ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 379 โกรธจนถึงขีดสุด

หงเอ๋อร์กลับไปรายงานให้กับหลินหันเยียน  
 
 
หลินหันเยียนจึงหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่ออกมาจากหัวใจ ตัวนางราวกับปกคลุมไปด้วยความปีติยินดี   
 
 
หงเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจจนตาทั้งสองข้างถลนออกมา จึงพูดออกมาว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่ได้หัวเราะออกมาแบบนี้นานมากแล้วนะเจ้าคะ”  
 
 
“งั้นหรือ”  
 
 
หงเอ๋อร์พยักหน้าไม่หยุด เหมือนกลัวว่าหลินหันเยียนจะไม่เชื่อตน  
 
 
หลินหันเยียนก็หัวเราะออกมายิ่งกว่าเดิม “หงเอ๋อร์ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้ากับข้าจะต้องใกล้ชิดกันยิ่งกว่านี้เสียอีก”  
 
 
หงเอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายแฝงของคำพูดนั้น จึงยิ้มแล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ ต่อจากนี้ถ้าคุณชายรองไม่อยู่ที่จวน ข้าจะไม่อยู่ห่างจากคุณหนูเลยแม้แต่นิดเดียวเจ้าค่ะ”  
 
 
หลินหันเยียนก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม แล้วยื่นมือเข้าไปจับผงยาที่อยู่ในชายเสื้อของตน แล้วสั่งว่า “เจ้าเข้าไปดูในห้องครัวว่าเตรียมสำรับเสร็จหรือยัง ไปเอาเหยือกสุราจากพ่อบ้านมาด้วย”  
 
 
หงเอ๋อร์เดินออกไปด้วยความดีใจ   
 
 
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหันเยียนหายไป แล้วมองไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คิดว่าอีกครู่หนึ่งตนจะลงมือเช่นไรดี จะเอายาใส่ลงในสุราหรือในสำรับดี   
 
 
สั่งให้คนนำน้ำมา ชะล้างร่างกายของตนจนสะอาด แล้วหวงฝู่อวี้ก็เดินออกมาจากห้องรับแขกอย่างอารมณ์ดี เตรียมพร้อมที่จะเดินไปที่เรือนของตน   
 
 
และโจวอันก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขา แล้วยื่นขวดดินเผาให้ “คุณชายรองขอรับ ซื่อจื่อเฟยสั่งให้ข้าเอาสิ่งนี้มาให้ท่าน ถ้าหากว่าท่านตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ให้ท่านกินยาที่อยู่ในนี้ก็พอ”  
 
 
หวงฝู่อวี้ประหลาดใจ คิดอยากถามให้ชัดเจนว่าเหตุใดถึงให้ยาเม็ดนี้มา แต่โจวอันประสานมือแล้วขอตัวลาไปอย่างรวดเร็ว   
 
 
คิดไปคิดมา หวงฝู่อวี้ก็เอาขวดยาเก็บเข้าไปในชายเสื้อตน พี่สะใภ้ใหญ่ให้ยากับตน จะต้องมีเหตุผลของนางเป็นแน่ อย่างไรเสียเก็บไว้ให้ดีๆ กว่า   
 
 
เขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าหลินจ้งสองสามีภรรยาหลังจากที่คิดอยู่หลายวัน จึงส่งคนมารายงานเรื่องที่หลินหันเยียนกลับจวนมารบเร้าขอยาปลุกกำหนัดกับเมิ่งเชี่ยนโยว   
 
 
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้เจตนาของหลินหันเยียนทันที จึงสั่งให้คนคอยสอดส่องนางอยู่ตลอดเวลา จนมาถึงวันนี้ที่นางอาศัยโอกาสที่หวงฝู่อวี้กลับไปกินข้าวที่จวน นางเลยสั่งให้โจวอันนำยาแก้มาให้กับเขา ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจ และหวังว่าหลินหันเยียนจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้น มิเช่นนั้นเขาทั้งสองคนคงต้องถึงจุดจบเป็นแน่ อีกทั้งในจวนแห่งนี้จะไม่มีที่ให้นางยืนอีกต่อไป  
 
 
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเคร่งขรึมเกินจะบรรยาย ถึงขั้นเรียกว่าโกรธจนพายุเข้ารุนแรงเลยก็ว่าได้ หลินหันเยียนช่างไม่รู้จักประมาณตน ในเมื่อกล้าที่จะทำร้ายอวี้เอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า นางคิดว่าเขาเอ็นดูอวี้เอ๋อร์ แล้วจะไม่กล้าทำโทษนางหรือไร  
 
 
สำรับจากห้องครัวทยอยออกมา หงเอ๋อร์นำสุราชั้นดีมาจากพ่อบ้าน จัดสำรับอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินออกไป  
 
 
“หงเอ๋อร์ เจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกไปก่อน ถ้าข้ามีเรื่องอันใดจะเรียกเจ้า”  
 
 
หงเอ๋อร์ตอบรับ แล้วออกไป  
 
 
หลินหันเยียนเอาห่อกระดาษออกมา แล้วโรยผงยาลงไปในสำรับที่หวงฝู่อวี้ชอบกิน   
 
 
ผงยาละลายได้ดีในสำรับที่กำลังร้อนๆ ไม่มีร่องรอยเลยแม้นิดเดียว   
 
 
แล้วหงเอ๋อร์ก็ร้องเรียกออกมาด้วยความยินดี “คุณชายรอง กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”  
 
 
พูดจบ ม่านประตูเปิดออก หวงฝู่อวี้เดินเข้ามา   
 
 
หลินหันเยียนก็ยิ้มออกมา ทั้งดีใจทั้งเขินอาย “พี่อวี้เจ้าคะ ท่านกลับมาแล้ว”  
 
 
นานแล้วที่ไม่ได้เจอหลินหันเยียนมีท่าทางทั้งเขินทั้งอาย หวงฝู่อวี้ห่อไหล่ สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิด “เยียนเอ๋อร์ ข้าขอโทษ หลายวันนี้ข้า… …”  
 
 
“ข้าไม่โทษท่านพี่เจ้าค่ะ ล้วนเป็นความผิดของข้า เป็นเพราะข้าทำให้ท่านต้องลำบากใจ ข้าจะชดใช้ให้พี่อวี้เองเจ้าค่ะ” หลินหันเยียนยิ้มให้หวงฝู่อวี้เห็นถึงรอยยิ้มบนใบหน้าที่มาจากใจของตน   
 
 
หวงฝู่อวี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เดินเข้าไปกอดนางเอาไว้ในอ้อมอก “เยียนเอ๋อร์ ข้าขอรับประกัน ว่านี่เป็นครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”  
 
 
หลินหันเยียนก็พยักหน้าในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของหวงฝู่อวี้ น้ำเสียงออดอ้อน “ข้าเชื่อพี่อวี้เจ้าค่ะ”  
 
 
พูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม แล้วออกจากอ้อมกอดของหวงฝู่อวี้ ลากเขาไปนั่งที่โต๊ะ ยกตะเกียบขึ้น คีบอาหารที่เขาชอบวางลงในจานให้กับเขา แล้วพูดว่า “พี่อวี้เจ้าคะ ข้าสั่งให้แม่ครัวจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เป็นของที่ท่านชอบทั้งนั้นเลย กินเยอะๆ เลยนะเจ้าคะ”  
 
 
หวงฝู่อวี้ยกตะเกียบขึ้นด้วยความดีใจ แล้วกินเข้าไปจนหมดอย่างสง่างาม  
 
 
แต่หลินหันเยียนไม่ได้กิน ได้แต่นั่งมองจ้องไปที่เขา ดวงตากลมโตของนางแอบแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและความหวานหยาดเยิ้ม ดวงตาคู่นั้นเปล่งกระกาย ทำให้หวงฝู่อวี้ใจเต้นแรงเป็นอย่างมาก   
 
 
หวงฝู่อวี้กินสำรับที่อยู่ในจานอย่างไม่ลังเล แล้ววางตะเกียบลง  
 
 
แล้วหลินหันเยียนก็คีบให้เขาอีก แล้วเติมสุราจนเต็มอีกสองจอก ยกจอกสุราในมือของตนขึ้น “พี่อวี้เจ้าคะ จอกนี้เพื่อท่าน เมื่อหลายวันก่อนเยียนเอ๋อร์ไม่รู้ความ จอกนี้ถือว่าข้าขอโทษท่านเจ้าค่ะ”  
 
 
หวงฝู่อวี้ไม่ขยับ แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้ายังไม่ได้กินข้าว ท้องว่างแล้วดื่มสุรามันไม่ดีนะ”  
 
 
“พี่อวี้วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าแค่เพียงจิบๆ เท่านั้น ไม่เป็นผลต่อร่างกายหรอก แต่ท่านสิดื่มเยอะหน่อยเถอะเจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันดีที่หาได้ยากยิ่งนักเจ้าค่ะ”  
 
 
“เยียนเอ๋อร์มีข่าวดีอะไรอย่างนั้นหรือ” หวงฝู่อวี้ฟังจากคำพูดนางแล้วถาม  
 
 
“รอจนในที่สุดพี่อวี้ก็กลับมา นับเป็นเรื่องดีหรือไม่” หลินหันเยียนถามกลับอย่างหยอกล้อ  
 
 
หน้าของหวงฝู่อวี้แดงขึ้น ไม่พูดอะไร ยกจอกสุราขึ้น เงยหน้าขึ้นกระดกดื่มจนหมดจอก  
 
 
หลินหันเยียนเติมให้เขาอีก แล้วขอร้องเขาว่า “พี่อวี้เจ้าคะ หลายวันก่อนข้าได้ทำร้ายจิตใจของหงเอ๋อร์ ข้าอยากอาศัยโอกาสวันนี้ ชดใช้ให้กับนางต่อหน้าท่าน ได้หรือไม่เจ้าคะ”  
 
 
แต่ก่อนตอนที่พระชายารองเฮ่อเป็นผู้ดูแลจวน กฎระเบียบต่างๆ นั้นเข้มงวดเป็นที่สุด เจ้านายก็คือเจ้านาย บ่าวก็คือบ่าว ต่อให้เจ้านายทำผิด แต่ก็ไม่เคยมีใครต้องชดใช้ให้กับบ่าวเลย ความคิดเช่นนี้ได้แทรกซึมเข้ายันกระดูกของหวงฝู่อวี้มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อฟังจบ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จนรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของหลินหันเยียนหายไป แล้วจึงพยักหน้า  
 
 
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่อวี้ใจดีที่สุดเลย” รอยยิ้มกลับไปอยู่บนใบหน้าของหลินหันเยียนอีกครั้ง น้ำเสียงก็ใสแจ๋วขึ้นมาทันที  
 
 
ความเคลือบแคลงใจของหวงฝู่อวี้ก็หายไปหมดสิ้น แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว  
 
 
“หงเอ๋อร์!” หลินหันเยียนตะโกนเรียก  
 
 
หงเอ๋อร์ตอบรับแล้วเข้ามา “เจ้าคะคุณหนู!”  
 
 
หลินหันเยียนก็ตบลงไปที่เก้าอี้ด้านข้างตน แล้วพูดว่า “มานั่งตรงนี้สิ”  
 
 
หงเอ๋อร์รีบโบกมือ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ”  
 
 
“เยียนเอ๋อร์ให้เจ้านั่ง ก็นั่งเสีย” หวงฝู่อวี้พูดเพราะไม่อยากเห็นท่าทางผิดหวังของหลินหันเยียน   
 
 
หงเอ๋อร์รีบปฏิเสธโดยทันที “คุณชายรอง อย่างไรเสียก็ไม่เหมาะสม บ่าวไม่บังอาจเจ้าค่ะ”  
 
 
“ช่างเถอะ” หลินหันเยียนห้าม “ถ้าหากว่าพี่อวี้ไม่ถือสา ข้าจะนำอาหารลงไปให้หงเอ๋อร์กินด้านหลังได้หรือไม่เจ้าคะ”  
 
 
สิ่งนี้ตรงกับที่หวงฝู่อวี้คิด จึงพยักหน้าอนุญาต   
 
 
หลินหันเยียนหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคีบสำรับให้กับนาง แล้วยื่นให้กับหงเอ๋อร์ที่ชะงักและกำลังงุนงงกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดว่า “ข้ายอมขอโทษเจ้าต่อหน้าพี่อวี้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมนั่งกินข้าวกับพวกเรา ข้าก็จะไม่ฝืนเจ้า เจ้าเอาพวกนี้กลับไปกินที่ห้องเถิด ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าดูแลแล้ว”  
 
 
หงเอ๋อร์รับไป ทำความเคารพ แล้วยกถาดเดินออกไป  
 
 
แล้วหลินหันเยียนก็คีบสำรับที่หวงฝู่อวี้ชอบ วางลงบนจานที่อยู่ตรงหน้าเขา หลังจากนั้นก็คีบเอาสิ่งที่ตนชอบกินเข้าไปเพียงเล็กน้อย   
 
 
หวงฝู่อวี้ดีใจเป็นอย่างมาก กินเข้าไปอย่างไม่ลังเล  
 
 
หลินหันเยียนยิ้มมุมปาก แล้วคีบสำรับให้เขาเรื่อยๆ   
 
 
ดังนั้น สำรับส่วนมากก็ได้ตกลงไปในท้องของหวงฝู่อวี้นั่นเอง  
 
 
รอยยิ้มมุมปากของหลินหันเยียนก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่  
 
 
หวงฝู่อวี้สังเกตได้ถึงความผิดปกติ ในใจก็ได้แต่สงสัย ความร้อนในร่างกายก็เริ่มวูบวาบขึ้นทันที   
 
 
“เยียนเอ๋อร์!” เสียงตะเกียบที่อยู่ในมือหล่นลงบนโต๊ะ หวงฝู่อวี้มองหลินหันเยียนอย่างไม่เชื่อสายตา  
 
 
หลินหันเยียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยิ้มถามว่า “พี่อวี้มีอะไรหรือเจ้าคะ”  
 
 
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร” ความอารมณ์ดีของหวงฝู่อวี้ได้มลายหายไปในพริบตา เจ็บใจจนถึงที่สุด กัดฟันถาม ในใจไม่อยากจะเชื่อว่าหลินหันเยียนจะทำเช่นนี้  
 
 
หลินหันเยียนยังคงยิ้มอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่อวี้เจ้าคะ ข้าก็ไม่อยากจะทำเช่นนี้แต่จำใจจะต้องทำ ใครใช้ให้ท่านไม่ทำตามข้า ไม่รับหงเอ๋อร์กันเล่า”  
 
 
โครม! หวงฝู่อวี้โกรธจนคว่ำโต๊ะลง แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้า… …” ยังพูดไม่ทันจบ ร่างกายก็ร้อนรุ่มเป็นที่สุด ภาพตรงหน้าก็เริ่มเลือนราง  
 
 
หงเอ๋อร์เดินกลับไปที่ห้องของตนเองอย่างเชื่อฟัง บ่าวที่คอยดูแลอยู่ในจวนเมื่อได้ยินความเคลื่อนไหว ก็มองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะทำเช่นไรดี   
 
 
เฮ่ออีตกใจ จึงตะโกนเรียก “คุณชายรอง” แล้วมีเสียงฝีเท้ากำลังจะก้าวเข้าไปที่ด้านใน   
 
 
“อย่าเข้ามา!” หลินหันเยียนพูด ราวกับว่านางและหวงฝู่อวี้กำลังทำอะไรที่ห้ามให้คนอื่นเห็นอย่างไรอย่างนั้น   
 
 
เมื่อได้ยินเสียงของนาง เฮ่ออีก็หยุด แล้วหน้าแดงถอยออกไป แอบดีใจที่ตนไม่ได้พุ่งเข้าไปโดยทันที ถ้าหากว่าได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นล่ะก็ คอของตนต้องหลุดจากบ่าอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้น ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ จึงเดินถอยออกไปให้ห่างจากตัวเรือน   
 
 
ภายในห้อง ความร้อนในร่างกายของหวงฝู่อวี้ก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มควบคุมตนเองไม่ได้แล้ว หลินหันเยียนไม่ได้เข้าไปพยุง แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่อวี้เจ้าคะ ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกหงเอ๋อร์มาให้เจ้าค่ะ”  
 
 
หวงฝู่อวี้ไม่ได้สนใจนาง อาศัยจังหวะที่ยังมีสติอยู่ ก็ใช้มือที่สั่นเทาของตนล้วงเข้าไปที่ชายเสื้อหยิบขวดดินเผาออกมา เปิดออก แล้วเงยหน้ากินยาที่อยู่ในขวดนั้นเข้าไป  
 
 
หลินหันเยียนเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา แล้วร้องตะโกนออกมาว่า “พี่อวี้ ท่านกินอะไรเข้าไป”  
 
 
หวงฝู่อวี้หลับตา กลืนยาเม็ดนั้นลงไป รอให้ความร้อนในร่างกายหายไป  
 
 
หลินหันเยียนลนลาน รีบขึ้นมาจับตัวของหวงฝู่อวี้เขย่าไปมา “พี่อวี้ คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ คายออกมา!”  
 
 
หวงฝู่อวี้สะบัดอย่างแรงหนึ่งที หลินหันเยียนล้มลงจนร้องโอ้ย ร่างกายไปชนกับสิ่งของที่อยู่ในเรือนจนกระจายระเนระนาด  
 
 
ครั้งนี้บ่าวทั้งหลายก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ล้วนวางสิ่งที่ตนทำอยู่ลง แล้ววิ่งหนีไปจากบริเวณเรือนนั้น ล้อเล่นไป ขนาดเฮ่ออียังหลบ แล้วบ่าวทั้งหลาย หากพวกนางยังแอบฟังอยู่ที่กำแพงล่ะก็ จะต้องโดนเจ้านายเล่นงานจนน่าอนาถเป็นแน่  
 
 
ดังนั้น ไม่มีใครได้ยินเสียงครวญครางของหงเอ๋อร์ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ที่อยู่ห้องข้างๆ เลย  
 
 
ยานั้นทำให้ความร้อนในร่างกายค่อยๆ สลายหายไป หวงฝู่อวี้ก็เบิกตาโต มองไปยังหลินหันเยียนที่กองอยู่กับพื้นอย่างไม่มีเยื่อใย   
 
 
หลินหันเยียนรู้สึกถึงสายตาของเขา จึงหยุดร้อง แล้วเงยหน้ามองเขา ในขณะที่มองไปที่ดวงตาอันไร้เยื่อใยของเขา ใจก็ประหวั่น น้ำเสียงสั่นเครือ “พี่ พี่อวี้ เจ้าคะ”  
 
 
เขาลุกขึ้นมา เดินไปตรงหน้านาง หวงฝู่อวี้คุกเข่าลง มองไปที่นาง พูดออกมาทีละคำอย่างชัดถ้อย “เยียนเอ๋อร์ นับแต่นี้ไป เจ้ากับข้าขาดกัน! ข้าจะจัดคนส่งเจ้ากลับจวนหลิน นับแต่นี้ไปเจ้าจะเป็นหรือตายล้วนไม่เกี่ยวกับข้า”  
 
 
หลินหันเยียนเบิกตาโพลง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน   
 
 
หวงฝู่อวี้ลุกขึ้นมาอย่างไม่ไยดี อยากเดินออกไปจากที่ตรงนั้น  
 
 
หลินหันเยียนก็รู้สึกได้ เข้าไปกอดขาของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขอร้องอ้อนวอน “พี่อวี้เจ้าคะ ข้าผิดไปแล้วๆ ที่ข้าทำลงไปเช่นนี้ เป็นเพราะข้ารักท่านมาก ข้ากลัวว่าจะเสียท่านไป”  
 
 
“ปล่อย!” หวงฝู่อวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด   
 
 
หลินหันเยียนส่ายหน้าร้องไห้ น้ำตาไหลริน หยดลงเสื้อของหวงฝู่อวี้ “ข้าไม่ปล่อยๆ พี่อวี้เจ้าคะ ท่านให้อภัยข้าด้วยเถิด ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”  
 
 
หวงฝู่อวี้หันกลับมามองไปที่นาง  
 
 
หลินหันเยียนนึกว่าเขาจะใจอ่อนอีกครั้งหนึ่งให้อภัยนาง หวงฝู่อวี้โน้มตัวลง ยื่นมือออกมาแกะมือของหลินหันเยียนออกจากขาของเขาทีละนิ้วๆ ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แล้วมุ่งเดินออกไปที่ด้านนอก  
 
 
“พี่อวี้ ท่านจะบีบให้ข้าตายอย่างนั้นหรือ” หลินหันเยียนพูดตะโกนตามออกไปด้วยความเจ็บปวด  
 
 
หวงฝู่อวี้ก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของนาง แล้วเดินออกไป  
 
 
“ได้ ในเมื่อท่านไร้เยื่อใยกับข้าเช่นนี้ ข้าจะตายให้ท่านดู ให้ท่านเสียใจไปตลอดชีวิต” พูดจบ ก็มีเสียง ตุบ ชนเข้าไปที่กำแพง  
 
 
หวงฝู่อวี้หันหลังกลับไป ร่างกายของหลินหันเยียนล้มลงไปกองกับพื้น ที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด   
 
 
มองนางที่ล้มลงกับพื้น อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย สุดท้ายก็สงบลง กลับมาเย็นชาดังเดิม   

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เมื่อนักฆ่าในยุคปัจจุบันอย่าง เมิ่งเชียนโยว ต้องทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวน้อยชนบทผู้เอาแต่ใจ ประสบการณ์ครั้งใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น! นางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรในครอบครัวที่อัตคัดเช่นนี้ หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการหาทางเลี้ยงชีพเพื่อพลิกฟื้นครอบครัวชาวนาให้ขึ้นมารุ่งเรืองมั่งคั่ง แต่ด้วยความสามารถของนางแล้วนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรนัก ปัญหาก็คือ… นางมีคู่หมั้นแล้ว และคู่หมั้นของนางก็เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกหน้าตามอมแมมเนี่ยน่ะหรือ!? … “น้องหญิง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือสามีในอนาคตของเจ้า” เมิ่งเสียนพี่ชายคนโตชี้ไปที่เด็กผู้ชายเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไม่ไกลออกไป เชี่ยนโยวได้ฟังแล้วพลันรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด “น้องหญิง สามีในอนาคตของเจ้าถูกคนทำร้าย!” เมิ่งฉีพี่ชายคนรองทะยานเข้ามาจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ร้องตะโกนบอกเมิ่งเชี่ยนโยว เส้นประสาทที่หน้าผากเมิ่งเชี่ยนโยวพลันเกร็งกระตุก “ท่านพี่ สามีในอนาคตของพี่…” คำพูดของเมิ่งเจี๋ยน้องชายคนเล็กยังไม่ทันจบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทขึ้น “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ สามีในอนาคตของข้า พวกเราจะเลี้ยงดูเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset