“พวกเขากล้าทำเรื่องใส่ร้ายคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ จะโอหังมากเกินไปแล้ว” เปาชิงเหอกล่าวขึ้นด้วยความโมโห
อานอี่หยวนก็โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว “ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ แต่ประชาชนไม่ต่อสู้กับคนของทางการ ต่อให้พวกเรารู้ว่าพวกเขาเล่นงานด้วยกลโกง แล้วจะทำสิ่งใดได้”
จูหลานกลับไม่ใส่ใจ “เขาแค่อายัดร้านของข้าในมณฑลนั้น ส่วนร้านสาขาอื่น พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโคลงศีรษะ “มันก็ไม่แน่ มีหนึ่งก็ต้องมีสอง อีกอย่าง ทำกิจการต้องใช้ชื่อเสียงเป็นการบอกต่อ เขาปิดร้านหนึ่งของเจ้าก็ไม่เป็นไร ปัญหาอยู่ที่ถ้าหากนานไป แล้วคนพูดกันไปต่อ บอกว่าของที่อยู่ร้านเจ้าสกปรก นานวันเข้า ร้านอื่นก็จะได้รับผลกระทบด้วย”
จูหลานเข้าใจในทันที “เป็นแผนที่ร้ายกาจมาก ข้าก็ว่าอยู่ ว่าทำไมหลังจากที่อายัดร้านของข้าไปแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก ที่แท้กำลังรออยู่นี่เอง” พูดจบขบกรามแน่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ยอมให้พวกเขาสมใจหรอก”
อานอี่หยวนค่อนข้างไม่เห็นด้วย “ข้าว่าความปรารถนาของพวกเขาไม่เหมือนกับต้องการที่จะสังหารให้เรียบ แต่ต้องการบีบบังคับให้จูหลานรับเฉียวหมิ่นเป็นอนุภรรยา”
เปาชิงเหออึ้ง พูดขึ้นต่อว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ปีนั้นเฉียวหมิ่นถูกข้านาบไฟร้อนคำว่า “ทาส” ขายไปเป็นทาสหลวงตลอดชีวิต ทำไมถึงจะให้หลานเอ๋อร์แต่งกันนางล่ะ”
อานอี่หยวนโบกมือกล่าวว่า “ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้นตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ปีนั้นแม้ท่านจะตัดสินใจไปอย่างนั้น เฉียวหมิ่นก็ถูกส่งไปเป็นนางรับใช้ แต่ตอนนี้นายมณฑลของมณฑลชิงเหอเป็นญาติของพวกเขาตระกูลเฉียว ย่อมคิดหาวิธีซื้อตัวนางออกมา เฉี่ยวหมิ่นคนนั้นยังมีใจต่อจูหลานไม่เปลี่ยน ทั้งยังเป็นสตรีที่โดนนาบคำว่าทาส ตระกูลเฉียวย่อมที่จะยัดเยียดให้จูหลาน ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำอะไรกับจูหลาน เพียงแต่จะบีบบังคับเขาไปทีละก้าว ให้ต้องแต่งงานกับเฉียวหมิ่น”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” จูหลานพูดอย่างแน่วแน่ “อย่างมาก ข้าก็ปิดร้านทุกร้าน พาท่านพ่อท่านแม่ข้าไปพึ่งท่านพ่อตาแม่ยาย”
“เจ้าพูดง่ายเกินไป กิจการนั้นเป็นดั่งเลือดเนื้อทั้งชีวิตของท่านลุงจู มีหรือที่เจ้าบอกว่าจะปิดก็ปิดได้ง่ายๆ” เซี่ยเจียงเฟิงกล่าว
“เรื่องนั้นข้าไม่สน ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมแต่งงานให้หญิงชั่วร้ายเช่นนั้นเข้าบ้านข้า” จูหลานกล่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
พื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง อีกอย่างด้วยตำแหน่งของเปาชิงเหอ ถึงจะเป็นนายมณฑลเล็กๆ แต่เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปยุ่งเกี่ยว เปาชิงเหอนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก
ฮูหยินเปาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลงในฉับพลัน
จูหลานกลับคิดได้ “พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของข้าแล้ว รอดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากัน ถ้าเป็นจริงอย่างที่อี่หยวนพูด ข้าก็ละทิ้งของพวกนั้นได้ ส่วนท่านด้านท่านพ่อของข้า ตอนนี้เขากำลังดูแลหลานอยู่ ไม่สนใจเรื่องกิจการนานแล้ว เชื่อว่าไม่คิดแตกต่างไปจากความคิดของข้าหรอก”
ทุกคนก็คิดวิธีที่ดีไม่ได้เช่นกัน มีเพียงแค่ทำตามที่เขาพูดไปก่อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน
จูหลานเปลี่ยนประเด็น กล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ใช่แล้ว ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเปิดโรงหัตถกรรมในเมืองหลวงอีก กิจการเป็นเช่นไรบ้าง”
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างในโรงหัตถกรรมข้ามอบให้พี่รองเป็นคนจัดการทุกอย่าง ข้าไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่เมืองหลวง” จูหลานถามอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างธรรมชาติ “บังคับให้แต่งงานสิ ข้ากลายเป็นสาวแก่แล้ว ยังไม่ได้แต่งงานอีก แน่นอนว่าต้องมาบังคับให้ซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องฉีสู่ขอข้าเร็วๆ”
จูหลานถลนตาโตอย่างตกใจ ชี้ไปที่นาง “เจ้า เจ้า เจ้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้งเขากลับ “ข้าทำไมหรือ ข้าบังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถูกหรือ”
ในที่สุดจูหลานก็หาเส้นเสียงของตัวเองเจอ “เจ้าเป็นสตรีในห้องหอ ต้องสำรวมไม่รู้หรือ มีใครที่บอกว่าตัวเองมาบังคับแต่งงาน เจ้าทำเช่นนี้ มิใช่ว่าให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะจนฟันหลุดหรืออย่างไร”
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าต่างก็ปวดหัวเรื่องงานแต่งของข้าจนผมหงอกแล้ว ถ้าข้าไม่มาบังคับแต่งงานแล้วจะทำอะไรได้” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
จูหลานไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง “แม้เป็นเช่นนี้แต่เจ้าก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ต่อไปถ้าเจ้าแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็จะดูถูกเจ้า” พูดจบก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “แต่ว่า เจ้าก็มาตั้งนานแล้ว ตกลงว่าบังคับแต่งงานสำเร็จหรือยัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาวให้เขา แกล้งพูดขึ้นว่า “ไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าอกแตกตาย”
จูหลานโดนตอกกลับจนพูดไม่ออก
อานอี่หยวนกับเซี่ยเจียงเฟิงต่างก็หัวเราะอย่างสนุกบนความทุกข์ของคนอื่น
เปาชิงเหอกับฮูหยินเปาต่างก็อดไม่ไหวหัวเราะตาม
ทุกคนพูดคุนล้อเล่นกันถึงหนึ่งชั่วยาม สาวใช้ซุนฮุ่ยเดินเข้ามาบอกว่าเปาอีฝานนอนตื่นแล้ว อยากเห็นหน้าสหายรัก
ทั้งสามคนกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่างก็รีบผุดลุกขึ้น เข้าไปในห้องของเปาอีฝาน
ทุกคนเดินออกไป เปาชิงเหอก็ลุกขึ้น กล่าวว่า “ข้าจะไปที่ศาลาว่าการก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วอีกสักครู่ข้าจะกลับมา”
ฮูหยินเปาพยักหน้า ทั้งสองคนเดินออกจากห้องโถงรับแขก
เปาชิงเหอไปที่ศาลาว่าการ ส่วนฮูหยินไปหมุนตัวไปยังห้องครัว แล้วสั่งให้คนรับใช้เก็บกวาดห้องโถงรับแขกให้สะอาดเรียบร้อย
ทุกคนไปถึงห้องของเปาอีฝานก็พูดคุยหยอกล้อกันอีก จนกระทั่งท้องฟ้าสลัวลง ฮูหยินเปาก็เดินเข้ามาบอกว่าอาหารได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ทุกคนลงไปกินข้าว
ตอนที่กินข้าว เมิ่งเชี่ยนโยวก็เล่าเรื่องที่ตัวเองเปิดโรงหัตกรรมทำไส้กรอกขึ้น เซี่ยเจียงเฟิงดีใจมาก กล่าวว่า “เช่นนั้แล้ว ข้าก็จะสบายแล้ว ให้พนักงานในร้านขนย้ายเข้ามาก็ได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าแค่รับผิดชอบในส่วนของการผลิต ส่วนเรื่องการจำหน่ายให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ราคาก็เหมือนเดิม”
ถึงแม้บอกว่าจะไม่อาจรับคนจากเมืองเป่ยเฉิง แต่ก็สามารถจัดแจงเหล่าพลทหารที่พิการได้ เปาชิงเหอก็ดีใจมาก
หลังจากกินข้าวเสร็จ ตกลงกันว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีธุระอะไรค่อยมาเยี่ยมพวกเขาอีก จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับบ้านของตัวเอง
เมิ่งฉีกลับมาทานอารนานแล้ว พอเห็นนางกลับมา ก็สอบถามว่านางไปที่ไหนมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องในวันนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด
ได้ยินนางบอกว่าไม่ได้ไปที่จวนอ๋องฉี เมิ่งฉีก็แอบถอนหายใจโล่งอก กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
แล้วก็ผ่านไปสองวัน เซี่ยเจียงเฟิง อานอี่หยวนรวมถึงจูหลานทั้งสามคนขอตัวลากลับมณฑลชิงเหอ
หลังจากที่ไปส่งพวกเขาออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีก็เริ่มที่จะยุ่งวุ่นวายเรื่องการเปิดโรงหัตถกรรมการผลิตไส้กรอก
ยุ่งวุ่นวายกันถึงสามวัน เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตไส้กรอก รวมถึงต้องไปหาร้านที่ขายเนื้อชั้นดี แต่ก็ยังไม่เห็นฉู่เหวินเจี๋ยพาพลทหารที่พิการมาเสียที เมิ่งเชี่ยนโยวให้ชิงหลวนไปหาหวงฝู่อี้เซวียน ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
หวงฝู่อี้เซวียนส่งจดหมายมาบอกว่าฮ่องเต้ทรงเห็นด้วยในการจัดการของแม่ทัพฉู่แล้ว กำลังหาที่พักให้กับเหล่าทหารอยู่ อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมเมิ่งเชี่ยนโยวอีก
หวงฝู่อี้เซวียนยังบอกอีก รอให้จัดแจงเหล่าทหารเรียบร้อยก่อน เขาก็จะไปขอร้องท่านน้าให้ช่วยเขาเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน
แล้วก็ผ่านไปอีกหลานวัน ฉู่เหวินเจี๋ยให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าได้จัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของเหล่าทหารเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นจะพาคนเหล่านี้ไปหา
วันรุ่งขึ้น กินอาหารเช้าตั้งแต่เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีต่างก็ไปรออยู่ที่โรงหัตถกรรม
รอไม่นาน ก็เห็นกลุ่มคนมากมายจากระยะไกล ฉู่เหวินเจี๋ยใส่ชุดธรรมดาเดินนำหน้า พลทหารที่พิการต่างก็เดินตามหลังเข้ามา
—————————-
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 109 บังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถูกหรือ
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ
ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น!
นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ…
นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!?
…
“น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก
“ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment