ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 249 ดีใจจนน้ำตาไหล

หนึ่งเดือนผ่านไป รถม้าถึงเมืองหลวง พระชายาฉีที่ได้ข่าวก็มาต้อนรับที่หน้าประตูเมือง เห็นรถม้ามาแต่ไกล ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ก้าวขาไปที่รถม้าทันที
 
 
โจวอันเห็นพระชายาฉี ก็หยุดรถม้า
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้าก่อน
 
 
ไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยว พระชายาฉีรีบกล่าวถามว่า “โยวเอ๋อร์ล่ะ”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้าทีหลัง กล่าวอย่างเกรงใจว่า “พระชายา”
 
 
พระชายาฉีพุ่งตัวไปโอบกอดนางไว้ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา “เจ้าลูกคนนี้นี่ มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆ เหตุใดจึงหนีไปไม่บอกไม่กล่าว ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวก็น้ำตาคลอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “หม่อมฉันขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วง จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ”
 
 
พระชายาฉีพยักหน้าหลายครั้ง “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
 
 
พูดจบ ก็ปล่อยนาง มองพินิจพิเคราะห์รอบๆ ตัวนางอย่างละเอียด “ผอมไปไม่น้อย ไป กลับจวนกัน ข้าจะไปทำของอร่อยให้เจ้ากินเยอะๆ ไม่นานก็จะเพิ่มกลับมา”
 
 
พูดจบ ก็จูงมือนางไว้แน่นแล้วไปที่รถม้าของตัวเอง
 
 
“เสด็จแม่” หวงฝู่อี้เซวียนเรียกนาง
 
 
หยุดเดิน พระชายาฉีหันหลังมองเขาด้วยความสงสัย
 
 
“ท่านกับโยวเอ๋อร์กลับไปก่อน ข้าจะเข้าวังสักครู่”
 
 
เข้าใจความหมายของเขาทันที พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้าตน สั่งคนขับรถม้ากลับจวน
 
 
ส่งสัญญาณให้โจวอันตามไปดูแล หวงฝู่อี้เซวียนกระโดดขึ้นบนหลังม้า ตรงไปที่พระราชวัง
 
 
ทันทีที่พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับถึงจวน ราชโองการก็มาถึงจวนอ๋องฉี
 
 
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการยิ้มแล้วเปิดราชโองการ ถ่ายทอดให้เมิ่งเชี่ยนโยว “ฮ่องเต้มีราชโองการ ให้ซื่อจือแห่งอ๋องฉีและองค์หญิงชิงเหอสมรสในวันที่หกเดือนแปด ห้ามฝ่าฝืน จบเพียงเท่านี้”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ทำความเคารพขอบคุณ
 
 
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการกล่าวต่อว่า “ฮ่องเต้ได้ตรัสว่า จะไม่ถือสาเรื่องที่หนีงานสมรสในครั้งก่อน แต่ถ้าต่อไปยังทำผิดอีก จะประหารตระกูลเมิ่งเก้าชั่วโคตร”
 
 
แม้ว่าจะเป็นการขมขู่แบบตรงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่พระชายาฉีดีใจที่สุด สั่งคนนำเงินให้ขันทีที่อัญเชิญราชโองการหนึ่งร้อยตำลึง
 
 
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการปฏิเสธอย่างไม่จริงจังชั่วครู่ แล้วรับมาอย่างดีใจ กลับวังไปรายงานอย่างมีความสุข
 
 
ไม่นานหวงฝู่อี้เซวียนก็กลับถึงจวน
 
 
พระชายาฉีเขียนรายการออกมายาวเป็นหางว่าว สั่งคนใช้ในห้องครัวให้รีบไปทำ
 
 
หลังจากท่านอ๋องฉีกลับจวน ก็มาที่เรือนของพระชายาฉี
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพ
 
 
แม้ว่าท่านอ๋องฉีจะมีท่าทีปกติ สีหน้าเข้มงวด แต่มือสั่นเล็กน้อย เผยความตื่นเต้นในใจของเขาออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “กลับมาก็ดีแล้ว ข้าพบหมอชื่อดังในรัฐอู่แล้ว รอพวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกเขามา”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
 
 
อยู่ดีๆ ก็มีราชโองการออกมาจากในวัง ในขณะที่ขุนนางทั้งหลายเกิดความสงสัยในใจ ก็ส่งคนออกไปสืบ พอรู้ข่าวก็ตกใจกันมาก องค์หญิงชิงเหอที่หายตัวไปแปดเดือนถูกหวงฝู่ซื่อจือพบตัวแล้วพากลับมาแล้ว ฮ่องเต้ตั้งใจออกราชโองการลงมา ตรัสสั่งให้พวกเขาแต่งงานกันในวันที่หกเดือนแปด แต่ตอนนี้สิ้นเดือนเจ็ดแล้ว ห่างจากวันที่พวกเขาแต่งงานไม่กี่วันแล้ว ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด เริ่มเตรียมหาของขวัญแต่งงานให้กับพวกเขา
 
 
หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวไป เมิ่งฉีสองสามีภรรยาอยู่ต่อที่เมืองหลวงเพื่อดูแลกิจการทั้งหมด ตอนนี้เมิ่งฉีและเหวินเปียวไปที่ปลูกมันฝรั่งนอกเป่ยเฉิง หวังเยียนดูแลลูกอยู่ในจวน ชิงหลวนและจูหลียังคงทำตัวเหมือนกับเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้หายไป ยืนเฝ้าหน้าประตูรเรือนของนางอย่างเงียบๆ
 
 
แม่ครัวที่ออกไปซื้อผักวิ่งเข้าจวนอย่างรีบร้อน ไม่สนใจแม้กระทั่งผักที่ซื้อไว้ในตะกร้าที่ถือไว้ซึ่งตกเกลื่อนตามทาง วิ่งตรงมาทางเรือนของหวังเยียน
 
 
ทุกคนมองนางอย่างแปลกใจ
 
 
เซิ่งเอ๋อร์กำลังเล่นอยู่ในเรือน หวังเยียนยืนมองเขาข้างๆ
 
 
แม่ครัววิ่งมาถึงหน้าประตูเรือนด้วยอาการหอบเหนื่อย พร้อมกับกล่าวว่า “ฮูหยินรอง นายหญิงถูกพาตัวกลับมาแล้วเพคะ”
 
 
ตุ้บ  ของเล่นในมือของหวังเยียนตกพื้น แล้วรีบเดินมาหน้านางทันที ตาโต แล้วรีบกล่าวถามว่า “เจ้าพูดจริงหรือ โยวเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ”
 
 
แม่ครัวพยักหน้าหลายครั้ง “คนในตลาดกล่าวกันเช่นนี้เพคะ ยังบอกอีกว่าฮ่องเต้ออกราชโองการ ให้นางและซื่อจือแต่งงานกันวันที่หกเดือนแปด”
 
 
“เร็ว เร็ว เตรียมรถม้า พวกข้าจะไปจวนอ๋องฉี” หวังเยียนสั่งด้วยความรีบร้อน
 
 
พูดจบ หันหลังกลับไป ก้มตัวลง แล้วอุ้มเซิ่งเอ๋อร์ที่เล่นอยู่ขึ้นมา “ไป เซิ่งเอ๋อร์ พวกเราไปหาท่านอากัน”
 
 
กัวเฟยที่ได้รับคำสั่งหยุดชะงักไป แล้วทันทีที่รู้สึกตัว ก็กล่าวถามสาวใช้ที่มาบอกอย่างดีใจว่า “นายหญิงกลับมาแล้วหรือ”
 
 
สาวใช้พยักหน้าตอบ
 
 
กัวเฟยดีใจมาก รีบใช้วิชาตัวเบามาที่หน้าลานของเมิ่งเชี่ยนโยว รีบกล่าวกับชิงหลวนและจูหลีว่า “นายหญิงกลับมาแล้ว อยู่ที่จวนอ๋องฉี ฮูหยินรอง…”
 
 
เขาเพิ่งจะพูด ชิงหลวนและจูหลีก็เริ่มขยับตัว พอเขาพูดจบประโยคที่สอง ร่างของทั้งสองก็วิ่งออกไปทันที ประโยคที่สามของกัวเฟยยังไม่ทันพูดออกมา ข้างหน้าก็ไม่มีร่างของทั้งสองแล้ว
 
 
กัวเฟยมองหน้าประตูเรือนที่ว่างเปล่า ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา ใช้วิชาตัวเบาไปที่ด้านหลังเรือน แล้วเตรียมรถม้า
 
 
ชิงหลวนและจูหลีมาถึงจวนอ๋องฉี ไม่มีแม้แต่คำทักทาย ตรงเข้าไปทันที คนที่เฝ้าประตูรู้สึกแค่ว่ามีลมพัดผ่านไป ทั้งสองก็มาไกลถึงในเรือนแล้ว
 
 
ตรงมาถึงในเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน ชิงหลวนและจูหลีเดินตรงเข้าไป แล้วคุกเข่าในเรือนพร้อมกัน กล่าวด้วยเสียงสั่นว่า “นายหญิง ท่านกลับมาแล้วใช่หรือไม่”
 
 
ได้ยินเสียงของทั้งสอง เมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบเดินออกมาจากห้อง
 
 
เห็นร่างที่คิดถึงมานานหลายเดือน ชิงหลวนและจูหลีน้ำตารื้นทันที แล้วกราบลงไปพร้อมกัน “นายหญิง ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่ ขอท่านลงโทษด้วย”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวน้ำตาคลอ แล้วรีบก้าวเข้ามา พยุงทั้งสองขึ้นมา “ข้าผิดเอง ที่ตัดสินใจผิดไป ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า รีบลุกขึ้นเถิด”
 
 
ทั้งสองลุกขึ้น แล้วยืนตรงด้วยความเคารพข้างหน้านาง มองนางทั้งตัวหนึ่งรอบด้วยดวงตาแดงก่ำ
 
 
“นายหญิงผอมลง” ชิงหลวนกล่าว
 
 
จูหลียิ่งหนักขึ้นไปอีก “ผอมจนหนังหุ้มกระดูกแล้ว”
 
 
ฉะนั้น ทั้งสองสบตากัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “นายหญิง เรากลับจวนกันเถิด ให้แม่ครัวทำอาหารอร่อยๆ ให้ท่านกิน บำรุงให้ดีๆ”
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ในห้องได้ยิน สีหน้าขรึมทันที ตอนแรกก็เห็นว่าทั้งสองเป็นห่วงมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็เลยแบ่งเวลาออกมาชั่วครู่ ให้เมิ่งเชี่ยนโยวมาเจอทั้งสอง ไม่ห้ามนาง ไม่คิดว่าสาวใช้สองคนนี้จะกล้าพาคนไปดื้อๆ เลยลุกขึ้น แล้วเดินออกมา เดินมาถึงหน้าประตู แล้วกล่าวถามด้วยรอยยิ้มไม่จริงใจว่า “แม่ครัวในจวนของพวกเจ้าฝีมือดีกว่าแม่ครัวใหญ่ในจวนนี้อีกหรือ”
 
 
ถึงแม้ว่าเป็นน้ำเสียงอบอุ่น แต่ชิงหลวนและจูหลีที่ได้ยินเข้าหูกลับรู้สึกเย็นๆ ตัวสั่นพร้อมกัน แล้วรีบโบกมือไปมาพร้อมกัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”
 
 
ทั้งที่ควรเป็นการพบเจอที่เศร้าพอถูกหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามายุ่ง กลายเป็นเรื่องตลกทันที
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนกวักมือเรียก เมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับไปยืนข้างๆ เขาทันที
 
 
ชิงหลวนและชิงลี่สบตากันแล้วรู้สึกไม่ดี
 
 
เป็นไปดั่งที่คาดไว้ หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวออกมาว่า “เดินทางติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน โยวเอ๋อร์เหนื่อยมาก พวกเจ้าสองคนจะอยู่ต่อในเรือน หรือว่าจะกลับจวนที่หนานเฉิน”
 
 
พูดจบ ก็จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปในห้อง
 
 
การพบกันครั้งแรกของเจ้านายและลูกน้องในรอบแปดเดือนถูกคำพูดสองสามประโยคของหวงฝู่อี้เซวียนขัดจังหวะ ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน ในใจไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือควรหัวเราะดี
 
 
ทันใดนั้น ชิงหลวนคิดได้ว่าหวังเยียนยังอยู่ที่จวน ตอนนี้น่าจะรู้ข่าวแล้วกำลังรีบมา อยากจะบอกเมิ่งเชี่ยนโยว “นายหญิง…”
 
 
สองคำนี้เพิ่งเอ่ยออกมา ยังไม่ทันพูดต่อ เสียงไม่พอใจของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังออกมาห้องว่า “โจวอัน ถ้าหากนางยังพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว โยนออกไปได้เลย”
 
 
โจวอันรับคำสั่ง แล้วมองชิงหลวน
 
 
ชิงหลวนกลืนคำพูดที่จะพูดต่อลงไปทันที
 
 
จูหลีหลุดหัวเราะออกมา
 
 
ชิงหลวนโมโหด้วยท่าทางเหมือนเด็ก แล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก ท่าทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าทีเหมือนรอดูอะไรดีๆ มองเข้าไปในห้อง
 
 
ในใจของกัวเฟยก็รีบร้อน รถม้าก็แทบจะบินได้แล้ว ไม่นานก็ถึงจวนอ๋องฉี
 
 
หวังเยียนอุ้มเซิ่งเอ๋อร์ลงมาจากรถม้า
 
 
หวังเยียนรีบอุ้มเซิ่งเอ๋อร์แล้วพุ่งเข้าไปในจวนทันที นายประตูรีบเข้ามา “ฮูหยินรองเมิ่ง องค์หญิงชิงเหออยู่ในเรือนซื่อจือ ข้าน้อยนำท่านไปขอรับ”
 
 
หวังเหยียนพยักหน้า “ขอบคุณ”
 
 
ชิงหลวนที่ยืนอยู่ในลานเห็นหวังเยียนเข้ามา ก็หันไปมองในห้อง แล้วรีบออกไปตอนรับทันที รายงานว่า “ฮูหยินรองเมิ่ง นายหญิงอยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
 
 
หวังเยียนเดินเข้าไปในลาน แล้วหยุด เรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “น้องเล็ก เจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป แล้วรีบลุกขึ้นทันที เดินก้าวขาออกมา
 
 
สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเคร่งขรึมทันที
 
 
เห็นว่าเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวจริงๆ หวังเยียนอุ้มเซิ่งเอ๋อร์แล้วพุ่งตัวไปทันที แล้วรีบยื่นมือข้างขวาออกไปโอบกอดนางไว้แน่น กล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “น้องเล็ก เจ้ากลับมาเสียที”
 
 
ดวงตาของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงก่ำ ยื่นมือออกไปโอบกอดนางและเซิ่งเอ๋อร์ “พี่สะใภ้รอง ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
 
 
หวังเยียนตบหลังนางหนึ่งครั้งด้วยความโกรธและโมโห “รู้ว่าคนในบ้านเป็นห่วงเจ้ายังจะหนีไปโดยไม่บอกกล่าวอะไร เจ้ารู้หรือไม่ หลังจากที่ท่านแม่ได้ยินพี่ใหญ่อ่านจดหมายจบ ก็เป็นลมทันที จนถึงตอนนี้อาการก็ยังไม่ค่อยดี”
 
 
น้ำตาของเมิ่งเชี่ยนโยวไหลลงมาทันที “ข้าขอโทษ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”
 
 
หวังเยียนปล่อยนาง แล้วจูงมือนาง “ไป กลับจวน”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ หันกลับไปมองหวงฝู่อี้เซวียน
 
 
หวังเยียนหันกลับไปด้วยความตกใจ เมื่อเห็นท่าทางของนาง ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว แล้วเพ่งมองหวงฝู่อี้เซวียน
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนอ้าปากอยากพูดอะไร
 
 
เสียงเย็นชาของหวังเยียนก็ดังขึ้นมา “โยวเอ๋อร์เป็นลูกสาวของตระกูลเมิ่งเรา แน่นอนว่ากลับมาก็ต้องกลับจวนเรา ซื่อจือไม่พอใจอะไรหรือ”
 
 
ไม่พอใจ ไม่พอใจมาก เดือนกว่านี้ หวงฝู่อี้เซวียนเคยชินกับการกอดเมิ่งเชี่ยนโยวหลับทุกคืน หากไม่มีนาง ตนต้องนอนไม่หลับแน่ แต่ประโยคนี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะถ้าหากเขาเอ่ยออกมา คิดว่าคนตระกูลเมิ่งต้องเอามีดอีโต้ไล่ฟันเขาไปทั่วเมืองแน่ๆ
 
 
มองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วยิ้มประจบประแจงให้หวังเยียน “พี่สะใภ้รองพูดอะไรเยี่ยงนี้ ข้าตั้งใจจะไปส่งโยวเอ๋อร์กลับจวนอยู่แล้วขอรับ”
 
 
น้ำเสียงของหวังเยียนเต็มไปด้วยความปฏิเสธ “ขอบพระทัยในความหวังดีของซื่อจือ ไม่ต้องเจ้าค่ะ พวกข้ามีรถม้า”
 
 
พูดจบ ก็จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปทันที
 
 
หวงฝู่อี้เซวียนอ้าปาก ไม่กล้าขัดขวาง มองดูเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากจวนกับหวังเยียน
 
 
มองดูท่าทางพ่ายแพ้ของเขา ชิงหลวนกลั้นหัวเราะแทบตาย แล้วเดินตามออกไปพร้อมกับจูหลี
 
 
หลังจากเมิ่งฉีได้ข่าว ก็รีบสั่งเหวินเปียวขับรถม้ากลับจวนทันที
 
 
สองพี่น้องพบเจอกันด้วยน้ำตา ในขณะที่เป็นห่วงนาง แน่นอนว่าเมิ่งฉีก็กล่าวสั่งสอนนางไปหนึ่งรอบ
 
 
ครั้งแรกในชีวิต ที่เมิ่งฉีเข้มงวดกับนางอย่างนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวฟังอย่างตั้งใจ ไม่กล้าโต้ตอบแม้แต่คำเดียว
 
 
แต่ในขณะเดียวกันในจวนเมิ่ง ทันทีที่ได้ยินข่าวที่หวงฝู่อี้เซวียนให้คนขี่ม้ามาบอกว่าพบเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ทุกคนดีใจจนน้ำตาไหล ตั้งแต่เมิ่งเชี่ยนโยวหนีไป เมิ่งซื่อที่เหมือนวิญญาณออกจากร่างเอาแต่พึมพำถึงนางทุกวันก็ฟื้นขึ้นมาทันที พูดสั่งเมิ่งเสียน “เร็ว เตรียมรถม้า เราจะไปเมืองหลวงทันที”
 
 
ท้องฟ้ามืดแล้ว เดินทางกลางคืนอันตรายมาก ในขณะที่เมิ่งเสียนดีใจก็ห้ามเมิ่งซื่อไปด้วย “น้องเล็กกลับมาแล้ว ไม่ไปอีกแน่นอน วันนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้ามืดเราค่อยเดินทางกันเถิดขอรับ”
 
 
มองท้องฟ้า เมิ่งซื่อพยักหน้าตกลง แล้วรีบเข้าครัวไปทำอาหารเย็นทันที
 
 
เมิ่งเอ้อิ๋นกลับไปบ้านใหญ่ บอกข่าวกับทุกคน
 
 
ทุกคนดีใจกันมาก เมิ่งจงจวี่ตัดสินใจ เข้าเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขาพรุ่งนี้
 
 
กินอาหารเย็นเสร็จ ก็พากันพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ ทุกคนนอนไม่หลับ เช้ามืดของวันที่สองทุกคนก็ตื่นกันหมด ไม่กินแม้แต่อาหารเช้า นั่งรถม้าที่เตรียมไว้ไปเมืองหลวงทันที
 
 
ปกติอย่างน้อยรถม้าต้องใช้เวลาประมาณสามวันจึงจะถึงเมืองหลวง แต่ครั้งนี้ภายใต้การเร่งของเมิ่งซื่อ จึงลดลงไปหนึ่งวัน พอถึงเมืองหลวง กระดูกของเมิ่งจงจวี่สลายไปทั้งตัว แต่ก็ยังคงตื่นเต้นมาก ลงจากรถม้า แล้วให้คนพยุงเข้าไปในจวน
 
 
เมิ่งซื่อ ‘กระโดด’ ลงจากรถม้าก่อนแล้ว แทบจะวิ่งพุ่งเข้าไปในลานตลอดทางกล่าวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “โยวเอ๋อร์ล่ะ โยวเอ๋อร์อยู่ที่ใด”
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยว และเมิ่งฉีสองสามีภรรยาได้ยินคำรายงานของคนใช้ ก็ออกมาต้อนรับทันที
 
 
เห็นร่างอันซูบผอมของเมิ่งซื่อแต่ไกล ความรู้สึกผิดในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวซัดขึ้นมาดั่งคลื่นทะเล แล้วทับถมลงมา
 
 
 

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset