ทันใดนั้นเขาก็พบว่าข้อเท้าของนางกำลังบวม
ที่แท้ปีศาจก็เท้าแพลงได้ด้วยหรือ?
เซียวเถี่ยเฟิงหลงลืมอดีตอันน่ารังเกียจของนางไปทันที
นางคงจะปวดมากสินะ?
ลังเลอยู่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็ก้มลงอุ้มนางขึ้นมาแล้วเดินกลับไปที่เพิง
บางทีพรุ่งนี้นางอาจจะเปิดเผยสัญชาตญาณที่แท้จริงของปีศาจออกมา บางทีมะรืนนี้นางอาจจะจับเขากลับไปที่ถ้ำแล้วดูดไอหยางของเขาจนกระทั่งพลังชีวิตในร่างของเขาเหือดแห้ง แต่คืนนี้ เขากลับไม่อาจแข็งใจปล่อยให้นางนั่งอยู่ในสวนแตงคนเดียว
เขาโยนมีดเล่มนั้นทิ้งก่อนจะก้มลงอุ้มนางขึ้นมา
ร่างของนางเบามาก ราวกับใบไม้ที่ร่วงลงมากลางป่า
เซียวเถี่ยเฟิงอุ้มปีศาจสาวแสนสวยแต่ชั่วช้ามุดเข้าไปในเพิง
จังหวะที่เขาค้อมตัวมุดเข้าไป ปลายจมูกของเขาสัมผัสโดนขนตาของนาง
ขนตาของนางยาว น่าดูเอามากๆ
ชั่วขณะนั้น เขาอยากขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้ปลายจมูกของตัวเองถูไถกับขนตาและผิวเนียนนุ่มของนาง แต่สุดท้าย เขาก็วางร่างนางลงบนเสื่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาไม่มีทางลืมหรอกว่า นางเคยยั่วยวนผู้ชายมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่เมื่อครู่นี้ นางกลับไม่ยอมทำเรื่องนั้นกับเขา แถมยังคิดจะปลิดชีวิตเขาอีกด้วย!
ถึงเขาจะยังเป็นหนุ่มไร้ประสบการณ์ แต่เขาก็มีศักดิ์ศรี!
เขาวางร่างนางลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไว้ตัว จากนั้นจึงเดินออกจากเพิงไปเก็บยาสมุนไพร เมื่อมุดกลับเข้ามาในเพิงอีกครั้ง เขาก็พบว่านางกำลังกวาดตามองสำรวจเพิงแห่งนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาอารมณ์บูดขึ้นมาทันที ทำไมนางถึงได้ไร้จิตสำนึกเช่นนี้นะ?
ไม่สิ นางเป็นปีศาจ ย่อมไม่มีจิตสำนึกอยู่แล้ว!
เซียวเถี่ยเฟิงกัดฟันแน่น จากนั้นจึงหยิบเป้าซู่เหลียนออกมาเคี้ยวให้แหลกแล้วคว้าเท้านางขึ้นมาโปะยาลงตรงข้อเท้าที่ปูดบวม
คิดไม่ถึงเลยว่าเท้าของนางจะเรียวยาวอ่อนนุ่มเช่นนี้ เพียงกุมเอาไว้ก็รู้สึกดีเหลือเกิน ดีกว่ากุมเคียวกุมมีดทำกับข้าวไม่รู้กี่เท่า
แต่บนร่างของปีศาจสาวเหมือนจะมีเปลวไฟ แค่เขากุมเท้าของนางเอาไว้ ดวงไฟเล็กๆ ก็ผุดขึ้นในอก
เขาอดเงยหน้าขึ้นมองนางอีกครั้งไม่ได้
คิดไม่ถึงว่านางเองก็กำลังสำรวจมองเขา
ปีศาจสาวเบิกตามองเขาด้วยความประหลาดใจ เหมือนไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เขาทำอะไร
เพียงถูกดวงตาคู่นั้นมอง ไฟโทสะ, ความโกรธแค้นและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดในใจของเซียวเถี่ยเฟิงก็สูญสลายไป
เขาคิดว่าปกติปีศาจสาวอาศัยอยู่ในถ้ำ คงไม่รู้ว่ายาสมุนไพรสามารถรักษาบาดแผลได้สินะ
ต่อให้ปีศาจมีอาคมแก่กล้าขนาดไหนก็คงไม่รู้เรื่องของโลกมนุษย์
“เจ้าไม่ต้องกลัว” เสียงของเขาแหบพร่าแต่กลับอ่อนโยนมาก ชีวิตนี้เขาไม่เคยพูดเสียงอ่อนโยนแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
“ข้ารักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า อีกสองวัน ขาของเจ้าก็ไม่เจ็บแล้ว”
เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ขอเพียงเจ้าไม่ทำร้ายข้าอีก รอให้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
แต่เสียดายที่ปีศาจสาวเพียงแค่กะพริบตาปริบๆ เหมือนไม่เข้าใจคำพูดของเขาสักนิด
เซียวเถี่ยเฟิงแอบถอนใจเงียบๆ จากนั้นก็ไม่พูดกับนางอีก เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์
เขาใส่ยาให้ปีศาจสาวเสร็จก็ตัดใจวางเท้าของนางลงบนเสื่อ จากนั้นจึงหันไปหยิบน้ำเต้ามาดื่มน้ำลงไปหลายอึก
ดื่มน้ำเสร็จ เขานึกขึ้นได้ว่าปีศาจสาวก็ควรดื่มน้ำเหมือนกันใช่ไหม? ดังนั้นเขาจึงโยนน้ำเต้าให้นาง
นางรับน้ำเต้าไปสำรวจดูรอบหนึ่งพลางกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็หยิบน้ำเต้าขึ้นดื่มน้ำเลียนแบบเขา
เขาเห็นริมฝีปากของนางสัมผัสกับปากน้ำเต้าตรงตำแหน่งเดียวกับที่ปากของเขาสัมผัสเมื่อครู่ บางที…ตรงนั้นอาจจะมีน้ำลายของเขาติดอยู่ด้วย?
พอคิดเช่นนี้ ประกายไฟในอกของเซียวเถี่ยเฟิงก็ลุกโชนขึ้นมาอีก ทำให้ร่างของเขาร้อนผ่าวไปหมด
ไม่ได้ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!
เขากัดฟันบังคับตัวเองให้นอนลงบนเสื่อแล้วหันหลังให้นาง
ความเย็นจากพื้นดินที่แทรกซึมผ่านเสื่อขึ้นมาทำให้เขารู้สึกเย็นขึ้นบ้าง หวังว่ามันจะช่วยดับไฟที่กำลังจะระเบิดในใจเขาได้นะ!
กู้จิ้งตกอับถึงขั้นนี้
เธอคิดว่าตัวเองคงต้องนอนไม่หลับแน่ แต่เธอประเมินพลังของเทพนิทราต่ำเกินไป แน่นอน บางทีอาจเป็นเพราะเหนื่อยมากเกินไปก็เป็นได้ สรุปแล้ว ไม่นานนักเธอก็หลับสนิท
คืนนี้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาหลายหน ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงต่างๆ มากมาย ทั้งเสียงจิ้งหรีดเสียงแมลงที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ เสียงหมาเห่าที่ดังแว่วมาแต่ไกล ยังมีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายในป่าลึก ทำให้เธอต้องนอนพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ
จริงๆ แล้วเสียงต่างๆ เหล่านี้เธอเองก็คุ้นเคยดี เพราะเขาเว่ยอวิ๋นบ้านเกิดของเธอก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
พลิกไปพลิกมา เธอถึงกับหลงคิดไปว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปเมื่อสมัยยังเด็กอีกครั้ง ตอนนั้น คุณยายสะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่งไปขุดหาโสมบนเขาโดยมีเธอนั่งอยู่ในตะกร้าด้วย ช่วงเวลานั้น ตะกร้าไม้ไผ่สีเขียวคือบ้านของเธอ ท้องฟ้าสีครามคือผ้าห่มของเธอ มือน้อยๆ อวบอ้วนทั้งสองกำมันเผาเอาไว้แล้วพยายามยัดมันเข้าไปในปาก ทำให้ใบหน้ากลมๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด
กู้จิ้งถอนใจคำหนึ่งพลางส่งเสียงจั๊บๆ อย่างอารมณ์ดี
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหู
นั่นเป็นเสียงหายใจของผู้ชายที่กำลังหลับสนิท
ร่างของเธอแข็งค้างอยู่กับที่ หนังตาค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าคือเพิงไม้ซึ่งเต็มไปด้วยรูโหว่
ทันใดนั้น ความทรงจำของเมื่อคืนวานก็ผุดขึ้นในสมอง
เธอถูกจับมาขายที่หมู่บ้านบนภูเขาที่แสนจะล้าหลังกันดาร จากนั้นก็ได้พบผู้ชายหยาบคายหยาบกร้านแต่ก็พอจะมีจิตสำนึกอยู่บ้างคนนี้ ผู้ชายบ้านนอกน่าสงสารบ้ากามคนนี้มีเจตนาไม่ดี ซื้อเธอมาเพราะอยากให้เธอเป็นภรรยาของเขา
ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ข้างกายเธอ
ไม่เพียงแต่นอนอยู่ข้างกายเธอ แต่แขนขาของเขายังพัวพันอยู่กับแขนขาของเธออีกด้วย
กู้จิ้งพยายามบิดลำคอแข็งเกร็งมองสำรวจสถานการณ์ของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ท่อนแขนล่ำบึ้กของชายหนุ่มวางพาดอยู่บนเอวของเธอ ท่อนขาใหญ่หนักอึ้งข้างหนึ่งแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสอง ซ้ำแผงอกแข็งแกร่งก็ยังแนบชิดกับร่างของเธอ!
นี่…
กู้จิ้งกัดฟันแล้วก็กัดฟัน พยายามอดทนสุดความสามารถ
อยู่ใต้ชายคาบ้านผู้อื่นจำต้องก้มหัว ต่อให้ผู้อื่นแอบเอาเปรียบเธอ เธอก็ต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
แค่เขาไม่ฉวยโอกาสตอนที่เธอหลับสนิทเปลี่ยนข้าวสารให้เป็นข้าวสุก เธอก็น่าจะขอบคุณฟ้าดินแล้วไม่ใช่หรือ?
กู้จิ้งมองใบหน้าซึ่งขยายใหญ่ขึ้นเพราะมองจากระยะใกล้ของชายหนุ่มพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สมองพยายามคิดว่าควรจะผลักผู้ชายคนนี้ออกไปอย่างไรดี
เธอยกมือขึ้นวางลงบนแผงอกของเขาอย่างระมัดระวังแล้วออกแรงผลักดู ขาทั้งสองก็เริ่มบิดไปมา หวังจะพาตัวเองให้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น
เพราะเพิ่งตื่น เขาจึงยังดูงุนงงอยู่บ้าง แต่ไม่นานนัก ดวงตาดำสนิทคู่นั้นก็เริ่มแจ่มชัดขึ้น เขาจ้องกู้จิ้งนิ่งอยู่พักใหญ่ ทันใดนั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
ผู้ชายหยาบกร้านแข็งกระด้างคนหนึ่งหน้าแดง…
ไม่เพียงแค่หน้าแดง แม้กระทั่งใบหูก็แดง
กู้จิ้งมองดูใบหูแดงก่ำซึ่งอยู่ใกล้เพียงแค่มือเอื้อมแล้วก็แอบแค่นยิ้มเย็นในใจ
เขามีเจตนาไม่ดี คิดจะแอบ XXX เธอจริงๆ! ไม่เช่นนั้น แค่เธอปรายตามอง เขาจะหน้าแดงแบบนี้หรือ?
นี่มันผู้ชายน่าสงสารที่คิดจะทำเรื่องไม่ดีแต่ถูกจับได้คาหนังคาเขาก็เลยทั้งอายทั้งโกรธจนหน้าแดงไปหมด
หึ! สมเป็นผู้ชายบ้านนอกโง่เง่าล้าหลังไม่เคยพบเห็นโลกภายนอกจริงๆ
ในเมื่อผู้ชายคนนี้ยังรู้จักอาย เรื่องทั้งหมดก็ง่ายขึ้นมาก เธอจะฉวยโอกาสใช้จุดอ่อนเรื่องความใจดีของเขาทำให้การหลบหนีของเธอบรรลุผล
ระหว่างที่กู้จิ้งจ้องหน้าชายหนุ่มพลางครุ่นคิดว่าจะหลอกล่อศัตรูอย่างไรนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านนอก
มีคนมางั้นรึ?
เธอยังไม่ทันหันกลับไปมองก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจ จากนั้นก็มีเสียง “@#$%&*@#$%”
ผู้ชายที่แขนขายังคงเกี่ยวพันอยู่กับเธอได้ยินเสียงนี้เข้าก็รีบลุกขึ้น
จังหวะที่เขาลุกขึ้น เธอยังไม่ได้ดึงขากลับ ขาแข็งแรงบึกบึนนั่นก็เลยเสียดสีกับผิวเนื้อบนขาของเธอจนเธอรู้สึกเจ็บ
ก่อนออกจากเพิง เขาคว้าเสื้อคลุมสีครามตัวนั้นมาโยนให้เธอ
“โอ๊ย!” หญิงสาวส่งเสียงร้องเบาๆ ในลำคอ
มีกลิ่น…กลิ่นกายของผู้ชาย น่าจะเป็นกลิ่นเหงื่อ
แต่นึกถึงขาของตัวเองแล้ว เธอก็ตัดสินใจไม่โยนเสื้อคลุมตัวนั้นทิ้ง แต่ค่อยๆ โผล่หัวออกไปสำรวจมองทุกซอกทุกมุมในเพิงเงียบๆ แทน
นอกเพิงมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทั้งดำ, ล่ำ, เตี้ยยืนอยู่
ตาอ้วนดำนั่นสวมเสื้อผ้าปอ คลุมทับเสื้อคลุมหน้าตาประหลาด กำลังพูดว่า “@#$%&*@#$%” อยู่กับตาล่ำบึ้ก
พวกเขาคุยกันพลางหันมามองกู้จิ้งเป็นพักๆ
หึ! ใช้หัวเข่าคิดดูก็รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
คงกำลังตกลงกันว่าจะแบ่งเธออย่างไร ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะรวมเงินกันซื้อเธอมาก็ได้!
แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าตาล่ำบึ้กจะออกเงินซื้อเธอมาคนเดียว แต่ตาอ้วนดำคิดจะมาแจมด้วย
ทันใดนั้น ความคิดอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง เธอต้องหาทางยุแยงให้ผู้ชายสองคนนี้แตกคอกัน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะลงไม้ลงมือกันเพื่อแย่งตัวเธอ จะให้ดีก็บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย เธอจะได้ฉวยโอกาสเผ่นหนีไปได้