ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ – เล่มที่ 3 บทที่ 81 กระโดดข้ามกำแพงเพื่อดอมดม

 “ท่านอ๋อง เกรงว่าพระชายาจะทรงบรรทมแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นท่านกลับไปพักที่ตำหนักฉินหวู่ดีหรือไม่”

 พ่อบ้านเติ้งกลืนน้ำลายลงคอ อาศัยแสงไฟริบหรี่ชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างของท่านอ๋อง

 หรี่ตาเล็กลง ใบหน้ามิได้แสดงความไม่พึงพอใจใดๆ แต่ก็มิได้มีท่าทีต้องการจะจากไปเช่นกัน

 วันนี้แปลกมากจริงๆ เหตุใดทั้งสองจึงมีท่าทางผิดปกติเช่นนี้?

 “ท่านอ๋อง พระชายาทรงบรรทมแล้วเพคะ พระชายาเอ่ยว่าคืนนี้ลมเย็นยิ่งนัก เชิญท่านกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักตนเองเถิดเพคะ”

 ในที่สุดเสียงท่าทางลังเลของผอจื่อคนหนึ่งพลันดังขึ้นจากภายใน บางทีอาจเพราะนางรวบรวมความกล้ามาพูด

 พ่อบ้านเติ้งมิได้ส่งเสียงต่อต้าน ดวงตาคมกริบพลันหันไปมองท่านอ๋องของตนเองเพื่อขอความคิดเห็น

 “ท่าน…” เอ่ยได้เพียงคำเดียว ร่างของท่านอ๋องพลันหายไป

 หันรีหันขวาง เหลือบมองทางประตูที่กำลังปิดสนิทอีกครั้ง ครุ่นคิดไตร่ตรอง…เขาไม่จำเป็นต้องตามเข้าไป

 เฮ้อ ท่านอ๋องและพระชายาล้วนเป็นคนแปลกยิ่งนัก มีประตูบานใหญ่แต่กลับปิดสนิท สุดท้ายต้องกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป

 เพียงแตะเท้าเบาๆ ร่างกายพลันหยุดอยู่บนหลังคาตำหนักหลิวซิน

 ภายในมืดสนิท ไร้ซึ่งแสงไฟ

 ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ หัวใจของหลงเทียนอวี้พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์

 เพราะฤทธิ์ของเหล้าทำให้เขารู้สึกเมาเล็กน้อย

 สาวเท้าเข้าไปยังหน้าประตูห้องหลักของตำหนัก ยื่นมือผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของหลินเมิ้งหยาโดยไม่คิด

 หลินเมิ้งหยาที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นตั้งแต่ตอนที่ประตูถูกเปิดออก

 ชิงหูไม่ได้ปรากฏตัวออกมา แสดงว่ามิใช่คนนอก

 กลิ่นเหล้าจางๆ ปนเปื้อนในอากาศ หลินเมิ้งหยาพลันแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ

 หลงเทียนอวี้ตัวดี พอดื่มเหล้าเข้าหน่อยเลยคิดจะทำตัวโรคจิตกระนั้นหรือ?

 ฮึ ฝันไปเถอะ!

 นับตั้งแต่วันอภิเษกสมรส น้อยครั้งนักที่หลงเทียนอวี้จะเข้ามายังห้องนี้

 บรรยากาศยังคงเหมือนอย่างวันนั้น ทว่ากลับมีกลิ่นหอมของกายเนื้อของหญิงสาวอ่อนๆ

 ไม่เหมือนกลิ่นเครื่องหอมของเขา อีกทั้งยังมิใช่กลิ่นของเครื่องประทินผิว อันที่จริงไม่เหมือนกลิ่นหอมจากเครื่องหอมใดๆ เลย

 ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นกลิ่นกายของหลินเมิ้งหยา

 ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวพลันคลายลง

 “เหตุใดท่านอ๋องผู้สง่างามจึงมิรีบไปมีความสุขกับสาวสวยที่เพิ่งพามาล่ะเพคะ?”

 เสียงเย็นชาดังขึ้น

 หลงเทียนอวี้ชะงัก ยืมแสงสว่างจากแสงจันทร์จ้องมองหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

 “ข้า…แค่…”

 อยู่ๆ ก็พูดไม่ออก หลงเทียนอวี้เองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองต้องกระโดดกำแพงมายังที่นี่

 “หากไม่มีเรื่องอันใด เชิญท่านอ๋องเสด็จกลับตำหนักเถิดเพคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว หม่อมฉันอยากพักผ่อน”

 หลินเมิ้งหยาออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า น้ำเสียงเย็นชาดุจน้ำแข็ง ราวกับว่านางมิเคยรู้สึกอันใดเลยแม้แต่น้อย

 ทว่าประโยคนี้กลับทำให้ความรู้สึกของหลงเทียนอวี้เปลี่ยนไป

 “เจ้าเป็นชายาของข้า การที่ข้ามาพักผ่อนที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?”

 อยู่ๆ น้ำเสียงเผยให้เห็นร่องรอยของความขุ่นเคือง

 ขณะที่พูด ขาขยับเข้าใกล้เตียงของหลินเมิ้งหยา

 ทั้งสองอยู่ในมุมที่ไม่มีทางให้หลบหลีก

 “ท่านอ๋องต้องการเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”

 หลินเมิ้งหยายกแขนทั้งสองขึ้นกอดอก พลางจ้องมองร่างกำยำตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา

 “ถ้าใช่แล้วอย่างไร? ถ้าไม่ใช่แล้วอย่างไร?”

 วันนี้หลงเทียนอวี้หาใช่ท่านอ๋องผู้เย็นชา ราวกับว่าเหล้าขวดนั้นดึงเอาสัญชาตญาณของเขาออกมา

 “หากว่าใช่ เช่นนั้นท่านก็ขึ้นมานอนด้วยกันเถิดเพคะ”

 สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ยอมโอนอ่อนแล้ว!

 “เจ้า…ไม่โกรธหรือ?”

 หลงเทียนอวี้ลองเอ่ยถาม ต่อให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหลินเมิ้งหยาจะพูดว่าได้

 “โกรธแล้วมีประโยชน์อันใด ท่านเป็นองค์ชาย ท่านว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน”

 ประโยคนี้เสมือนไม่แยแสต่อสิ่งใด หลงเทียนอวี้จะนอนก็ได้ ไม่นอนก็แล้วแต่

 แหวกผ้าม่านบังตาออก ภายในคือหลินเมิ้งหยาที่สวมใส่ชุดขาวและกำลังหลับตาอยู่

 แม้จะนอนนิ่ง แต่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าหลินเมิ้งหยาในเวลานี้กำลังโกรธเกรี้ยว

 “ข้าดื่มเหล้ามา”

 ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสียงแผ่วเบาของหลงเทียนอวี้พลันดังขึ้น

 หลินเมิ้งหยารู้สึกได้ว่าเขานั่งลงข้างกายตนเอง ทว่านางไม่ยอมเปิดตาหรือส่งเสียงตอบโต้

 “หงอวี้คนนั้นคือสตรีที่ฮ่องเต้หมิงพระราชทานให้”

 ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลงเทียนอวี้จึงเป็นฝ่ายอธิบายกับหลินเมิ้งหยา

 บางทีอาจเพราะเป็นกฎระเบียบ หากท่านอ๋องต้องการรับชายาเพิ่ม จำเป็นต้องรายงานแก่พระชายา

 “ฮ่องเต้หมิงมอบให้ท่านหรือไม่หาใช่กงการอะไรของหม่อมฉัน ขอเพียงท่านอ๋องชอบ ท่านอยากจะแต่งงานกับหญิงสาวอีกสิบคนก็ยังได้”

 ทันทีที่เอ่ยจบ หลินเมิ้งหยากลับรู้สึกว่าเหตุใดนางจึงทำตัวประหนึ่งภรรยาที่กำลังหึงสามีเช่นนี้?

 พลันนึกเสียใจขึ้นมา จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร หลงเทียนอวี้เป็นเพียงเจ้านายของนางเท่านั้น!

 “ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเมียอีกสิบคน ข้าจะแต่งก็แต่เพียงชายาองค์เดียวเท่านั้น!”

 หลงเทียนอวี้รู้สึกโกรธเล็กน้อย อย่าว่าแต่เขาที่เป็นองค์ชายเลย แม้แต่ฮ่องเต้ก็แต่งงานได้กับฮองเฮาเพียงคนเดียวเท่านั้น

 พูดจบ ก็สาวเท้ายาวๆ เดินจากไป

 หลินเมิ้งหยาลืมตามองห้องที่ว่างเปล่า

 ใช่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วหลงเทียนอวี้ก็จะต้องมีผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่ดี

 อีกทั้งยังหาใช่สตรีมือเปื้อนเลือดเช่นนาง

 อันที่จริงนางเองก็เตรียมตัวหาทางหนีไปจากที่นี่อยู่ตลอดเวลา…มิใช่หรือ?

 ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องทุกข์ทนอยู่ที่นี่กันเล่า

 ออกจากตำหนักหลิวซินของหลินเมิ้งหยา ทว่าหลงเทียนอวี้กลับหยุดนั่งลงที่ศาลาเล็กในสวนดอกไม้

 สายลมพัดเอากลิ่นเหล้าจางหายไป อุณหภูมิในร่างกายเริ่มเย็นลง

 เขา…มาที่นี่ทำไม?

 หลงเทียนอวี้ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองเป็นอะไรไป

 เขามีหลินเมิ้งหยาเป็นชายาอยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงคนที่ถูกยัดเยียดมาให้เท่านั้น

 ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นคนจากเผ่าอื่น หัวใจของนางย่อมแตกต่างออกไป

 เขาไม่มีทางปล่อยให้คนที่ยังรู้สึกคลางแคลงใจมาร่วมเตียงเคียงหมอนกับตนเองอย่างแน่นอน

 ชายา…สำหรับเขาเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น

 หลินเมิ้งหยามิใช่คนยุ่งยากวุ่นวาย อีกทั้งยังฉลาด นางเป็นผู้ช่วยคนหนึ่งของตนเอง

 แม้จะยังมีความลับปิดบัง แม้เขาจะยังไม่เข้าใจในตัวนางได้ทั้งหมด แต่นางเหมาะสมที่จะเป็นชายาของเขา

 นอกจากชายาเอกแล้ว เขาไม่มีทาง “แต่ง” กับหญิงอื่น

 หรือหลินเมิ้งหยาจะไม่รู้จักกฎระเบียบข้อนี้กัน?

 ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงมิได้พูดปรับความเข้าใจกัน

 หลินเมิ้งหยาเข้าใจความคิดของหลงเทียนอวี้ผิดไป ส่วนหลงเทียนอวี้ก็ไม่คิดเข้าไปอธิบาย

 เช้าวันถัดมา ทุกคนในจวนต่างรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกดดันภายในตำหนักหลิวซิน

 แม้หลินเมิ้งหยาจะยังทำตัวตามปกติและส่งยิ้มให้กับคนสนิทเล็กน้อย ทว่าคนรับใช้คนอื่นๆ กลับไม่กล้าโผล่หน้าออกมาหาพระชายาเลยแม้แต่น้อย

 “พี่ป๋ายจี นี่คือน้ำล้างหน้าของพระชายา พี่ยกเข้าไปแทนข้าได้หรือไม่?”

 สาวใช้ภายในจวนเหลือบมองทางป๋ายจี สีหน้าแววตาล้วนขอความเมตตา

 “เจ้ายกไปเองก็ได้นี่? พระชายาไม่กินเจ้าหรอก”

 ป๋ายจีไม่เข้าใจ ปกติหลังจากที่สาวใช้เหล่านี้ตระเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางและป๋ายจื่อจึงเข้าไปรับใช้พระชายา

 เหตุใดวันนี้ทุกคนล้วนพากันหยุดยืนแต่เพียงหน้าประตู

 “เอาล่ะ วันนี้ข้ากับป๋ายจีจะรับใช้พระชายาเอง พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด”

 ป๋ายซ่าวที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินผ่านประตูเข้ามา ก่อนจะรับอ่างน้ำไป

 “วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดทุกคนพากันขี้เกียจไปหมด? ป๋ายซ่าว เจ้าทำแทนพวกนางทุกอย่าง หากพระชายารู้เรื่องนี้จะมิเอาผิดจากเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

 แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ป๋ายจีก็ยกสิ่งของที่หลินเมิ้งหยาจำเป็นต้องใช้ตามป๋ายซ่าวเข้าไปในห้องหลัก

 “พี่สาวที่แสนดีของข้า ท่านไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่? เมื่อคืนท่านอ๋องพาผู้หญิงกลับมา หากดูจากอารมณ์ของพระชายา ถ้าไม่โกรธเกรี้ยวสิแปลก! สาวใช้พวกนั้นรับมือกับอารมณ์ของพระชายาไม่ไหวหรอก รังแต่จะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ”

 ป๋ายซ่าวอธิบาย ป๋ายจีที่รู้สึกตัวช้าคิดตามจนเข้าใจในที่สุด

 “แต่การที่ท่านอ๋องจะพาหญิงสาวกลับมาก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? พระชายามิมีทางใจแคบเช่นนั้นหรอกกระมัง?”

 บรรดาเจ้าขุนมูลนายสกุลใหญ่ล้วนมีภรรยาอนุสามถึงสี่คน แม้แต่คนร่ำรวยเองก็มีเป็นโขยง

 แล้วพระชายาจะไม่อนุญาตเรื่องนี้ได้อย่างไร?

 ทว่าป๋ายซ่าวกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของป๋ายจี ผู้ชายมีภรรยาเพียงคนเดียวก็นับว่าเพียงพอแล้ว

 ยิ่งไปกว่านั้นพระชายาทั้งงดงามและมีความสามารถ เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่รู้จักพอกันนะ

 คุณหนูเจียงเอะอะโวยวายสร้างเรื่องไม่เว้นวัน

 คุณหนูรองเองแม้จะไม่แสดงออก แต่นางรู้ว่านางจะต้องคิดไม่ซื่อกับท่านอ๋องอย่างแน่นอน

 ทว่าคนเหล่านี้ล้วนเทียบไม่ได้กับพระชายา ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง ไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ เข้าไปพยุงร่างหลินเมิ้งหยาลุกขึ้นจากเตียง

 ไร้ซึ่งความเย็นชา ไร้ซึ่งความโกรธเกรี้ยว หลินเมิ้งหยาในวันนี้ยังคงเหมือนเดิม

 ขณะเดียวกันสาวใช้ทั้งสองเริ่มสงสัยว่า พระชายาของตนเองอาจจะมิได้มองหญิงสาวจากซีฟานอยู่ในสายตา

 ทว่าเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า หลินเมิ้งหยากลับขมวดคิ้วแล้วคีบแตงกวาดองไปไว้อีกฝั่ง

 “เหตุใดวันนี้แตงกวาดองจึงเปรี้ยวนัก?”

 ทันทีที่คำพูดของหลินเมิ้งหยาหลุดออกจากปาก ป๋ายซ่าวและป๋ายจีสบตากัน

 ดูเหมือนพระชายาจะไม่ไร้ความรู้สึกไปเลยเสียทีเดียว หรือว่า…จะหึงกันนะ?

 “นายหญิง หากเปรี้ยวเกินไปก็อย่ากินเลยเจ้าค่ะ”

 ป๋ายจีก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หยิบชามแตงกวาดองกลับเข้าไปในกล่อง คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน ตะเกียบยกขึ้นคีบเห็ดเข็มทองผัดกับแตงกวา

 “เหตุใดอาหารชามนี้ก็เปรี้ยว? เกิดอะไรขึ้นกับโรงครัว น้ำส้มสายชูไม่ต้องใช้เงินซื้ออย่างนั้นหรือ?”

 หลินเมิ้งหยากระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะ นางเกลียดอาหารรสชาติเปรี้ยวเป็นที่สุด

 อาหารพวกนี้ล้วนมีรสเปรี้ยว แล้วแบบนี้นางจะกินอย่างไร?

 “นายหญิงกินโจ๊กเถิดเจ้าค่ะ โจ๊กมีรสหวาน”

 ป๋ายซ่าวรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าแล้วเก็บอาหารรสเปรี้ยวกลับเข้าไป

 หลินเมิ้งหยาไม่มีอารมณ์จะกินอีกต่อไป หยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊ก

 “เอ๋? เหตุใดแม้แต่โจ๊กก็เปรี้ยวกันเล่า ดูเหมือนโรงครัวจะไม่ตั้งใจทำงานเลยแม้แต่น้อย ป๋ายซ่าว เจ้าจงไปจัดการพวกเขาให้กับข้า!”

 หลินเมิ้งหยาโมโหแล้วกระแทกชามโจ๊กรสเปรี้ยวลงบนโต๊ะ

 “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ หนู่ปี้จะไปจัดการแน่นอนเจ้าค่ะ พระชายาอย่าได้ทรงกริ้วไปเลย”

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ชีวิตแรกของ “ซูซิงเกอ” จบลงในห้องทดลองที่เธอรัก.. เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ซูซิงเกอจึงได้ชีวิตใหม่ในร่างของ “หลินเมิ้งหยา”คุณหนูสมองพิการ ที่มีผู้ปองร้ายเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของตนเอง! มิหนำซ้ำนางกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับ “หลงเทียนอวี้” ท่านอ๋องแสนเย็นชา ที่ต้องแต่งงานทางการเมืองกับนาง โดยที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ ช่างเป็นการเกิดใหม่ ที่แสนวิเศษจริงๆ! เอาละ! จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามลิขิตอย่างหลินเมิ้งหยาเสียเมื่อไหร่ เพราะนางคือ..วายร้ายจอมแก้แค้นซูซิงเกอ นางจะใช้ความรู้สารพัดพิษที่มี จัดการพวกมันเอง เริ่มจากยัยน้องสาวตัวดีก่อนละกัน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset