เขามองสภาพทุลักทุเลของกู้จิ้งด้วยความตกใจ
กู้จิ้งเห็นเขากลับมาก็ดีใจมาก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ทิ้งเธอหนีไปคนเดียว
ธงของลูกผู้ชายตัวจริงกำลังโบกสะบัด
เธอชี้ไปที่หมาป่าพลางร้องตะโกนฟ้องเขาด้วยความตื่นเต้น “หมาป่าตัวนั้นมันจ้องฉัน มันจะกินฉัน!”
ตา卜ล่ำบึ้กมองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปมองหมาป่าตาเขียว
“@#[email protected]^&หมา @#[email protected]^& หมา!”
“หมา?” กู้จิ้งเข้าใจคำนี้ เธอเลียนแบบสำเนียงของตา卜ล่ำบึ้กแล้วกล่าวคำนี้ซ้ำด้วยความประหลาดใจ
“หมา” ตา卜ล่ำบึ้กมองกู้จิ้งแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากำลังประหลาดใจที่เธอออกเสียงคำว่าหมาได้ เขากล่าวคำนั้นซ้ำอีกครั้งเหมือนอยากเน้นย้ำให้เธอฟัง จากนั้นก็วางเป็ดกับกวางในมือลงแล้วเดินไปหา ‘หมา’ ตัวนั้น
กู้จิ้งมองลูกไฟสีเขียวสองดวงด้วยความงุนงง… หรือว่ามันเป็นหมา ไม่ใช่หมาป่า?
ตอนที่ 17
เธอเห็นตา卜ล่ำบึ้กเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างกาย ‘หมาป่า’ ตัวนั้นแล้วก้มลงลูบหัวของมัน
‘หมาป่า’ ตัวนั้นส่งเสียงร้องอิ๋งๆ ราวกับลูกสะใภ้ที่ถูกรังแก ซ้ำยังเอาหัวมาถูไถกับขากางเกงของเขา
นี่…นี่มันกำลังอ้อนรึ…
กู้จิ้งขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง พอเพ่งมองดูดีๆ ก็พบว่ามันเป็นหมาจริงๆ
แถมยังเป็นหมาที่คุ้นตาอีกด้วย
กู้จิ้งเดินวนรอบหมาตัวนั้นรอบหนึ่ง ในที่สุดก็พบว่าบนตัวของมันมีแผล! แถมยัง…เป็นแผลที่เธอแทงอีกด้วย
เธอมองดูหมาที่กำลังกระดิกหางประจบตา卜ล่ำบึ้ก ในที่สุดก็เข้าใจ หลายวันก่อนเธอคิดว่าตัวเองแทงหมาป่าอย่างกล้าหาญ ที่แท้ก็แค่รังแกหมาตัวหนึ่งอย่างนั้นรึ?
ตา卜ล่ำบึ้กตบหัวมันเป็นเชิงบอกให้เดินตามมา จากนั้นก็หันไปหยิบเป็ดกับกวางขึ้นไปถือ
กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็รีบเดินตามไป เธอเห็นตา卜ล่ำบึ้กจัดการเชือดเป็ดกับกวางแล้วควักเครื่องในออกมาโยนให้หมาสีดำตัวนั้น มันก็กินอย่างเอร็ดอร่อยแถมยังกระดิกหางอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย
เธอเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้
เธอเองก็หิวเหมือนกัน…
ในตอนนั้นเอง ขาของเธอก็ถูกสะกิดทีหนึ่ง กู้จิ้งเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนนั้น ใบหน้าซึ่งงดงามราวเทพบุตรกรีกของตา卜ล่ำบึ้กดูจนใจอยู่บ้าง
เธอเลิกคิ้วขึ้น “หืม?”
“กินสิ” เขาพูดเสียงเรียบ
ระหว่างที่พูดก็โยนอะไรบางอย่างที่ถูกย่างจนเป็นสีเหลืองกรอบมาให้ ตอนที่เห็นครั้งแรกเธอคิดว่าเป็นท่อนไม้ แต่พอมองดูอีกครั้งแล้วหยิบขึ้นมาดม เธอก็ต้องดีใจมาก เป็นฮ่วยซัวย่าง!
ตามหลักแล้ว ฤดูนี้ยังไม่น่าจะมีฮ่วยซัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปหามาจากไหน
กินไข่มาหลายวัน ยากนักกว่าจะได้กินอะไรที่แปลกใหม่บ้าง กู้จิ้งรีบยื่นมือไปรับมา จากนั้นก็ค่อยๆ เป่าพลาง ปอกเปลือกพลางอย่างระมัดระวัง
ปอกเปลือกสีดำเสร็จ กลิ่นหอมหวานก็ฟุ้งกระจาย กู้จิ้งยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะลงมือกินทันทีโดยไม่กลัวลวกปากสักนิด
เธอกินฮ่วยซัวแสนอร่อยพลางมองดูตา卜ล่ำบึ้กย่างกวาง รสชาติอร่อยของอาหารป่าไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกจะสามารถจินตนาการได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารป่าไร้สารพิษซึ่งเติบโตขึ้นตามธรรมชาติเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
ตา卜ล่ำบึ้กพลิกกวางไปมาให้โดนไฟทั่วๆ ไม่นานนักหนังของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองกรอบ แถมยังมีน้ำมันหยดลงไปโดนกองไฟเบื้องล่าง ทำให้เกิดเสียงดังฉี่ๆ แค่ฟังก็อยากจะน้ำลายไหล
กู้จิ้งมองเนื้อกวางที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้วก็อดพึมพำไม่ได้ “ถ้ามีเกลือโรยหน่อยก็ดี!”
ทันใดนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยโยนข้าวของบางอย่างในห้องครัวเข้าไปในกระเป๋า บางทีในนั้นอาจจะมีเครื่องปรุงก็ได้?
แต่จะทำตัวเป็นโดราเอม่อนต่อหน้าต่อตาตา卜ล่ำบึ้กคงไม่ค่อยดีนัก เธอจะต้องเก็บความลับของกระเป๋าหนังสีดำเอาไว้ จะปล่อยให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด
กู้จิ้งแอบเหลือบมองตา卜ล่ำบึ้กด้วยความลังเล เห็นเขากำลังหมุนท่อนไม้ในมือด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้หันมามองทางนี้สักนิด
แสงไฟซึ่งกระทบกับใบหน้าขับเน้นเครื่องหน้าของชายหนุ่มให้ดูคมชัดกว่าเดิม ยามนี้บนปลายจมูกโด่งมีเหงื่อซึมออกมาไม่น้อย
เสียงฟืนแตกเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นเป็นพักๆ เจ้าหมาดำซึ่งนอนหมอบอยู่ข้างกายตา卜ล่ำบึ้กเลียอุ้งเท้าหน้าของตัวเองเบาๆ พลางกระดิกหางประจบเขา
ภาพนี้ช่างดูสงบและอบอุ่นเหลือเกิน เป็นโอกาสเหมาะที่จะทำเรื่องไม่ดีเล็กๆ น้อยๆ กู้จิ้งฉวยโอกาสที่ตา卜ล่ำบึ้กไม่ทันสังเกตแอบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วเริ่มควานหา
เธอเจอไดร์เป่าผมเป็นอันดับแรก เชอะ! ไม่มีไฟฟ้าก็เป็นแค่ขยะดีๆ นี่เอง
จากนั้นก็เจอไม้แคะหู เฮ้อ… อยู่ในป่าลำบากลำบนแบบนี้ ใครจะมีอารมณ์มาแคะหูอีก
…
ควานอยู่นาน ในที่สุดก็เจอกล่องเครื่องปรุง
กู้จิ้งแอบยิ้มด้วยความดีใจ เธอค่อยๆ หยิบกล่องเครื่องปรุงออกมาแล้วจัดการปิดกระเป๋าหนังอย่างระมัดระวัง
จากนั้น เธอก็ยื่นกล่องเครื่องปรุงไปตรงหน้าตา卜ล่ำบึ้กพลางส่งยิ้มไปให้
“เนื้อ” เธอเลียนแบบสำเนียงคำว่าเนื้อตามที่เคยได้ยินมาพลางชี้ไปที่กล่องเครื่องปรุงในมือตัวเอง
ตา卜ล่ำบึ้กมองเธอด้วยความประหลาดใจก่อนจะรับกล่องเครื่องปรุงไปดู
กู้จิ้งคว้ากล่องกลับมาใหม่ จากนั้นก็เปิดกล่องหยิบผงเครื่องเทศ, เกลือ, พริกไทยดำออกมาเหยาะลงบนเนื้อกวางที่เขากำลังย่างอยู่ให้ทั่ว
เสร็จแล้วก็เก็บกล่องเครื่องปรุงไว้ตามเดิม
ตา卜ล่ำบึ้กมองเธอนิ่ง ไม่พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง เนื้อกวางก็สุก ตา卜ล่ำบึ้กฉีกเนื้อออกมาชิมคำหนึ่ง ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ เหมือนอยากจะถามว่าทำไมเนื้อถึงได้อร่อยแบบนี้
กู้จิ้งยิ้มพลางเลิกคิ้วอย่างได้ใจ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปบ้าง
ตา卜ล่ำบึ้กรีบฉีกเนื้อให้ กู้จิ้งก็รับมากิน เนื้อนั้นกรอบนอกนุ่มใน แถมยังปรุงรสได้อย่างพอเหมาะ กลิ่นก็หอม อร่อยมากๆ!
ตา卜ล่ำบึ้กชี้ไปที่เนื้อกวางพลางพูดว่า “เนื้อกวาง”
กู้จิ้งรู้ว่าเขากำลังสอนเธอพูด จึงตั้งอกตั้งใจพูดตามเหมือนนกแก้ว “เนื้อกวาง”
ตา卜ล่ำบึ้กกินอิ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มสอนให้เธอรู้จักคำว่า ‘ไฟ’ ‘นอน’ ‘ฟ้า’ ‘ดิน’ ‘ต้นไม้’ ฯลฯ กู้จิ้งก็เรียนได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้กู้จิ้งพอจะรู้ภาษาของตา卜ล่ำบึ้กบ้างแล้ว ทั้งยังเริ่มจับกฎเกณฑ์ได้ เธอจึงพอจะรู้ว่าสำเนียงพูดของที่นี่เหมือนกับสำเนียงท้องถิ่นในพื้นที่หนึ่ง
เมื่อจับกฎเกณฑ์ได้ก็เรียนได้เร็ว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคย เพียงแค่สำเนียงแตกต่างไปบ้างเท่านั้น กู้จิ้งยังค้นพบด้วยว่า มีคำบางคำและประโยคบางประโยคที่ออกเสียงคล้ายกับสำเนียงในยุคปัจจุบัน แค่ปรับเปลี่ยนโทนเสียงเล็กน้อยก็ใช้ได้แล้ว
หลังจากกินอิ่ม กู้จิ้งก็คว้าน้ำเต้าของตา卜ล่ำบึ้กมาดื่มน้ำ เช็ดปากเสร็จ เธอก็บอกให้เขาสอนเธอพูดต่อ
“แขน” เขาชี้แขนของตัวเอง
“แขน”
“หัว” ตา卜ล่ำบึ้กใช้ร่างกายของตัวเองเป็นตัวอย่าง
“หัว”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เอวพลางตั้งท่าจะอ้าปากพูด
“เอว!” กู้จิ้งแย่งพูดขึ้นก่อน
ตา卜ล่ำบึ้กมองเธอด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าแปลกใจมากที่เธอเรียนรู้ได้เร็วถึงเพียงนี้
กู้จิ้งคว้าแขนของเขาเอาไว้ มือชี้ไปยังส่วนต่างๆ บนร่างกายแข็งแกร่งพลางกล่าวอย่างได้ใจ “อก, เอว, กางเกง!”
ระหว่างที่กำลังชี้ไปชี้มานั้นเอง เธอก็ค้นพบว่าหุ่นมีชีวิตตรงหน้ากำลังหน้าแดงไปถึงใบหู ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
กู้จิ้งตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา พอก้มหน้าลง เธอก็เห็นความผิดปกติซึ่งเหมือนกับครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน
นิ้วที่แตะเอวของเขาอยู่ชะงักไปทันที
เซียวเถี่ยเฟิงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า นางจะถือมีดวิ่งมารังแกหมาตัวหนึ่ง
แถมยังเป็นหมาที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ตอนที่เขาตรวจดูบาดแผลของหมาตัวนั้นใหม่แล้วบังเอิญเงยหน้าขึ้นมองมีดในมือของนาง เขาก็เข้าใจทันที
เขาประหลาดใจอยู่แล้วเชียวว่าทำไมถึงมีคนเอามีดมาแทงหมาธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นนางอย่างนั้นรึ?
เซียวเถี่ยเฟิงนึกถึงบาดแผลบนแขนของตัวเองที่ยังไม่หายดีแล้วก็ไม่สงสัยสักนิด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า นางจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นหมาป่า
แม้ว่าสำเนียงพูดของนางจะไม่ค่อยเหมือนกับเขานัก แต่เขาก็พอฟังออกว่านางตะโกนเรียกมันว่าหมาป่า
เซียวเถี่ยเฟิงรู้สึกจนใจกับปีศาจสาวที่โง่เขลาตนนี้เหลือเกิน นางบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าลึกได้อย่างไร ทำไมถึงไม่เคยเห็นหมาป่าจริงๆ มาก่อน?
เรื่องเดียวในคืนนี้ที่ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้างคือนางยอมหัดพูดภาษามนุษย์แล้ว
นางพูดคำว่าหมาป่าเป็น พูดคำว่าหมาเป็น แถมยังลองพูดคำอื่นๆ อีกด้วย
บางทีนางอาจจะหิวมาก ตอนที่เขาโยนเครื่องในให้หมาสีดำตัวนั้น นางถึงได้ขมวดคิ้วแล้วปรายตามองมันด้วยสายตาไม่พอใจ จากนั้นก็หันมาจ้องเขาตาเขม็ง
เขาทั้งจนใจ ทั้งอยากจะหัวเราะ
ช่างเป็นปีศาจงูจอมตะกละแท้ๆ ถึงกับอิจฉาหมาเพราะเรื่องนี้?
จริงๆ เขาแอบเอาฮ่วยซัวสองแท่งที่หาพบอย่างยากลำบากมาย่างทิ้งไว้ตรงข้างกองไฟตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้เท้าสะกิดนางเบาๆ พอนางปรายตามองมาด้วยความไม่พอใจ เขาก็ยื่นฮ่วยซัวส่งให้
ปีศาจงูจอมตะกละเอาใจไม่ยาก แค่ฮ่วยซัวสองแท่งก็พอใจแล้ว
นางกินอย่างเอร็ดอร่อย ปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาแทะเหมือนกระรอก พอแทะหมด นางดูอารมณ์ดีไม่น้อย จากนั้นนางก็แอบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะแอบเสกกล่องใสๆ ใบหนึ่งออกมา
กล่องใบนั้นไม่ใช่ทองไม่ใช่หยก แข็งแต่มีน้ำหนักเบา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำจากอะไร
นางเปิดกล่องแล้วหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเครื่องปรุงประเภทเกลือออกมาโรยลงบนเนื้อกวาง