เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบหน้ากากมาจากมือของเส้าเอ๋อร์ ให้เขาถือไว้เพียงอันเดียวจูงเขาเดินนำหน้า พ่อค้าเดินตามหลังมา
ทั้งหมดเดินตามกันมาจนถึงบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวหลันหลังกลับไปยิ้มพร้อมพูดว่า “รบกวนท่านรอตรงนี้สักครู่เถิด ข้าจะเข้าบ้านไปเอาเงินมาให้”
“ตามสบายเลยแม่นาง!” พ่อค้าตอบรับด้วยความยินดี มองเมิ่งเชี่ยนโยวพาเส้าเอ๋อร์เดินเข้าไปในบ้าน
เมิ่งซื่อและกลุ่มคนที่เก็บของยังเก็บไม่เสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวเอาหน้ากากทั้งหมดยื่นให้เส้าเอ๋อร์ พูดว่า “เส้าเอ๋อร์ ไปหาท่านย่าก่อนนะ”
เส้าเอ๋อร์ถือหน้ากากเดินเข้าไปอวดในห้องซีเซียงอย่างมีความสุข เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเดินมายังห้องของรั่วหลาน สาวใช้ทั้งสองเฝ้าอยู่ตามคำสั่ง ชิงหลวนและจูหลเองก็อยู่ด้านข้าง
“เปิดประตู” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง
ชิงหลวนเปิดประตูออกด้วยตัวเอง
หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนเชี่ยนเดินจากไปแล้ว รั่วหลานก็นอนเหงื่อท่วมอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง นานเพียงนี้แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เมื่อได้ยินเสียงประตู จึงได้หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวนั้น นางก็ตกใจจนกระโดดออกจากเตียง พูดปากสั่นว่า “แม่ แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปยังตรงหน้าของนาง ไม่พูดพล่ามทำเพลง กล่าวว่า “หน้าประตูมีพ่อค้ามา คงจะเป็นคนของพวกเจ้า ข้าทำเป็นซื้อหน้ากากแล้วเงินไม่พอ จึงพาเขามาที่นี่ เจ้าออกไปจ่ายเงินให้เขา ดูว่าเขาจะสั่งอะไรเจ้า จำไว้ว่าทำตัวให้ปกติ อย่าแสดงพิรุธออกมา ชีวิตของเจ้าและครอบครัวเจ้าตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
พวกเขาน่าจะสั่งการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว รั่วหลานไม่เข้าใจว่ายังมีเรื่องอะไรจะสั่งนางเพิ่มเติมอีก แต่ว่า เมื่อได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนั้น รั่วหลานก็ได้รีบลงจากเตียง ใส่รองเท้าและเดินออกไปด้านนอก
“เดี๋ยวก่อน!” เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกนางไว้
รั่วหลานหันหลังกลับ มองนางด้วยความไม่เข้าใจ
“แต่งตัวให้ดีเสียก่อน ออกไปด้วยสภาพนี้จะถูกสงสัยเอาได้”
รั่วหลานส่องกระจก จัดเสื้อผ้าหน้าผมของตนให้เรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวมอบเงินให้นาง รั่วหลานรีบเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามออกไปเช่นกัน เมื่อเห็นรั่วหลานเดินออกจากห้องไป จึงส่งสายตาให้ชิงหลวน ให้นางแอบเดินตามออกไป
ชิงหลวนเดินตามรั่วหลานออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่ด้านใน
รั่วหลานถือเงินเดินออกมาอย่างเร่งรีบ หยุดตรงที่หน้าประตู สูดหายใจเข้าลึกๆ และแสดงสีหน้ายิ้มออกมา ก้าวขาอย่างช้าๆ เดินบิดเอวออกไปด้านนอก
พ่อค้าถูกเมิ่งเชี่ยนโยวพามา กลัวว่าจะถูกจับได้ จึงไม่กล้าตะโกนเรียกรั่วหลานเช่นเคย ในใจกำลังร้อนรนอยู่ ก็เห็นรั่วหลานย่างกรายเดินมาพอดี ใบหน้าดีใจขึ้นมา ถามด้วยเสียงดังว่า “มาเลือกมาดูก่อนได้ หาบเร่ของข้ามีทุกอย่างเลย”
รั่วหลานบีบเสียงเล็กเสียงน้อย ตอบไปว่า “เมื่อครู่เสี่ยวกูค้างเงินท่านอยู่ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วจ้ะ” พ่อค้าตอบรับ “แม่นางผู้นั้นซื้อหน้ากากจากข้าไปหกอัน ทั้งหมดสิบตำลึง”
รั่วหลานเดินไปตรงหน้าเขา มอบเงินให้เขา “เจ้านับดูก่อนว่าครบหรือไม่”
พ่อค้ารับเงินมาแต่ไม่ได้นับ แต่กลับมองเข้าไปด้านในจวน เมื่อเห็นว่าด้านในไม่มีคน จึงได้พูดกับรั่วหลานเสียงเบาว่า “ท่านชายส่งข้ามาเตือนเจ้าว่าวันพรุ่งนี้คือวันสุดท้าย หากเจ้าทำไม่สำเร็จ ก็อย่าหวังจะได้เจอกับคนในครอบครัวเจ้าอีกเลย”
รั่วหลานตอบรับเสียงเบาด้วยความกลัว
พ่อค้าพลางมองเข้าไปด้านใน พลางพูดเสียงดังว่า “ฮูหยิน ผ้าไหมนี้ข้าได้มาจากในเมืองเชียวหนา เป็นผืนแรกที่นี่เลย เหมาะกับฐานะแม่นางยิ่งนัก ท่านลองดูสิ” พูดจบก็โน้มตัวลง ทำทีเป็นหยิบผ้าไหมหยิบหอกระดาษสองห่อด้านล่างผ้ารองหาบออกมา ส่งให้รั่วหลาน
รั่วหลานก้มตัวลง ทำทีเป็นดูผ้า และรีบหยิบห่อผ้าเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ยืนขึ้น พูดเสียงดังว่า “ข้ามีผ้าไหมเยอะอยู่แล้ว วันนี้คงไม่ซื้อหรอก”
พ่อค้าก็ยืนขึ้น น้ำเสียงผิดหวังอย่างชัดเจน “ฮูหยิน ท่านจะลองดูอย่างอื่นอีกหรือไม่ หาบแร่ของข้ามีแต่ของดีๆ หนา” พูดจบ ก็กดเสียงต่ำลง พูดว่า “ท่านชายได้ข่าวว่าเด็กสาวเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้ว เจ้าทำอะไรระวังตัวเอาไว้เสียหน่อย ยาสองห่อนั้นเอาไว้สำหรับวางยาแม่นางนั่น คืนวันพรุ่งหาวิธีวางยานางให้ได้”
รั่วหลานกดเสียงต่ำลงถามว่า “ยาอะไรหรือ”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้หรอก ทำตามคำสั่งของท่านชายก็พอแล้ว รอให้เรื่องจบ ท่านชายจะสั่งให้คนพาเจ้าและครอบครัวเจ้าออกจากเขตชิงเหอไป”
รั่วหลานฟังจบ ก็พูดเสียงดังว่า “ไม่ล่ะ ในบ้านยังมีเรื่องยุ่งอยู่ ข้าไม่มีเวลามาเลือกผ้าหรอก รอหลังตรุษจีนไปแล้วค่อยมาใหม่นะ”
พ่อค้าเข้าใจความหมายของนาง ก็ยินดีและพูดว่า “ได้เลย รอพ้นตรุษจีนแล้วข้าจะมาใหม่ ตอนนั้นฮูหยินซื้อหลายๆ ผืนหน่อยหนา”
รั่วหลานไม่ตอบ
พ่อค้าโน้มตัวลง แบกหาบแร่ขึ้นมา และเดินจากไป
เมื่อรั่วหลานเห็นเขาเดินไปแล้ว จึงได้พ่นลมออกมา หันหลังเดินกลับเข้าไปด้านใน
ของในห้องซีเซียงเก็บเรียบร้อยแล้ว เส้าเอ๋อร์ถือหน้ากากไว้ในมือและพูดไม่หยุด
ซุนเชี่ยนและเมิ่งเสียนพาเขาออกมาจากห้องก่อน เมื่อเห็นรั่วหลานจึงได้ผงะไปพร้อมกัน
ชิงหลวนที่แอบมองรั่วหลานอยู่ตลอดนั้นโบกมือให้พวกเขาเงียบๆ
เมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนรับรู้ได้ว่าอาจจะมีเรื่องอะไร จึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นนางและเบือนหน้าไปอีกทาง
รั่วหลานนึกไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับพวกเขา หลังจากหยุดชะงักไปแล้วก็ก้มหน้าลง รีบเดินไปยังหอนอนของตน
ชิงหลวนเดินตามนางมาตลอดทาง
เมื่อเข้ามาด้านใน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ รั่วหลานก็รีบเดินไปหานาง ยื่นห่อกระดาษสองห่อให้นาง “พวกเขาให้ข้ามา ห่อนี้ให้เอามาวางยาท่านโดยเฉพาะ อีกห่อข้าไม่รู้ว่าคืออะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือไปรับห่อยามา บีบเล็กน้อย สีหน้ากลับเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็หันไปทางชิงหลวน
ชิงหลวนพยักหน้า ยืนยันว่าที่รั่วหลานพูดเป็นจริง
คิ้วของเมิ่งเชี่ยนโยวขมวดลง โยนห่อกระดาษในมือให้ชิงหลวน
ชิงหลวนรับมา ชะงักไป เงยหน้าขึ้น พูดว่า “เจ้านาย นี่มัน…”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินหลับห้อง รั่วหลานเดินตามมา ชิงหลวนเองก็เดินตามาด้วย
“เปิดห่อกระดาษออกมา ให้นางดู!” เมื่อทั้งสองเดินเข้าห้องมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งการไป
ชิงหลวนเปิดห่อกระดาษออกมา ส่งให้รั่วหลานดู
มองดูนิ้วมือเปื้อนเลือดในห่อกระดาษนั้น รั่วหลานกรัดร้องด้วยความตกใจ กลัวจนขาอ่อนพับลงบนพื้น
คิ้วของเมิ่งเชี่ยนโยวขมวดลงมากกว่าเดิม ฝ่ายนั้นส่งนิ้วมือมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการข่มขู่รั่วหลาน หากวันพรุ่งนางไม่ทำตามที่สั่ง ครอบครัวของนางคงไม่รอดเป็นแน่
หลังจากรั่วหลานหายตกใจแล้ว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบคลานไปขอร้องเมิ่งเชี่ยนโยว ขอร้องนางว่า “แม่นาง ได้โปรดช่วยครอบครัวข้าด้วยเถิด”
นับตั้งแต่วินาทีที่ไว้ชีวิตรั่วหลาน เมิ่งเชี่ยนโยวก็มีความคิดจะช่วยเหลือครอบครัวของนาง เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้นางยอมเป็นพยานให้ ตอนแรกนางคิดว่าจะลงมือหลังตรุษจีน คิดไม่ถึงเลยว่าฝั่งนั้นจะรีบร้อนเพียงนี้ ในเมื่อตัดนิ้วคนในครอบครัวนางมาขู่นางแล้ว เห็นทีวันนี้ก็คงจะต้องส่งคนไปแล้ว
รั่วหลานเห็นว่านางไม่พูด จึงคิดว่านางอาจจะไม่อยากช่วยเหลือตน ในใจหมดสิ้นความหวัง ร่างของนางล้มลง เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าครอบครัวเจ้าถูกขังไว้ที่ใด”
นางพูดจบ รั่วหลานก็ลุกขึ้นทันที มองนางด้วยความดีใจ จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างเสียใจ “หลังจากที่พวกเขาจับครอบครัวข้าไป ก็ไม่เคยให้โอกาสพวกเราได้เจอกันอีกเลย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด”
“พวกเจ้าเป็นคนที่ใด ทั้งหมดมีกี่คน”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
รั่วหลานตอบทุกอย่างตามจริง
“รออยู่เฉยๆ ข้าจะให้คำตอบเจ้าก่อนคืนนี้” พูดจบเมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังกลับไป
“ขอบคุณมากแม่นาง ขอบคุณมาก” รั่วหลานหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ คุกเข่าแสดงความขอบคุณ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินก้าวยาวออกมา เดินมายังห้องพักของบ่าวไพร่
กัวเฟยส่งคนไปสืบเรื่องตามคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว เมื่อเห็นองครักษ์ที่เหลือไม่มีอะไรทำ จึงคิดว่าจะพาไปฝึกซ้อมที่ลานฝึก ยังไม่ทันออกมา ก็ได้พบเข้ากับเมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งเดินเข้ามา รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงหยุดฝีเท้าลง ถามอย่างนอบน้อมว่า “เจ้านาย มีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกที่อยู่ของบ้านรั่วหลาน สั่งกัวเฟยว่า “ครอบครัวนี้ถูกผู้ว่าการเขตจับตัวไป แต่จับไปที่ใดไม่รู้ เจ้าเข้าเมืองไปดูที ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ต้องหาทางช่วยคนออกมาให้ได้ จากนั้นก็หาที่ที่ปลอดถภัยให้พวกเขาอยู่ คืนวันพรุ่งรอพวกเจ้ากลับมากินเกี๊ยววันตรุษจีน”
สั่งการได้เรียบร้อยชัดเจนด้วยคำพูดไม่กี่คำ กัวเฟยและพรรคพวกได้ยินชัดเจน ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้กัวเฟย พูดว่า “กาที่พักให้เรียบร้อยแล้วอย่าลืมเอาของเป็นตัวแทนครอบครัวมาด้วย
กัวเฟยรับตั๋วเงินมา เรียกคนไปด้วยจำนวนหนึ่ง และรีบเดินออกจากจวนไปยังในเขต
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมายังเรือนด้านหน้า องครักษ์ที่เหลือ ไม่มีอะไรทำ ก็ไปซ้อมที่ลานซ้อมดังเดิม
ของขวัญทั้งหมดถูกแยกไว้เรียบร้อยแล้ว มีทั้งของเมิ่งจงจวี่และภรรยา เมิ่งตาจินและภรรยา เมิ่งเหริน เมิ่งอี้และภรรยา ของขวัญเยอะมากเกินไป ไม่สะดวกที่จะเอาไปมอบให้ทุกคน เมิ่งเอ้ออิ๋นเดินไปด้านหลังจวนเรียกรถม้ามา คนสองสามคนเอาของวางบนรถม้า เมิ่งเอ้ออิ๋นนั่งรถม้านำของขวัญไปส่งให้
ของขวัญของเมิ่งเอ้ออิ๋นและภรรยาเยอะที่สุด เมิ่งซื่อเองก็ถือไม่ไหว จึงได้วางเอาไว้ที่ห้องซีเซียง
เมิ่งเชี่ยนโยวดูรายการอีกรอบ หวงฝู่อี้เซวียนผู้ละเอียดอ่อน ไม่เพียงแต่เตรียมของขวัญมาให้ทุกคนในตระกูลเมิ่ง แต่ยังเตรียมมาให้หลี่ต้าฉุยและภรรยาด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมหยิบของขวัญของหลี่ต้าฉุยขึ้นมา เดินออกจากห้องซีเซียงไป พูดกับเมิ่งซื่อว่า “แม่ ข้าเอาของไปให้ย่าหลี่ก่อนนะเจ้าคะ จะได้ไปเตือนเขาให้มากินเกี๊ยวที่บ้านเราวันพรุ่งนี้ด้วย”
หลังจากที่คนในครอบครัวกินเกี๊ยวด้วยกันเป็นครั้งแรกนั้น ปีต่อไปก็ทำจนเป็นวิถี คืนก่อนตรุษจีนของทุกปี ไม่ว่าจะเป็นหลี่ต้าฉุยและภรรยา หรือจะเป็นครอบครัวของเหวินเปียว รวมไปถึงเหล่าองครักษ์ทั้งหลาย ต่างก็จะมารวมตัวกันกินเกี๊ยวที่บริเวณเรือนหน้า
เมิ่งซื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า อดไม่ได้ที่จะเชยชมว่า “อี้เซวียนคนนี้ช่างใส่ใจเสียจริง ของขวัญของครอบครัวย่าหลี่ของเจ้าก็ยังเตรียมมาให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ถือของขวัญเดินไปยังหน้าจวนของหลี่ต้าฉุย ยืนตะโกนอยู่หน้าจวนว่า “ท่านปู่หลี่ ท่านย่าหลี่ อยู่บ้านหรือไม่เจ้าคะ”
หลังจากที่หลี่ต้าฉุยย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เมิ่งเชี่ยนโยวเกรงว่าพวกเขาจะเดินไปประตูหน้าไม่สะดวก จึงได้สั่งให้คนมาทำประตูใหญ่เอาไว้ด้านข้าง ดังนั้นสองคนจึงไม่เคยเข้าออกทางประตูหน้าเลย ทั้งสองไม่รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อได้ยินเสียงของนาง จึงเดินออกมาจากห้องพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกับพูดอย่างยินดีวว่า “โยวเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ ไม่ได้เจอกันหลายเดือน คิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว”
“เมื่อวานตอนพลบค่ำก็มาถึงแล้วล่ะเจ้าค่ะ แต่เห็นว่ามืดแล้วจึงไม่ได้มาหาท่าน” เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
หลี่ต้าฉุยเปิดม่านประตูออกมา “เข้ามาก่อนเร็ว เข้ามานั่งข้างใน ข้างในอบอุ่น”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปด้านใน วางของขวัญไว้บนโต๊ะ ชี้ไปทางของขวัญที่อยู่ด้านขวาพร้อมยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นของขวัญที่อี้เซวียนฝากมาให้ท่านทั้งสองเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ชี้ไปทางซ้าย “ส่วนนี่เป็นของข้าซื้อมา เปิดูสิเจ้าคะว่าชอบหรือไม่”
“อัยหยา อี้เซวียนคิดถึงพวกเราด้วยหรือนี่ เด็กคนนี้นี่ช่างมีน้ำใจเสียจริง” หลี่ต้าฉุยพูดอย่างมีความสุข
เสียงของย่าหลี่เองก็มีความสุขมาก พูดว่า “ชอบ ชอบสิ พวกเจ้าซื้ออะไรมา พวกเราก็ชอบทั้งนั้น”
พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจของขวัญบนโต๊ะ แต่กลับรีบไปเทน้ำมาให้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างเป็นห่วงว่า “ถือของมากมายพวกนี้มา มือเจ้าเย็นไปหมดแล้ว รีบถือแก้วน้ำให้มืออุ่นเสียหน่อย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะย่าหลี่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ รับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ในมือ
ย่าหลี่ใช้มือปัดเตียงคั่งที่ไม่ได้มีฝุ่น พูดว่า “รีบนั่งลงเร็ว ให้ย่าดูทีว่าหลานผอมลงไปหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มออกมา “ท่านย่า ข้าอยู่สุขสบายดีในเมืองหลวง ไม่อดอยาก ไม่ผอมหรอกเจ้าค่ะ”
“ก็ไม่แน่หรอก อยู่ห่างบ้าน ไม่มีเตี่ยแม่คอยดูแล จะไม่ผอมลงได้อย่างไร” พูดจบ ก็พิจารณาดูร่างของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวถือแก้วน้ำในมือ ยิ้มและมองนาง
เมื่อพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นย่าจึงได้พยักหน้าอย่างพอใจว่า “อื้ม ยังดี ยังไม่ได้ผอมลงไปมาก พ้นตรุษจีนนี้ไปก็น่าจะขุนกลับมาได้ดังเดิม”
เมิ่งเชี่ยนโยวเผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มไปเล็กน้อย
หลี่ต้าฉุยนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกด้าน ส่วนย่าหลี่นั่งอยู่ถัดจากนาง ถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองหลวงของนางอย่างละเอียด
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าข่าวดีทั้งหมดให้พวกเขาฟัง รวมทั้งเรื่องซื้อบ้านใหม่ ร้านใหม่ และเรื่องเปิดโรงงานด้วย
ทั้งสองได้ยินดังนั้น ก็มีความสุขจนยิ้มไม่หุบ
หลี่ต้าฉุยชื่นชมไม่หยุดปาก “เก่งมาก เก่งมาก โยวเอ๋อร์ของเราเก่ง เวลาไม่เท่าไร ก็สามารถสร้างธุรกิจในเมืองหลวงได้มากเพียงนี้”
ย่าหลี่ก็ยิ้มพร้อมสนับสนุนว่า “ใช่น่ะสิ มีธุรกิจมากเพียงนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว หากหมั้นหมายกับอี้เซวียนไปก็ไม่ถูกบรรดาภรรยาคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงดูถูกเอาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมตอบรับ “ธุรกิจพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นพี่ใหญ่และพี่รองสร้างขึ้นมาเจ้าค่ะ ตัวข้าเองก็ไม่ได้ออกเงินสักเท่าไรนัก”
ย่าหลี่รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ดีแล้ว เสียนเอ๋อร์และฉีเอ๋อร์ทำดีแล้ว เจ้ายังไม่ได้ออกเรือน พวกเขาสร้างรากฐานไว้ให้เจ้าน่ะดีแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะอีกครั้ง พูดว่า “บ้านในเมืองหลังใหญ่มาก รอให้วันหน้ามีโอกาส ข้าจะพาท่านทั้งสองและพ่อแม่ รวมทั้งท่านปู่และท่านย่าไปพักที่นั่นสักช่วงหนึ่ง”
ย่าหลี่รีบโบกมือบ่ายเบี่ยง “ไม่ได้หรอก ได้ยินว่าคนในเมืองหลวงมีแต่ผู้ดี พวกเราเป็นคนแก่บ้านนอกไม่รู้จักธรรมเนียม หากไปทำให้ผู้ดีไม่ถูกใจเข้าจะทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนเอาได้ พวกเราอยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว”
หลี่ต้าฉุยตำหนินางยิ้มๆ ว่า “หญิงแก่ผู้นี้นี่กระไร ลืมไปแล้วหรือ ต่อให้ในเมืองหลวงมีผู้ดีเยอะเพียงใด รอให้ถึงวันที่โยวเอ๋อร์แต่งงานแล้ว พวกเราก็จะต้องไปเข้าร่วมงานแต่งของโยวเอ๋อร์นะ
ย่าหลี่ตบมือของตนเอง พูดอย่างมีความสุขว่า “ใช่ จริงด้วย เจ้าพูดถูก ถึงคราที่โยวเอ๋อร์แต่งงาน อย่างไรพวกเราก็ต้องไป ไม่ต้องสนใจผู้ดีเหล่านั้นหรอก”
“อย่างนั้นเราสัญญากันแล้วนะเจ้าคะ เมื่อใดข้าจะแต่งงาน ข้าจะส่งคนมารับท่านทั้งสองล่วงหน้าหนึ่งเดือน พวกท่านห้ามปฏิเสธว่าไม่ได้เชียว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยรอยยิ้ม
“วางใจเถิด งานแต่งของเจ้าน่ะเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้เจ้าไม่ส่งคนมารับ พวกข้าสองคนก็จะเดินไปเมืองหลวงเอง” ย่าหลี่ให้สัญญาด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสามพูดคุยกันอย่างมีความสุขครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวบอกทั้งสองว่าพรุ่งนี้ตอนกลางวันให้ไปห่อเกี๊ยว และก็ยืนขึ้นท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของทั้งสอง เดินออกมา กลับไปยังบ้านของตน
เวลาช่วงเช้าก็ได้ผ่านไปอย่างยุ่งๆ เช่นนี้
หลังจากกินข้าวกลางวันและพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว เมิ่งซื่อ ซุนเชี่ยนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เริ่มเช็ดถูห้องนอน อุปกรณ์ในห้องครัว เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียน ก็ได้กวาดลานบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ คนในครอบครัวคุยกันอย่างสนุกสนาน จัดเตรียมสถานที่สำหรับวันรุ่งขึ้นอย่างมีความสุข
กวาดลานไปได้ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงของรถม้าดังมาจากหน้าประตู
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนที่กำลังกวาดลานอยู่นั้นหยุดมือลง เมิ่งเสียนวางไม้กวาดลง เดินไปยังหน้าประตู
รถม้าสองคันจอดตรงหน้าประตู ผ้าม่านของรถม้าคันหน้าถูกเปิดออก เซี่ยเจียงเฟิงเดินลงมาจากรถม้า
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรีบโบกมือให้ “คุณชายเซี่ยมาแล้วหรือ”
เมื่อเซี่ยเจียงเฟิงทรงตัวยืนขึ้นแล้ว ก็ตอบว่า “ตรุษจีนแล้ว ข้านำของมามอบให้ท่านลุงและท่านป้า”
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 174 ข่มขู่
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ
ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น!
นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ…
นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!?
…
“น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก
“ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment