อสัตย์มีมารยาท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มักจะเป็นฝ่ายยอมลงให้อยู่เสมอ แบบนี้คนอื่นๆ จะไม่คิดว่าเขาเป็นคนซื่อได้อย่างไร? แต่ในความเป็นจริงน่ะหรือ อย่าได้ไปตอแยเขาเข้าเชียวนะ ถ้าทำให้เขาโมโหขึ้นมา เขาจะตอบโต้อย่างรุนแรงเลยทีเดียว
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านบรรพบุรุษจะเป็นคนแบบนี้
แต่กู้จิ้งคิดๆ แล้วก็ไม่สนใจอีก เทียบกับท่านบรรพบุรุษแล้ว ตอนนี้เธอมีเรื่องต้องใส่ใจมากกว่า นั่นก็คือการถ่ายทอดความรู้พื้นฐานด้านสุขอนามัยให้กับคนในหมู่บ้าน ตอนนี้เธอก็นับได้ว่าค่อนข้างคุ้นเคยกับพวกผู้หญิงและหญิงชราหลายคนในหมู่บ้าน เพราะพวกนางมักจะนำของเซ่นไหว้มากราบไหว้ต้าเซียนอยู่เรื่อย ทำไปทำมาก็เลยคุ้นเคยกัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่า จะเริ่มต้นจากความรู้ด้านสุขอนามัยของผู้หญิงและการดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ก่อน
โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ขอเพียงป้องกันได้อย่างเหมาะสม เธอเชื่อว่าอัตราการตายจากการคลอดของผู้หญิงจะลดลงมาก และอัตราการมีชีวิตรอดของทารกแรกเกิดก็จะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
พอข่าวที่กู้จิ้งจะถ่ายทอดความรู้ให้แพร่กระจายออกไป เหล่าสตรีในแปดหมู่บ้านบนเขาเว่ยอวิ๋นต่างก็ตื่นเต้นมาก
“กู้ต้าเซียนจะเปิดสำนักเทศนาธรรมแล้ว!”
“ได้ยินว่าคัมภีร์ที่กู้ต้าเซียนจะถ่ายทอดให้สามารถโปรดสรรพสัตว์, ช่วยขจัดอุปสรรค แถมยังช่วยรักษาชีวิตให้ปลอดภัยได้ด้วย!”
“ได้ยินว่าคัมภีร์บทแรกเกี่ยวกับผู้หญิง ดังนั้น ขอเพียงเป็นผู้หญิงก็ไปฟังได้ทุกคน”