ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 175-2 ช่วยชีวิต

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมายังที่พักของรั่วหลาน สั่งชิงหลวนและจูหลีว่า “เจ้าสองคนตามข้าไปในเมือง”
 
 
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงตอบรับนาง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปสั่งการสาวใช้ทั้งสองว่า “จับตาดูรั่วหลานให้ดี อย่าให้นางออกมาจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว”
 
 
สาวใช้ทั้งสองก็ตอบรับอย่างนอบน้อม
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินไปยังจวนของเหวินเปียว ไม่รอให้ครอบครัวของเหวินเปียวกล่าวทักทาย นางเดินสาวเท้าอย่างเร่งรีบไปสั่งการเหวินเปียวและเหวินหู่ว่า “เจ้าทั้งสองไปเตรียมรถม้า ตามข้าออกไปที”
 
 
พูดจบก็หันหลังเดินไปยังอีกจวน สั่งให้องครักษ์ที่เก่งกาจห้านายติดตามไปด้วย
 
 
เหล่าองครักษ์เหล่านี้ได้ถูกคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ฝีมือเก่งฉการทุกนาย หนึ่งคนสามารถเอาชนะได้สิบคน เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการไปโดยไม่ต้องเลือกคน องครักษ์ห้าคนตอบรับทันที เดินตามนางออกไปยังเรือนหน้า
 
 
เมิ่งเอ้ออิ๋นตกใจมากที่เห็นนางพาคนมากมายเช่นนี้ออกมา กำลังจะเปิดปากถาม แต่เมิ่งเชี่ยนโยวเดินอย่างเร่งรีบออกไป พลางพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “เตี่ย ข้ามีธุระต้องออกไปข้างนอกเสียหน่อย”
 
 
พูดจบ นางก็เดินออกจากจวนไป
 
 
เมิ่งเสียนยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า
 
 
“พี่ใหญ่ ข้าจะไปในเมืองเสียหน่อย หากวันนี้ไม่ได้กลับมา ท่านก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป ท่านดูแลบ้านให้ดีก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปด้วยพูดไปด้วย
 
 
พูดจบ ไม่รอให้เมิ่งเสียนตอบรับ ก็ขึ้นไปยังรถม้าที่เหวินเปียวเตรียมไว้ ด้วยเสียงร้อนรนว่า “ไปในเมือง” พูดจบ ก็สั่งชิงหลวนและจูหลีว่า “พวกเจ้าก็ขึ้นมา”
 
 
เหวินเปียวหวดแซ่ควบม้าไปออกไปนอกหมู่บ้าน องครักษ์ทั้งห้าก็ได้ขึ้นมายังรถม้าของเหวินหู่แล้ว ตามมาด้านหลัง
 
 
รถม้าของเซี่ยเจียงเฟิงเองก็ตามมาด้านหลัง
 
 
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวร้อนรน เหวินเปียวรู้ได้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่ จึงได้เร่งความเร็วขึ้น ควบม้าให้วิ่งเร็วขึ้น ใกล้วันตรุษจีนแล้ว ผู้คนบนถนนไม่พลุ่งพล่านมากนัก ความเร็วของเหวินเปียวไม่ลดลง ไม่กี่นาทีก็ออกมากจากหมู่บ้านแล้ว มุ่งหน้าตรงยังเขตชิงเหอ เดินทางมาได้ราวสิบห้านาที ด้านหน้าก็มีรถม้าวิ่งสวนม้า ผู้ที่ควบม้าเป็นองครักษ์ที่มีสีหน้าร้อนรนนายหนึ่ง
 
 
เหวินเปียวมองดูคนควบม้าจนชัดแล้ว จึงได้รายงานว่า “ตงเจีย พวกเขากลับมาแล้ว”
 
 
พูดยังไม่ทันขาดคำ พรึ่บ เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านออกมา มองไปยังรถม้าด้านหน้า
 
 
เมื่อองครักษ์ที่ควบม้าได้เห็นพวกเขา สีหน้าก็แสดงความยินดีออกมา ควบม้าเข้าใกล้พวกเขาพูดว่า “เจ้านายขอรับ พวกเราแอบพาตัวของคุณชายจูและภรรยาพร้อมทั้งเด็กๆ ออกมาแล้วขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวโน้มตัวลงมาจากรถม้า กระโดกไปยังรถม้าด้านหน้า “คนเป็นอย่างไรบ้าง” ขณะที่ถามนางก็เปิดผ้าม่านของรถม้าอีกฝั่ง แต่กลับเห็นจางลี่นอนจมกองเลือดกำลังกอดจูเสี่ยวที่เต็มไปด้วยบาดแผลเอาไว้ในอก ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ไฟโกรธในใจก็ได้ประทุขึ้นมา แผ่เอาบรรยากาศน่ากลัวไปรอบๆ
 
 
อารมณ์โกรธของนางทำเอาองครักษ์รู้สึกกลัว กลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว รายงานว่า “พวกเราเจอเขาสองแม่ลูกที่ห้องเก็บฟืนของจวนจู ตอนที่พบก็อยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว พวกเราไม่รอช้า ใช้จังหวะตอนที่ยามเปลี่ยนเวรกันพาตัวพวกเขาออกมา และก็รีบกลับมาทันที นายท่านวางใจเถิด พวกเขายังมีลมหายใจเหลืออยู่”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวควบคุมอารมณ์อยากข้าคนของนางเอาไว้อย่างยากลำบาก กระโดดขึ้นรถม้า สั่งว่า “รีบกลับไปยังหมู่บ้านชิงซี!”
 
 
เหล่าองครักษ์ไม่รอช้า รีบควบม้าไปยังด้านหน้า
 
 
เหวินเปียวรีบวนรถม้ากลับ
 
 
เซี่ยเจียงเฟิงที่อยู่ด้านหลังเมื่อได้ยินดังนั้น ก็สั่งคนรถว่า “เร็ว วนรถกลับ ตามพวกเขาไปให้ทัน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ เอามือเข้าไปใกล้จมูกของจางลี่ นานทีเดียวกว่าจะรู้สึกถึงลมหายใจที่โรยรินของนาง เม้มปาก หลับตาลง บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดตาขึ้น สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ชิงหลวน เจ้ารีบไปยังบ้านของพี่รองของข้า บอกเขาว่าอีกครู่ข้าจะพาคนเจ็บสองคนไป ให้เขาเตรียมห้องอบอุ่นเอาไว้ห้องหนึ่ง และก็ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ด้วยสองหม้อ”
 
 
ชิงหลวนตอบรับ รีบแสดงฝีมือวิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว
 
 
“จูหลี เจ้าบอกเหวินเปียวว่าให้เขารีบไปในหมู่บ้าน ซื้อผ้าห่มกันหนาวหนาๆ มาสองสามผืน แล้วมารอพวกข้าที่หน้าหมู่บ้าน”
 
 
จูหลีนำคำของเมิ่งเชี่ยนโยวบอกต่อกับเหวินเปียว เหวินเปียวหวดม้าแรงหนึ่งที ม้าร้องเสียงดังสนั่นขึ้น กระโจนวิ่งออกไป
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปสั่งองครักษ์ที่คุมรถม้าว่า “ไปแวะที่ร้านยาที”
 
 
องครักษ์อยู่ที่หมู่บ้านชิงซีมาหลายสิบบปี คุ้นเคยกับที่นี่มาก ควบม้าไปยังร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านทันที
 
 
ใกล้วันตรุษจีนแล้ว ร้านยาเองไม่ได้มีคนไข้มากนัก เพียงคนงานสองสามนายอยู่เวรเท่านั้น เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ก็ได้กระตือรือร้นทักทายต้อนรับนาง แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดเพียงชื่อยายาวเหยียด กล่าวว่า “ทำตามสูตรยานี้ ทำยามาให้ข้าสิบชุด”
 
 
เมื่อคนงานได้ยินนางท่องสูตรยาออกมาอย่างคุ้นเคยเช่นนี้ ก็คิดว่าคงจะเป็นเพราะในบ้านมีคนป่วยเป็นโรคนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้คิดอะไรมาก รีบไปจัดยามาให้นางทันที
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปสั่งยากับคนงานอีกคนหนึ่ง “ยาสูตรนี้ก็ทำให้ข้าสิบชุดเช่นกัน”
 
 
คนงานผู้นี้ตกใจเล็กน้อย มองนางอย่างสงสัย
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว “ทำไมหรือ ไม่มีหรือ”
 
 
“มี มี มีขอรับ” คนงานรีบตอบรับ ถามหยั่งเชิงว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางจะนำยามากมายเพียงนี้ไปทำอะไรหรือขอรับ”
 
 
น้ำเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่สู้ดีนัก “เรื่องนี้เป็นกงการอะไรของเจ้าหรือ หากเจ้าไม่อยากขาย ข้าก็จะไปซื้อที่อื่น”
 
 
คนงานผู้นี้พูดไม่ออก
 
 
คนงานอีกคนพูดตำหนิเขาว่า “เอ้อจื่อ แม่นางผู้นี้มาซื้อยา เรามีหน้าที่ขายยา เจ้าจะไปยุ่งเรื่องเขาด้วยเหตุใดกัน”
 
 
ก็จริง เอ้อจื่อพยักหน้า พูดว่า “แม่นางรอสักครู่หนา พวกข้าจะไปจัดยามาให้เดี๋ยวนี้”
 
 
คนงานคนแรกจัดยาเสร็จเรียบร้อย ห่ออย่างดี ยื่นให้เมิ่งเชี่ยนโยว
 
 
“เอาผ้าพันแผลให้ข้าอีกห้าม้วน” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
 
 
คนงานผู้นี้ผงะไปเล็กน้อย พิจารณาดูนาง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา หันไปหยิบผ้าพันแผลมาวางบนโต๊ะ
 
 
ยาจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนงานหยิบลูกคิดขึ้นมา คิดลูกคิดเสียงดัง จากนั้นก็วางลูกคิดไว้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ให้นางมองให้ชัด “แม่นาง ทั้งหมดยี่สิบตำลึงขอรับ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิกแขนเสื้อออก หยิบเงินออกมายี่สิบตำลึงวางบนโต๊ะคิดเงิน ถือถุงยาออกออกมาพร้อมจูหลี และรีบขึ้นรถม้าไปทันที สั่งองครักษ์ว่า “กลับบ้าน!”
 
 
องครักษ์ควบม้าออกจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว เหวินเปียวและคนอื่นๆ กำลังรออยู่ที่นั่น เมื่อเห็นรถม้าเข้ามา ก็รีบนำผ้าห่มกันหนาวมาให้เมิ่งเชี่ยนโยว “ตงเจีย”
 
 
“ข้าและจูหลียกนางสองแม่ลูก พวกเจ้ารีบเอาผ้าห่มรองไว้ใต้ร่างของทั้งสอง” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งคนเหล่านั้น
 
 
เหวินเปียวและคนทั้งหมดตอบรับ คลี่ผ้าห่มในมือออก
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวประคองส่วนหัวของจางลี่และจูเสี่ยว จูหลีประคองส่วนเท้า ออกแรงพร้อมกัน นำร่างของสองแม่ลูกยกขึ้นมา กลุ่มคนนำโดยเหวินเปียว ตามด้วยเหล่าองครักษ์รีบนำผ้าห่ม ในมือมาปูรองด้านล่าง
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวและจูหลีค่อยๆ ว่างสองแม่ลูกลงอย่างเบามือ เมิ่งเชี่ยนโยวรีบสั่งเหล่าองครักษ์ว่า “เร่งมือหน่อย พยายามกลับถึงบ้านให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง”
 
 
ในรถม้ารองด้วยผ้าห่มหนาๆ เมิ่งเชี่ยนโยวและจูหลีเองก็ดูแลอยู่ข้างๆ สองแม่ลูก ต่อให้รถโคลงเคลงไปสักหน่อย สองแม่ลูกก็ไม่เป็นอันตรายมาก องครักษ์วางใจ จึงได้หวดม้าอย่างแรงเพื่อให้วิ่งเร็วขึ้น
 
 
ไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เดินทางมาถึงจวนของเมิ่งฉี
 
 
ชิงหลวนมาถึงบ้านนานแล้ว นำคำของเมิ่งเชี่ยนโยวมาบอกเมิ่งฉีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
 
 
เมื่อเมิ่งฉีฟังจจบ ก็ได้สั่งสาวใช้ไปจัดการ เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงบ้านของเมิ่งฉี ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เมิ่งฉีและชิงหลวนยืนรอพวกเขาอยู่หน้าบ้าน
 
 
รถม้าหยุดลง เมิ่งฉีเดินเข้ามา ถามด้วยเสียงจริงจังว่า “น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้น”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านออก ให้พวกเขาเห็นสภาพน่าเวทนาของสองแม่ลูก
 
 
เมิ่งฉีตกใจจนเผลอร้องออกมา “น้องเล็ก พวกนางเป็นใคร เกิดอะไรขึ้น”

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset