เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงวันแต่งงานแบบกลุ่มของเหล่าคนงานในโรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นเช้ากว่าวันปกติเล็กน้อย
ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนยังคงเหมือนทุกวัน หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จและรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ก็สั่งโจวอันให้ควบรถม้ามาถึงเป่ยเฉิง
คนงานในโรงงานทั้งหมดได้หยุดงานสามวัน ดังนั้นจึงลงกลอนขนาดใหญ่ที่ประตูใหญ่ของโรงงาน
เมิ่งฉีและผู้จัดการอันล้วนไปยังพื้นที่ว่างหน้าศาลาว่าการ เพื่อช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวเตรียมงานล่วงหน้าให้เรียบร้อย
เปาชิงเหอมีความสุขจนหนวดเคราตั้งชูขึ้นอีกครั้ง
เป็นเวลาผ่านมาหนึ่งปีกว่านี้ เป่ยเฉิงที่เขาอยู่แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก ทุกสถานที่ ทุกสินค้า ล้วนเพียงพอที่จะสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังได้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผลงานความสำเร็จของเขา แต่ใครใช้ให้เป่ยเฉิงนี้อยู่ในขอบเขตการดูแลของเขากันเล่า แน่นอนว่าก็ต้องรู้สึกภาคภูมิไปด้วยอยู่แล้ว
รถม้าของจวนอ๋องมีเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่ทุกคนสามารถเห็นได้แต่ไกล จึงเปิดทางให้ตั้งแต่เนิ่นๆ
รถม้ามาถึงประตูศาลาว่าการอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคขวางกั้น เมื่อหยุดลง เมิ่งเชี่ยนโยวที่ท้องกลมโตก็มีหวงฝู่อี้เซวียนช่วยประคองลงมาอย่างระมัดระวัง ซุนฮุ่ยที่รอคอยอยู่หน้าประตูศาลาว่าการตั้งนานแล้ว ก็รีบสาวเท้าวิ่งเข้ามาหา แล้วคล้องแขนของนาง “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมาแน่ๆ เลยเตรียมที่นั่งไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะประคองเจ้าเข้าไปนั่งด้านในนะ”
หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือ แล้วทั้งสองคนเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
เมื่อนั่งลงแล้ว เห็นหวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตามเข้ามา ซุนฮุ่ยก็วางมือลงบนท้องของเมิ่งเชี่ยนโยว “นี่แค่ห้าเดือนเองใช่ไหม ท้องของเจ้านี้ทำไมถึงได้ใหญ่จนน่าสะพรึงเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบท้องของตัวเอง และยิ้มตอบ “ข้าก็ไม่รู้ คงเพราะกินของดีๆ มากเกินไปกระมัง”
“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถึงเวลาคลอดเมื่อไรเจ้าจะลำบากเอาได้ เจ้าพยายามกินให้น้อยลงเสียหน่อยเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือยิ้ม “ท่านแม่ของข้า เสด็จแม่ แล้วก็อี้เซวียนล้วนจับจ้องข้าอยู่ทุกวัน แทบอยากจะให้ข้าคนเดียวกินเท่ากับปริมาณของพวกเขาสามคนเลย หากข้ากินน้อยลงหน่อยจริงๆ พวกเขาสามคนต้องตกใจแย่แน่ๆ”
ซุนฮุ่ยหมดคำพูด ได้แต่เพียงมองท้องของนางด้วยสายตาที่เป็นห่วง แล้วถอนหายใจออกอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรไป คุณชายเปารังแกเจ้าหรือ” ได้ยินเสียงถอนหายใจของนาง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มพูดหยอกเล่น
“เขาน่ะนะ จะมีเวลามารังแกข้าที่ไหนกัน ตั้งแต่ได้ไปค่ายทหารแล้ว แต่ละวันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน”
“โอ้โห น้ำเสียงไม่พอใจน่าดู เจ้าคอยก่อนเถิด รอให้เรื่องวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะบอกท่านนาให้ใต้เขาลาหยุดสามวัน เพื่อจะได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้าอย่างเต็มที่ รับรองว่าเจ้าไม่ได้ลงจากเตียงแน่นอน”
สีหน้าของซุนฮุ่ยแดงพล่านขึ้นโดยพลัน แล้วตีนาง “เหตุไฉนเจ้ายิ่งไม่สุภาพขึ้นทุกวัน ถ้อยคำนี้เป็นสิ่งที่เจ้าควรพูดอย่างนั้นหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกตาโพลง ถามอย่างใสซื่อ “เช่นนั้นข้าควรจะพูดอย่างไร เป็นเจ้าที่ทำให้คุณชายเปาลงจากเตียงไม่ได้หรือ”
“เจ้า…” ซุนฮุ่ยโกรธจนกระทืบเท้า “ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ที่เจ้ากำลังตั้งท้องอยู่ ข้าจะต้องตีเจ้าแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงหัวเราะออกมา
ได้ยินเสียงหัวเราะของนาง ใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ถึงเวลาแล้ว พิธีกรรมได้เริ่มขึ้น
พื้นที่ว่างเปล่าอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยบรรดาเจ้าบ่าวที่ใบหน้าอิ่มเอบด้วยความปิติยินดีและเจ้าสาวที่ปิดบังใบหน้า ท่ามกลางเสียงร้องเพลงในพิธีกรรม ก็ดำเนินการกราบไหว้ฟ้าดิน คู่บ่าวสาวกราบไหว้ต่อกัน และเข้าเรือนหอไป แน่นอนว่า เรือนหอนี้เป็นเรือนหอที่เจ้าบ่าวแต่ละคนผูกเชือกเอาไว้แล้ว จึงพาเจ้าสาวของตัวเองเข้าไปภายในห้องที่แต่ละคนเตรียมไว้แล้ว
แม้ว่าคนมาก จะทำให้มีเสียงดังอื้ออึง แต่กลับเป็นระบบระเบียบ ไม่ได้เกิดสถานการณ์ที่อลหม่าน นี่เป็นสิ่งที่เปาชิงเหอปรารถนาจะเห็น และก็เป็นสิ่งที่เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนหวังเอาไว้
ทว่า ยังมีคนหนึ่งที่ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา นั่นก็คือผู้จัดการอัน เจ้าสาวรับแล้ว สินสอดก็มอบแล้ว แต่เขาไม่ได้แต่งงานก่อนวันตรุษจีน เนื่องจากงานแต่งงานของเหวินซงกับชิงหลวนกำหนดในวันที่สิบหก งานแต่งของเขากับเหวินเหลียนจึงได้แต่เพียงเลื่อนไปหลังจากตรุษจีน
เขาหาซินแสช่วยดูวันแล้ว ช่วงปีใหม่ไม่มีวันที่ฤกษ์ดี ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรออุ้มสาวงามกลับไปในเดือนสอง จึงถอนหายใจอย่างแรง และถอนหายใจอีกครั้ง มองพวกเจ้าบ่าวด้วยความอิจฉาริษยาอย่างมาก
งานแต่งงานแบบกลุ่มที่ใหญ่โตเสร็จสิ้นลงแล้ว ก็ถึงเวลาเที่ยง หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยว และเมิ่งฉีก็ถูกซุนฮุ่ยเชิญไปที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารกลางวันโดยปริยาย เมื่อสนทนากันครู่หนึ่งแล้ว แต่ละคนถึงจะกลับบ้านของตัวเอง
เรื่องงานแต่งงานของเหล่าคนงานได้จัดการเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดในใจก็ไม่มีอีก ทั้งกายก็ฟื้นคืนกลับสู่วันที่กินๆ ดื่มๆ ตามแบบฉบับของการขุนสุกร
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนล่วงเลยมาถึงวันที่ยี่สิบหก ซึ่งเป็นวันที่ชิงหลวนแต่งงาน
สำนักคุ้มภัยเพิ่งจะฟื้นคืน เรื่องของเหวินซงเป็นเรื่องมงคลเรื่องแรกของสำนักคุ้มภัย ทุกคนจึงให้ความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทำความสะอาดภายในสำนักคุ้มภัยจนไม่เหลือใบไม้กระทั่งใบเดียว แม้แต่กลุ่มที่รับเจ้าสาวก็ไม่ด้อยไปกว่ากัวเฟย แต่ละคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์แข็งแกร่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ สีหน้านำมาด้วยรอยยิ้ม ย่อมทำให้คนที่มามุงดูต่างออกปากเชยชม และยังชื่นชมว่าเหตุใดสาวใช้ในจวนอ๋องฉีถึงได้โชคดี แต่ละคนแต่งงานกันได้ดิบได้ดี
แน่นอนว่า การจัดสถานการณ์ต้องใหญ่โตกว่าจูหลีอย่างมาก อย่างไรก็เป็นนายน้อยของสำนักคุ้มภัยที่จะสู่ขอแต่งงาน ถ้าดูยากจนคดแค้นเกินไป ก็ทำให้คนอื่นดูถูก และไม่เป็นผลดีต่อกิจการที่จะสืบทอดของสำนักคุ้มภัย ดังนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวจึงให้เหวินเปียว ‘ยืม’ เงินหนึ่งหมื่นตำลึง เพื่อให้เขาเตรียมงานแต่งงานดีๆ ดังนั้น การรับเจ้าสาวครั้งนี้ เมื่อเทียบกับของผู้สูงศักดิ์ขุนนางชั้นสูงก็ยังโอ่อ่ายิ่งกว่า
เมื่อมีจูหลีเป็นตัวอย่างแล้ว ชิงหลวนก็เตรียมการอย่างครบครัน ดังนั้น เหวินซงจึงรับเจ้าสาวไปได้อย่างง่ายดายไร้อุปสรรค นี่จึงทำให้จูหลีที่เป็นภรรยาคนแล้ว โมโหจนกระทืบเท้ารัวๆ
พอชิงหลวนถูกรับไป กลุ่มคนที่มุงดูเหตุการณ์แยกย้ายกันไป ภายในและภายนอกจวนก็เงียบสงัดลง หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งรถม้ากลับไปที่หนานเฉิง เพราะวันถัดมาก็เป็นวันที่ยี่สิบเจ็ดแล้ว ซึ่งเป็นวันที่ตกลงกับเมิ่งซื่อ คู่สามีภรรยาเมิ่งฉี เมิ่งเหริน และเมิ่งอี้ พร้อมลูกๆ ของแต่ละคนแล้วว่าจะกลับไปยังบ้านเกิด
วันนี้พวกเมิ่งเชี่ยนโยวรีบกลับไป และพักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน ทันทีที่ถึงเวลาเช้าของวันถัดมาก็ส่งเมิ่งซื่อและคนอื่นๆ กลับบ้านเกิด
เมิ่งซื่อรู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง กุมมือของเมิ่งเชี่ยนโยวและกำชับตลอด “โยวเอ๋อร์ ปู่กับย่าของเจ้าอยู่ที่นั่น แม่จำเป็นต้องกลับไปที่บ้าน วางใจเถิด รอให้ผ่านตรุษจีนไปแล้ว แม่จะกลับมาหาโดยเร็ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบกลับ “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องรีบร้อน นานขนาดนี้แล้วที่ท่านแม่ไม่ได้กลับบ้านเลย ก็อยู่ที่บ้านพักสักหลายวันหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เวลานี้ ข้ายังไม่กี่เดือนเอง ต้องรออีกตั้งนานกว่าจะสามารถคลอดลูกได้เจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อเห็นท้องที่นับวันยิ่งโตขึ้นของนาง ในใจก็สั่นเทิ้ม “ปู่กับย่า และยายของเจ้า ร่างกายยังแข็งแรงมาก ไม่ต้องการให้แม่ดูแลหรอก ส่วนเรื่องภายในบ้านก็ยังมีพ่อเจ้า พี่ใหญ่เจ้า และพวกพี่สะใภ้ใหญ่ แม่ไม่มีอะไรทำเลย”
เข้าใจว่าเมิ่งซื่อเป็นห่วงตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อ้อนวอนอีก “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารอท่านแม่กลับมาเจ้าค่ะ”
“เจ้าต้องเชื่อฟังพระชายาฉีกับหวงฝู่อี้เซวียนนะ อย่าได้ใช้อารมณ์ อย่าได้ทำนิสัยเป็นเด็กๆ มีอะไรที่ไม่พอใจ ก็อย่าได้อัดอั้นอยู่ในใจ บอกพวกเขาไปเสีย” เมิ่งซื่อบ่นกำชับ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับคำตลอด ในใจก็รู้สึกอาวรณ์
เมิ่งฉี หวังเยียนก็มาพูดกำชับอีกรอบ เมิ่งเชี่ยนก็ล้วนรับคำอย่างว่าง่าย
รุ่งเช้าวันถัดมา เมิ่งซื่อและคนอื่นลากของต่างๆ สำหรับวันตรุษจีน แล้วนั่งรถม้าที่มีเหล่าองครักษ์ลับคุ้มกันจากไป
หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามานอนต่อในห้องของตัวเองจนรู้สึกตัวตื่นแล้ว ก็สั่งกัวเฟยให้ดูแลบ้านให้ดี แล้วกลับจวนอ๋องพร้อมกับหวงฝู่อี้เซวียน
แล้วก็ผ่านไปอีกสามวัน มาถึงคืนวันที่สามสิบ พระชายาฉีกลัวว่านางจะอดทนงานเลี้ยงกลางคืนที่นานขนาดนั้นไม่ได้ สองวันก่อนจึงไปในตำหนักของไทเฮาร้องขอความเมตตาให้อนุญาตเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ภายในจวน ไม่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงกลางคืน
นี่เป็นสิ่งสมใจเมิ่งเชี่ยนโยวพอดี รับประทานอาหารเย็นแล้ว ก็พักผ่อนเสียหน่อย จากนั้นก็ไปเดินเล่นภับหวงฝู่อี้เซวียนภายในจวน แล้วจึงกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
ขณะที่จะเอนลง เสียงของหวงฝู่อวี้ที่อยู่ภายในเรือนก็ดังขึ้น “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากับเยียนเอ๋อร์มาเฝ้าคืนข้ามปีเป็นเพื่อนพวกพี่”
มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน เห็นเขาไม่ขยับ เหมือนว่าไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหน้า และตะโกนออกไปด้านนอก “ร่างกายของข้าไม่สะดวก กำลังจะเข้านอนแล้ว พิธีคืนข้ามปีนี้ก็งดเว้นแล้วล่ะ”
หวงฝู่อวี้รับคำ ความผิดหวังภายในน้ำเสียงทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวที่ได้ยินไม่อาจทนได้ เกือบจะเผลอเรียกพวกเขาให้เข้ามาแล้ว ถ้าไม่ใช่หวงฝู่อี้เซวียนเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองนาง ไม่แน่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะทำเช่นนี้ลงไปจริงๆ
เสียงฝีเท้าด้านนอกไกลออกไป ครั้งนี้หวงฝู่อี้เซวียนถึงจะเงยหน้าขึ้น แล้วส่งเสียงถามไถ่ “เจ้าถามเสด็จแม่แล้วหรือยัง เรื่องแต่งงานของอวี้เอ๋อร์จะจัดเมื่อไร”
ไทเฮาคืนพระราชเสาวนีย์ที่ให้หลินหันเยียนเป็นอนุตลอดชีวิตแล้ว หวงฝู่อวี้ก็ควรจะไปขอร้องต่อพระชายาฉีให้ช่วยจัดงานแต่งให้เขากับหลินหันเยียนเสียที ทว่า หลายวันผ่านไปขนาดนี้ หวงฝู่อวี้ไม่มีท่าทีที่จะทำด้านนี้แม้แต่น้อย
หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกประหลาดใจ นี่ถึงได้ออกปากถามเมิ่งเชี่ยนโยว
“เรื่องนี้ท่านแม่กับข้าได้พูดถึงแล้ว และท่านแม่ก็ถามอวี้เอ๋อร์แล้ว อวี้เอ๋อร์บอกว่าตอนนี้หลินหันเยียนกลับจวนหลินไม่ได้ ไม่มีสถานที่จะออกเรือน และไม่มีที่จะไปให้สินสอด เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจหลินหันเยียน จึงให้คนไปส่งข่าวแก่หลินจ้งหลายครั้ง หลินจ้งก็อ้างว่าหลินฉงเหวินไม่เห็นด้วย และไม่ยินยอมโดยตลอด”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว “พวกเขาก็อยู่ด้วยกันแบบไร้ต้นสายปลายเหตุอย่างนี้น่ะนะ?”
“ไม่หรอก ที่หลินจ้งไม่รับปากให้หลินหันเยียนกลับจวนหลิน เป็นเพราะว่าไม่อยากให้นางรู้เรื่องที่หลินฉงเหวินถูกคุมขังไว้ ถ้าพูดในแบบเขา ก็คือไม่อยากให้จวนหลินและจวนอ๋องมีเรื่องอะไรกันอีก ดังนั้น ข้ากับท่านแม่ตกลงกันว่ารอให้พ้นตรุษจีนแล้ว พวกเราจะไปปรึกษากันที่บ้านท่านน้าสักหน่อย เพื่อให้หลินหันเยียนแต่งออกจากจวนของแม่ทัพ ส่วนสินเดิมนั้น ก็ยังคงให้จวนหลินออก”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าช้าๆ
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 349 กลับบ้าน
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ
ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น!
นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ…
นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!?
…
“น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก
“ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment