ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ – เล่มที่ 2 บทที่ 58 จงขุยจับผี

    “เจ้า…เจ้าเด็กน้อย…นี่เจ้าจะฆ่าเหยียให้ตายหรืออย่างไร?”

    ชิงหูที่วิ่งเข้าห้องน้ำสิบกว่ารอบทิ้งตัวลงภายในห้องของหลินเมิ้งหยา

    ใบหน้าแย้มยิ้ม ทว่าในใจกลับสงบนิ่ง สายตาจ้องมองเด็กหนุ่มบนเตียง หลินเมิ้งหยาไม่แม้แต่จะรู้สึกเห็นใจ

    “ใครใช้ให้เจ้าดื่มมันกันเล่า เอาล่ะ เจ้าอยู่ที่นี่นิ่งๆ แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องให้ต้องทำ”

    สาวใช้ที่อยู่ในสวนต่างถูกหลินเมิ้งหยาไล่ออกไปหมดแล้ว

    ป๋ายซ่าวและป๋ายจีเองก็มีงานให้ทำ ดังนั้นหลังจากที่หลินเมิ้งหยากลับออกไปแล้ว ตำหนักแห่งนี้จึงเหลือเพียงชิงหู ป๋ายจื่อและหลินจงอวี้

    “พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด เหยียอยากนอนพักสักประเดี๋ยว”

    ชิงหูที่เกือบตายอยู่รอมร่อไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น เขาไล่ป๋ายจื่อและหลินจงอวี้ออกไป ก่อนจะนอนหลับอุตุอยู่ภายในห้องของหลินเมิ้งหยา

    หลินจงอวี้ไม่ชอบเด็กที่จะว่าหญิงก็ไม่ใช่ จะว่าชายก็ไม่เชิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก แต่เพราะพี่สาวสั่งเอาไว้ว่าห้ามเข้าไปยุ่งกับเด็กหนุ่มคนนี้เด็ดขาด

    นางเดินออกจากสวนหลิวซินแล้วตรงไปยังสวนฉินหวู่ของลงเทียนอวี้

    พ่อบ้านเติ้งเก็บกวาดห้องเล็กจนสะอาดเอี่ยมอ่องคอยอยู่นานแล้ว อีกทั้งยังเลือกทหารองครักษ์ที่เก่งที่สุดสิบกว่าคนคอยเฝ้า

    เปลี่ยนเสื้อผ้าและรอคอยคนที่ตนเองส่งให้ไปทำงาน

    “พระชายา ข้าน้อยได้ทำการคัดเลือกลูกน้องที่สนิทชิดเชื้อที่สุดภายในจวนตามคำสั่งของพระชายาแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องภายในพ่ะย่ะค่ะ”

    “ขอบคุณมาก ลำบากพวกท่านแล้ว นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งรุ่งสางวันพรุ่งนี้ ข้าหวังเหลือเกินว่าทุกคนจะประคองสติให้ดี”

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้ม ดวงตาเปล่งประกาย

    ทหารองครักษ์สิบกว่าคนจ้องมองพระชายาตรงหน้าด้วยความเคารพ

    “พ่ะย่ะค่ะพระชายา!”

    ตั้งใจกดเสียงให้เบาลง ครู่ต่อมา ทหารองครักษ์สิบกว่าคนอันตรธานหายเข้ากลีบเมฆ

    หลินเมิ้งหยาพาป๋ายซ่าวและป๋ายจื่อเขาไปคุยความลับบางอย่างในห้องเล็ก

    “นายหญิง สุดท้ายเป็นไปตามที่ท่านคาด นับตั้งแต่วันที่คนคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เส้นผมที่หนู่ปี้หนีบเอาไว้ในหนังสือของท่านก็หายไป”

    ป๋ายจีเป็นคนละเอียดรอบคอบ เรื่องเหล่านี้มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสมที่สุด

    อันที่จริงหลินเมิ้งหยาสั่งป๋ายจีนานแล้วว่า หลังจากที่นางออกจากห้องให้นำเส้นผมหนึ่งเส้นสอดเข้าไปในหนังสือหน้าสิบที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ

    หลังจากที่นางกลับมา ป๋ายจีจึงลอบเข้าไปตรวจสอบเส้นผมเหล่านั้นอย่างละเอียด

    ทั้งสองเพิ่งพบว่าทุกครั้งที่ชิงหูปรากฏตัว เส้นผมเหล่านั้นมักจะหายไป

    วันนี้เองก็เช่นเดียวกัน

    “ข้าเดาเอาไว้อยู่แล้ว คนแบบเขาเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง มีหรือที่จะยอมเข้ามาปกปักดูแลข้าเพียงเพราะยาถอนพิษเท่านั้น”

    การร่วมมือกับชิงหู ไม่ได้ต่างอะไรจากการขี่หลังเสือเพื่อฆ่าหมาป่า

    หากเผลอไผลไปแม้แต่เพียงนิดเดียว ตนเองอาจถูกจับกินก็เป็นได้

    ตอนนี้นางยังไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของชิงหู ทว่าที่เขาขลุกอยู่ในห้องของตนเองแล้วหานู่นหานี่เช่นนี้ ตกลงแล้วเขาหาอะไรอยู่กันแน่?

    “นายหญิง เสื้อผ้าตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ให้หนู่ปี้กับป๋ายจีเปลี่ยนให้ท่านเลยหรือไม่?”

    ป๋ายซ่าวเปลี่ยนเป็นชุดสีดำถมึงทึงพอดีตัว ในมือถือชุดสีแดงจัด ใบหน้าเรียวเล็กสวยงามรูปไข่เผยให้เห็นความหวังเล็กน้อย

    “โอ้โหยว เจ้าไปยืมชุดนี้มาจากที่ใดกัน? อย่าบอกนะว่า…เป็นแบบนั้น”

    หลินเมิ้งหยาพลิกชุดสีแดงที่อยู่ในมือของป๋ายซ่าว สีของชุดงดงามตระการตา ทว่าลวดลายกลับเรียบง่าย

    แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อผ้ากลับดีมาก แน่นอนว่าจะต้องใช้ได้ดีในเวลายามค่ำคืน

    “ชุดนี้หรือเจ้าคะ หนู่ปี้ยืมมาจากเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน นางเป็นนักออกแบบท่าเต้นในคณะละคร ชุดนี้เป็นชุดทำการแสดงเจ้าค่ะ”

    ป๋ายซ่าวอธิบายให้หลินเมิ้งหยาฟัง นางเป็นคนกล้าหาญ ทันทีที่คิดได้ว่าคืนนี้ต้องแกล้งทำตัวเป็นผีกับนายหญิง นางรู้สึกสนใจอย่างบอกไม่ถูก

    “อืม ข้าขอลองหน่อย อยากรู้จริงเชียวว่าจะเหมือนผีสาวในชุดแดงหรือไม่”

    การหลอกคนให้ตกใจเป็นประสบการณ์ใหม่ของหลินเมิ้งหยา

    แรงบันดาลใจในคราวนี้ได้มาจากเสียงผีในโรงน้ำชา ศพของผอจื่อถูกโยนลงไปในบ่อน้ำ คาดว่าคงเพื่อปกปิดและทำลายหลักฐาน

    อันที่จริงการเคลื่อนย้ายศพของผอจื่อออกไปเป็นเรื่องอันตรายยิ่งกว่า แต่เพราะการตรวจตราเข้าออกที่เข้มงวด หากไม่ระวังก็อาจถูกพบได้

    หากนางเปิดเผยว่าพบร่องรอยบางอย่างบนร่างของผอจื่อ ฆาตกรจะต้องกลายเป็นสุนัขจนตรอกอย่างแน่นอน

    แต่หากคิดจะจับผู้อยู่เบื้องหลัง นางจะต้องวางแผนซ้อนแผน

    “หลังจากที่ข้ากลับมาตอนบ่าย ข้าสั่งให้พวกเจ้าออกไปเดินเล่นและปล่อยข่าว พวกเจ้าแพร่ข่าวลือว่าอย่างไรบ้าง?”

    ตอนที่ชิงหูกำลังเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสีย หลินเมิ้งหยาสั่งให้ป๋ายซ่าวและป๋ายจีออกไปแพร่งพรายข้อความบางอย่างในจวน

    ข้อความที่ถูกแพร่สะพัดออกไปไม่มีอะไรมาก เพียงแค่เอ่ยว่าหลินขุยพาคนไปยังโรงน้ำชาผีดุ ส่วนเหตุผลคืออะไรนั้นกลับไม่ได้พูดออกมา

    โรงน้ำชาที่ถูกสร้างด้วยทองกลายเป็นขุมทรัพย์ของจวนอวี้ แต่นางเชื่อว่าผู้อยู่เบื้องหลังไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจไยดีเด็ดขาด

    ซื้อโรงน้ำชาผุพังและโรงน้ำแข็งที่ถูกทิ้งร้าง แม้แต่ภูตผีปีศาจยังไม่เชื่อเลยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย

    ทว่าตอนนี้นางยังคงไม่อาจปักเชื่อได้ทั้งหมดว่าผู้ดูแลคือฆาตกรที่ฆ่าผอจื่อ แต่การที่ทำอะไรได้อย่างราบรื่นเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฆาตกรคนนั้นเป็นคนละเอียดรอบคอบอย่างมาก

    คนแบบนี้มักจะขี้สงสัย อีกทั้งการแฝงตัวอยู่ในจวนแห่งนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

    ดังนั้น ฆาตกรผู้นั้นไม่มีทางปล่อยให้ศพเพียงศพเดียวขวางหนทางสู่ความสำเร็จของตนเองเป็นแน่

    คืนนี้นางจึงเตรียมแผนการจงขุยปราบผี!

    ไม่ว่าจะในจวน ในสวน ทุกที่ล้วนถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว

    สีของท้องฟ้าเริ่มมืดลง ภายในห้องเริ่มมีแสงเทียนส่องสว่าง

    หลินเมิ้งหยาเปลี่ยนเป็นชุดสีแดงเรียบร้อยแล้ว ผมสีดำยาวถูกปล่อยลงมา

    ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยแป้งดอกมะลิ เพียงได้มองก็รู้สึกถึงความประหลาด

    “นายหญิง นายน้อยอวี้ส่งข่าวมาว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องจึงแอบกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”

    ป๋ายจีแอบเดินออกมาจากสวนหลิวซิน ก่อนจะนำข่าวจากหลินจงอวี้มาบอกพระชายา

    ดูเหมือนจะเป็นไปตามความคาดเดาของนาง ที่ชิงหูมาอยู่ข้างกายของนางก็เพราะต้องการมาดักฟัง

    แต่เพราะนางระมัดระวังตัว ดังนั้นเรื่องสำคัญบางเรื่องจึงบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังใช้สัญลักษณ์ที่ตนเองเข้าใจ

    ชิงหูไม่ต่างอะไรจากคนโง่เขลาที่คิดจะขโมยข้อมูลจากนาง

    “อืม ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าจงกลับไปปิดประตูสวนแล้วเข้านอนกับป๋ายจื่อและเสี่ยวอวี้เถอะ”

    หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ป๋ายจีจึงจากไป

    อึดใจต่อมา ร่างของหลินขุยปรากฏขึ้นภายในเรือนเล็กของหลินเมิ้งหยา

    “พระชายา…เฮือก…ท่าน?”

    ภายใต้แสงเทียน พระชายาสวมใส่ชุดสีแดงฉาน ใบหน้าขาวโพลน ใครได้เห็นมิวายต้องตกใจ

    แม้แต่หลินขุยผู้กล้าหาญยังอดไม่ได้ที่จะตื่นกลัว

    “นี่คือวิธีหนึ่งในการจับผีของข้า เอาล่ะ สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร?”

    ทำใจให้สงบ หลินขุยเพิ่งกลับมาจากโรงน้ำชา

    “ปรากฏตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนงานที่ข้าน้อยพาไปสิบกว่าคนล้วนสลบไสลหลังจากผ่านประตูไป ตอนนี้คนเหล่านั้นต่างพากันพูดว่าเป็นเพราะฤทธิ์เดชของภูตผี จนไม่มีใครกล้าเข้าไปในนั้นอีก ส่วนผู้ดูแลคนนั้น หลังจากที่ฟ้ามือ ข้าน้อยส่งคนไปจับตามอง พบว่าเขาเข้านอนไปแล้วและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวพ่ะย่ะค่ะ”

    “นอนแล้ว?” มุมปากของหลินเมิ้งหยาพยักยกขึ้น “เกรงว่าคนของเจ้าจะถูกเห็นเข้าแล้วมากกว่า มิเช่นนั้นเจ้าลองส่งคนเข้าไปดูเถิด รับรองว่าผู้ดูแลคนนั้นจะต้องไม่อยู่ในเรือนอย่างแน่นอน”

    ที่แท้ก็ติดเบ็ดแล้ว!

    หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ ความโลภคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมี

    ไม่ว่าคนคนนั้นจะฉลาดสักเพียงไหน แต่เมื่อถูกความโลภเข้าครอบงำ สุดท้ายแล้วพวกเขาล้วนมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งสิ้น

    ดูท่าหนอนบ่อนไส้คนนี้จะแฝงตัวอยู่ในจวนนานแล้ว

    ตอนนี้ถึงเวลาลากตัวเขาออกมาสู่ที่แจ้งเสียที!

    “พวกเราไป!”

    ท้องฟ้ามืดมิด หลงเทียนอวี้ที่สวมใส่ชุดสีดำยืนอยู่ภายในสวนด้านหน้าห้องหนังสือ ดวงตาเหม่อลอย

    “ท่านอ๋อง พระชายาออกเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่วิธีนี้จะได้ผลแน่หรือ? พระชายาจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?”

    พ่อบ้านเติ้งยืนอยู่ทางด้านหลังของเขาด้วยท่าทางเคารพนับถือ อันที่จริงหลังจากผ่านประสบการณ์ทะเลเพลิงมาแล้ว พ่อบ้านเติ้งมิได้รู้สึกเมินเฉยต่อพระชายาเหมือนก่อน

    บางทีอาจเพราะพวกเขาเคยผ่านประสบการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกัน

    ดังนั้นไม่ว่าหลินเมิ้งหยาต้องการสิ่งใด พ่อบ้านเติ้งพร้อมที่จะปฏิบัติตามทุกอย่าง

    หลงเทียนอวี้เองก็ยอมรับได้กับความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

    “ไม่หรอก เย่จะคอยคุ้มครองดูแลนาง หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือช่วยชีวิตของนาง”

    หลินเมิ้งหยาเป็นคนมีพรสวรรค์ ส่วนเขาเป็นพวกเสียดายคนมีพรสวรรค์ ดังนั้นเขาไม่มีวันยอมปล่อยให้ใครเข้ามาช่วงชิงชีวิตของนางไป!

    “ท่านอ๋องจะไม่ไปดูหรือพ่ะย่ะค่ะ? บนโลกใบนี้มีการหลอกลวงเรื่องผีมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าน้อยจะได้เห็นการจับผีพ่ะย่ะค่ะ”

    หลงเทียนอวี้ส่ายหน้า หมุนตัวแล้วกลับเข้าห้องอ่านหนังสือ

    นางคิดจะทำอะไรก็ปล่อยให้นางได้ทำ ขอเพียงจับตัวหนอนบ่อนไส้มาให้ได้ก็เพียงพอ

    ส่วนเรื่องอื่น…เขาไม่สนใจ

    ณ โรงน้ำชาที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายใต้ท้องฟ้าอันแสนมืดมิดปรากฏความเงียบเชียบผิดปกติ

    คนงานสิบกว่าคนเป็นลมสลบอยู่บนพื้นภายในสวน

    มีบางส่วนที่ได้สติแล้วและกำลังดูแลคนเหล่านั้น

    โคมไฟสีแดงหนึ่งดวง สองดวงพลันปรากฏขึ้น

    คนที่ได้สติรีบยกมือขึ้นขยี้ตา ก่อนจะร้อง “แม่โว้ย” ออกมา แล้วรีบเข้าไปซ่อนตัวภายในสวน “ปัง” เสียงปิดประตูดังขึ้น

    “นี่มันอะไรกัน?”

    คนอื่นๆ ต่างพากันมองเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความสงสัย แต่พวกเขากลับได้เห็นใบหน้าขาวซีดและนิ้วที่กำลังชี้ไปทางด้านนอกประตูของเด็กหนุ่ม

    “ผี! มีผี!”

    คนอื่นๆ หวาดกลัวเป็นอย่างมาก เหตุเพราะพวกเขาต้องหยิบอุปกรณ์ ดังนั้นจึงยังไม่ได้เข้าไปภายในโรงน้ำชา

    แต่ใครจะรู้เล่าว่าเพียงเข้าไปได้ไม่นาน องครักษ์หลินจะร้องบอกให้พวกเขาไปแบกคนออกมา

    ตอนนี้ชายร่างกำยำสิบกว่าคนยังสลบไสลไม่ได้สติ อีกทั้งยังมีผีปรากฏออกมาอีกหรือ?

    “ผีที่ไหนกัน? พวกผีอยู่ในโรงน้ำชามิใช่หรือ? เอาล่ะ เจ้าอย่าได้ทำให้คนอื่นตื่นตระหนก หากมีผีจริง ข้าว่ามันคงมาจับตัวเจ้าเป็นคนแรก”

    คนเหล่านั้นนั่งอยู่ด้วยกันเพื่อรอคำสั่งขององครักษ์หลิน

    แม้จะหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มผู้กล้า นอกจากคนกลุ่มนั้นที่กำลังนั่งอยู่ตรงมุมแล้ว เด็กหนุ่มยังคงพูดพร่ำเพ้อว่ามีผีไม่หยุดปาก คนกลุ่มนั้นจึงเริ่มล้อเขาเล่น

    “ปัง ปัง ปัง” เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง พวกเขาคิดว่าเป็นองครักษ์หลินที่เดินทางกลับมาแล้ว

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เปิดประตูแล้ว พวกเขาจะได้พบเพียงความมืดมิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ชีวิตแรกของ “ซูซิงเกอ” จบลงในห้องทดลองที่เธอรัก.. เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ซูซิงเกอจึงได้ชีวิตใหม่ในร่างของ “หลินเมิ้งหยา”คุณหนูสมองพิการ ที่มีผู้ปองร้ายเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของตนเอง! มิหนำซ้ำนางกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับ “หลงเทียนอวี้” ท่านอ๋องแสนเย็นชา ที่ต้องแต่งงานทางการเมืองกับนาง โดยที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ ช่างเป็นการเกิดใหม่ ที่แสนวิเศษจริงๆ! เอาละ! จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามลิขิตอย่างหลินเมิ้งหยาเสียเมื่อไหร่ เพราะนางคือ..วายร้ายจอมแก้แค้นซูซิงเกอ นางจะใช้ความรู้สารพัดพิษที่มี จัดการพวกมันเอง เริ่มจากยัยน้องสาวตัวดีก่อนละกัน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset