เสียงที่ไม่พอใจของชิงหลวนดังขึ้น “จูหลี เจ้านี่อย่างไรกัน ข้ากำลังวุ่นจะไปยกโจ๊กมาให้นายหญิง เจ้าก็ลุกลี้ลุกลนจนโกลาหลไปหมด แล้วยังมาชนหัวของข้าจนเจ็บอีก”
จูหลีลูบหน้าผากของตัวเอง เสียงบ่นดังยิ่งกว่า “ข้าก็จะไปยกโจ๊กมาให้นายหญิงเหมือนกัน ไม่ได้หรืออย่างไร”
เสียงหัวเราะของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีก
ทันทีที่เห็นนางฟื้นขึ้นมาและมีอารมณ์ดีเช่นนี้ หาได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องนั้นแม้แต่น้อย หวงฝู่อี้เซวียนก็อารมณ์ดีตามไปด้วย จึงหันศีรษะมามองทั้งสองคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ซื่อจื่อคนนี้ เป็นเจ้านายที่ภายนอกสุขุมแต่ภายในมืดมนชั่วร้าย พอเขาใช้สายตาเช่นนี้มองตัวเอง ชิงหลวนและจูหลีก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา หน้าผากก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีก จึงรีบเปิดม่านประตูออกพร้อมทั้งสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวหายไป มองเขาอย่างโมโห และพูดบ่นเล็กน้อย “เจ้าทำให้พวกนางตกใจแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนยกมือทั้งสองข้างขึ้น ร้องเสียงดังว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกเขาแหย่เล่นอีกแล้ว
ชิงหลวนยกโจ๊กและเครื่องเคียงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนพยุงนางนั่งขึ้นอย่างระวัง จุ่มผ้าเช็ดหน้ากับน้ำ แล้วเช็ดใบหน้าและมือให้นางอย่างละเมียดละไม จากนั้นยกโจ๊กขึ้นมา หยิบช้อนพร้อมตักโจ๊กขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ปฏิเสธ อ้าปากกินโจ๊กที่อยู่ในช้อนลงไปอย่างว่าง่าย
นางกินโจ๊กถ้วยหนึ่งเสร็จ ทั้งกายของเมิ่งเชี่ยนโยวอุ่นขึ้นและมีเรี่ยวแรงขึ้น จึงมองไปที่ดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียน แล้วพูดขอร้องเบาๆ “นอนมาสามวันแล้ว ปวดกระดูกไปหมด ข้าอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดินเล่นเสียหน่อย”
มั่นใจอย่างเต็มอกว่าเขาจะต้องไม่ยอมแน่ แต่นึกไม่ถึงว่าหวงฝู่อี้เซวียนกลับพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจเป็นอย่างมาก ดึงผ้าห่มออก และกำลังจะลงจากเตียง
หวงฝู่อี้เซวียนยกมือปรามนางไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวผงะไป และมองเขาอย่างฉงน
เขาก้มศีรษะและโค้งตัวลง หยิบรองเท้าของเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นมา แล้วสวมใส่ให้นาง หวงฝู่อี้เซวียนจับมือนางอย่างอ่อนโยนพร้อมพูดด้วยเสียงละมุน “ไปกันเถอะ ออกไปเดินรอบๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตัวแข็งทื่อ ได้แต่ปล่อยให้เขาพาออกไปอย่างงงงวย
เวลานี้แสงอาทิตย์กำลังดี ส่องลงบนกายอย่างอบอุ่น หวงฝู่อี้เซวียนจูงมือนางตลอด ทั้งคู่เดินอยู่ภายในเรือนอย่างไม่เร็วไม่ช้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดด้วยเสียงเบา “อี้เซวียน ข้าไม่เป็นไร”
เขาหันศีรษะไปด้านข้างมองนาง แต่กุมมือแน่นยิ่งขึ้น “ข้ารู้”
สิ่งที่ทำกับสิ่งที่พูดนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจว่าตัวเองนอนหลับสนิทมาหลายวัน จนทำให้เขาตกใจ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดปลอบเขา จูหลีก็เดินเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “นายหญิง พวกคุณชายเซี่ยมาเจ้าค่ะ พวกเขารออยู่ด้านนอกจวน จะให้พบหรือไม่เจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหวงฝู่อี้เซวียน
“พาพวกเขาไปรอที่ห้องรับแขก ข้ากับโยวเอ๋อร์จะไปเดี๋ยวนี้”
จูหลีรับคำ หันตัวเดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนจูงมือนางเดินมุ่งไปยังห้องรับแขกอย่างไม่เร่งรีบ
ขณะที่พวกจูหลานสามคนยังมาไม่ถึงเมืองหลวงก็ได้ยินข่าวแล้วว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เป็นอะไร ทว่า ในใจก็เป็นห่วงนาง จึงยังคงเร่งม้าให้มาถึงโดยเร็ว ทันทีที่เข้าเรือน เห็นทั้งสองคนยืนเรียงกันรอพวกเขาอยู่ในห้องรับแขก จึงคิดจะทำความเคารพต่อหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือปราม “ล้วนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ต่อไปที่พวกเราอยู่ด้วยกันส่วนตัว การเคารพตามธรรมเนียมเหล่านี้ก็ละเว้นเถิด”
ตอนนี้ทั้งสามคนถึงจะมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นอารมณ์ของนางที่แม้ว่าจะดีมาก แต่สีหน้ากลับดูขาวซีดเล็กน้อย จูหลานถามอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วง “สีหน้าซีดเซียวเช่นนี้ เพราะไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ให้หมอมาดูอาการแล้วหรือยัง แล้วหมอว่าอย่างไรบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ได้ตอบ หวงฝู่อี้เซวียนก็เอ่ยปากพูดก่อน “โยวเอ๋อร์หลับมาสามวันแล้ว เพิ่งตื่นขึ้น สีหน้าก็ย่อมดูแย่ไปบ้างเป็นธรรมดา พักฟื้นสักสองวันก็จะหายดีแล้ว”
ระหว่างเดินทางทั้งสามคนก็ได้ยินเรื่องที่พระเซวี่ยนชิงร่ายมนตร์ใส่นาง คาดว่าอาจจะทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บได้ จึงพยักหน้า และไม่ได้ถามต่ออีก
เซี่ยเจียงเฟิงพูด “ตอนที่พวกข้าได้ยินเรื่องนี้ ตกใจแทบแย่ล ก็เลยเร่งรีบมาเมืองหลวง พอเดินทางได้ครึ่งทางก็ได้ยินว่าข่าวว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ถึงจะสบายใจได้เปราะหนึ่ง ไม่มีเหตุผลอะไรแท้ๆ เหตุใดถึงมีการพูดกล่าวหาเช่นนี้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้ปิดบัง เล่าต้นสายปลายเหตุให้แก่ทั้งสามคน โดยเริ่มตั้งแต่หลิวลี่
หลังจากทั้งสามคนฟังจบ ก็โกรธจนแทบคลั่ง อันอี่หยวนพูดขึ้น “นึกไม่ถึงว่าในใต้หล้ายังมีคนที่ชั่วช้าไร้หัวใจเฉกเช่นนี้ได้ เป็นคนในหมู่บ้านด้วยกันเอง ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเหลือค้ำจุนกัน ยังหาเรื่องใส่ร้ายผู้อื่นอีก คนเช่นนี้ต้องไม่ตายดีแน่”
เซี่ยเจียงเฟิงกับจูหลานพยักหน้าเห็นด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งเงียบ นางไม่ได้บอกเรื่องที่หลิวลี่เป็นขอทานอยู่ในเมืองหลวงให้พวกเขาฟัง ส่วนจุดจบของนางนั้น ก็ไม่ต้องเดาเลย แน่นอนว่าต้องไม่ได้ดีไปถึงไหนแน่
ทั้งสามคนพูดคุยเรื่องนี้กันสักพัก เมื่อเห็นสีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยังคงดูซีดเซียวมาก จึงพูดว่า “เจ้าไปพักผ่อนให้สบายเถิด พวกข้าจะพักอยู่ที่เมืองหลวงสองสามวัน ถ้าหากมีอะไรที่ต้องการใช้ ก็เรียกได้เลย”
เซี่ยเจียงเฟิงกับอันอี่หยวนมีกิจการอยู่ที่เมืองหลวง ทั้งสามมีแหล่งที่พักพิงมีที่กินดื่ม เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่รั้งต่อไป พยักหน้าพูด “ถือโอกาสนี้ พวกเจ้าก็ไปเยี่ยมคุณชายเปาสิ แผลที่ขาของเขาจะหายดีเป็นปกติแล้ว”
สามคนรับคำ ลุกขึ้นยืน กล่าวบอกลากันเสร็จแล้วก็เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวส่งทั้งสามคนด้วยสายตา เมื่อเห็นว่าไปไกลแล้ว ก็จูงมือกันกลับเข้ามาในห้อง
แม้ว่าพระสติไม่ดีรับรองว่าเมิ่งเชี่ยนจะฟื้นขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่วางใจ เฝ้านางไม่ห่างสักชั่วยามจนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ครานี้เมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นแล้ว ในใจก็ผ่อนคลายลง และรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าบ้างแล้ว จึงจูงเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปนอนที่เตียง หลังจากพูดคุยกับนางเบาๆ สักพัก ก็หลับสนิทไป
เมิ่งเชี่ยนโยวนอนมาสามวันแล้ว เดิมทีคิดว่าจะนอนไม่หลับ ครั้นอยากจะหลับตาลงเป็นเพื่อนเขา ใครจะรู้ว่าสักพักก็หลับสนิทไปด้วย
ภายในห้องเงียบสงัดไร้การเคลื่อนไหว ชิงหลวนและจูหลีก็เดาได้ว่าทั้งคู่คงหลับไปแล้ว จึงค่อยๆ ย่องถอยออกจากออกมานอกเรือน แล้วปิดประตูอย่างเบาๆ และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกอีก
พอรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวหลับนานแล้วยังไม่ตื่น ในใจของพระชายาฉีก็กระวนกระวาย ทุกวันต้องส่งคนไปสอบถาม กระทั่งวันนี้คนที่ส่งไปได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นแล้ว ก็รีบควบม้ากลับไปรายงานโดยเร็ว พระชายาฉีได้ยินแล้วก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
อ๋องฉีก็ลอบถอนหายใจโล่งอก ถ้าเมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ตื่นอีก พระชายาฉีก็คงร้อนใจจนป่วยตามไปด้วย
ยังมีเหวินซื่อและฉู่เหวินเจี๋ยที่ได้รับข่าวว่าเมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นแล้ว ก็ถอนใจโล่งอก และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งเช่นกัน
เถ้าแก่เหลาจวี้เสียนก็ดีใจมาก องครักษ์ลับทั้งสามพันคนยังคงอยู่ที่เมืองหลวง หากไม่ได้รับคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียน เถ้าแก่ก็ไม่กล้าให้พวกเขาแยกย้าย ทว่า หากฮ่องเต้ทราบแล้ว ไม่แน่ว่าจะทำให้พระองค์เกิดความเคลือบแคลงพระทัยขึ้นอีกได้ แต่หลายวันนี้ ในจวนของเมิ่งเชี่ยนโยวปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ข่าวสารทั้งหมดก็ส่งเข้าไปไม่ได้ เขาจึงกังวลใจจนริมฝีปากพอง ตอนนี้ค่อยยังชั่ว เมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นแล้ว นายท่านก็คงจะส่งข่าวอะไรที่ชัดเจนมาได้แล้ว
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวถึงจะตื่นขึ้นมา พอจัดแจงแต่งกายเรียบร้อยและรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ชิงหลวนถึงจะเข้ามารายงานว่า มีผู้คนมากมายที่มาเยี่ยม แต่ถูกนางขวางให้กลับไป ทว่า พวกเขาก็คงจะมาอีกครั้งในวันรุ่ง
หวงฝู่อี้เซวียนผงกศีรษะ สั่ง “ข้ากับโยวเอ๋อร์จะออกไปข้างนอกสักหน่อย พวกเจ้าไปจัดแจงรถม้า”
ชิงหลวนรับคำ เดินออกไป
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 223-1 เกิดเรื่องอีกแล้ว
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ
ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น!
นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ…
นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!?
…
“น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก
“ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment