“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการตามคำสั่ง”
พ่อบ้านเติ้งพยักหน้าลง เมื่อรู้ว่าท่านหญิงหลินหลางจะมาเมืองหลวง อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย แม้แต่เขาเองก็ดีใจมากเหลือเกิน
“เจ้าลองไปตรวจสอบดูว่าในคลังของจวนมียาบำรุงร่างกายอะไรบ้าง จงเอาไปให้หลินหลางทั้งหมด ร่างกายของนางอ่อนแอ เมื่อได้รับบาดเจ็บ จำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกายให้ดี”
ผู้ดูแลคลังเล็กในเรือนคือหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้รู้จักความสามารถด้านยาของนางดี
ดังนั้นจึงมอบหมายหน้าที่จัดแจงยาของหลินหลางให้กับนาง
“พ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเติ้งถวายคำนับแล้วกลับออกไป หลงเทียนอวี้ที่กลับมายังห้องอ่านหนังสือของตนเอง หวนนึกถึงสัมผัสจากอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา
แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรู้เลยว่าการได้กอดใครสักคนจะทำให้รู้สึกเสมือนหัวใจถูกเติมเต็มเช่นนี้
ราวกับคนที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายได้ดื่มน้ำดับกระหาย
เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
มุมปากหยักยิ้มขึ้นไม่รู้ตัว แม้แต่เอกสารบนโต๊ะยังน่าอ่านมากขึ้นกว่าเดิม
ทว่าเพียงพริบตาเดียว ภาพหลินเมิ้งหยาโอบกอดชิงหูพลันปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
อ้อมกอดนั้น เขาควรได้รับเพียงคนเดียว
เขาหยิบขลุ่ยกระดูกชิ้นเล็กออกจากกระเป๋า ออกแรงเป่าเล็กน้อย ไม่นานร่างของเย่พลันปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“นายท่านมีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ?”
มองดูเย่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าของหลงเทียนอวี้เคร่งขรึมจนเขารู้สึกกดดัน
“ต่อจากนี้ไปห้ามมิให้ชิงหูใกล้ชิดพระชายาอีก หากพบเห็นการกระทำเกินกว่าเหตุ จงฆ่าโดยไม่ต้องปรานี”
คิ้วของเย่ขมวดเข้าหากันแน่น เขา…ฟังผิดไปหรือไม่?
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
หลงเทียนอวี้จึงพยักหน้าลงอย่างพึงพอใจแล้วโบกมือ
“เจ้าออกไปก่อนเถิด จำเอาไว้ ห้ามมิให้มือของชิงหูสัมผัสแม้แต่ชายเสื้อของพระชายา มิเช่นนั้น เจ้าจงตัดแขนทั้งสองข้างของเขาเสีย”
แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจของท่านอ๋อง ท่านอ๋องมิเคยรับสั่งเช่นนี้มาก่อน ดูท่า พระชายาพระองค์นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ภายในตำหนักหลิวซิน หลินเมิ้งหยากลับถึงห้องตนเอง ท่าทางเสมือนคนไร้จิตวิญญาณ
หลินหลาง หลินหลาง หลินหลาง ชื่อนี้วนเวียนอยู่ในหัวของนาง
ทั้งที่ย้ำกับตัวเองแล้วว่าอย่าได้อ่อนไหว
แต่เพราะเหตุใดจึงทำได้ยากถึงเพียงนี้
“นายหญิงเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวถือช่อดอกฉูจวี๋1เข้ามายืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยา กะพริบตาคู่สวยดั่งเปล่งประกายดั่งหยดน้ำ จ้องมองหลินเมิ้งหยาที่มีท่าทีเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
“ข้าไม่เป็นไร”
ตอบคำถามอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้แต่ตัวของหลินเมิ้งหยาเองยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอในน้ำเสียง
สาวใช้ทั้งสี่เข้ามายืนล้อมหลินเมิ้งหยา สายตากังวลจับจ้องมองทางนายหญิงของตนเอง
“เจ้าเด็กน้อย เหตุใดจึงมีท่าทางเหมือนมะเขือถูกทุบเช่นนี้เล่า? ไม่เหมือนกับเจ้าคนก่อนเลย”
ชิงหูที่ได้รับอ้อมกอดแห่งความรักจากหลินเมิ้งหยาส่งยิ้มร่าเริงให้กับนาง
ใบหน้าสดใสแช่มชื่นพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
“เจ้ายิ้มดีใจอะไรขนาดนั้น ฮึ”
นางยื่นมือเข้าไปหยิกแก้มของชิงหู ใบหน้าหล่อเหลาพลันบวมเปล่ง
มองดูใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเขา ก่อนจะขยับมือขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาดีขึ้นมาก
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าน้อยใจประหนึ่งลูกสะใภ้ถูกรังแกของชิงหู อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาดีขึ้นมาก
ทว่าสาวใช้ทั้งสี่กลับชะงักขณะมองทางด้านหลังของนาง
ด้านหลัง? มีอะไรหรือ?
นางหมุนตัว ตกใจทันทีเมื่อเห็นชายชุดดำสวมหน้ากาก
ขณะเดียวกัน เย่ถือดาบยาวยืนอยู่ด้านหลังนาง สายตาสับสน
“ไม่น่ามีอันตรายอะไรที่นี่นี่นา?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย กวาดสายตามองรอบๆ ล้วนเป็นใบหน้าของคนรู้จักมักคุ้น ไม่มีคนแปลกหน้านี่นา
“ท่านอ๋องรับสั่งว่าถ้าหากชิงหูแตะต้องแม้เพียงชายเสื้อของพระชายา ให้กระหม่อมตัดแขนทั้งสองข้างของเขาทิ้งพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าเหตุการณ์ในตอนนี้กลับกลายเป็นพระชายายื่นมือไปหยิกแก้มชิงหู
ถ้าอย่างนั้นเขาควรทำเช่นไร? ควรตัดหัวชิงหูหรือไม่?
เป็นครั้งแรกที่คนเย็นชาดุจน้ำแข็งอย่างเขารู้สึกสับสน ดึงดาบของตนเองออกมาแล้วพุ่งตัวเข้าหาชิงหู
“ข้าขอเตือนเจ้าก่อนเลยนะ เมื่อครู่ข้าออมมือให้ ดังนั้นจึงมิได้เอาชีวิตหมาน้อยน่าสงสารของเจ้า อย่าคิดว่าได้คืบแล้วจะเอาศอกเชียว!”
ชิงหูประกาศกร้าว เขายอมรับว่าเรื่องเมื่อครู่เขาทำไม่ถูกต้อง
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดเวลาเพียงชั่วพริบตา เจ้านี่ถึงพุ่งเข้ามาทำร้ายเขา?
ฝีมือการต่อสู้ของเย่ไม่ธรรมดา ท่วงท่ามั่นคง แม้ชิงหูเองก็มีฝีมือที่ไม่เลว แต่เขาไม่มีแม้แต่อาวุธ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกระโดดหลบซ้ายทีขวาที
“ไอ้หยา! ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ เมิ้งหยา รีบจัดการเจ้าหมาบ้านี่ที”
ชิงหูพยายามป้องกันตนเอง ทว่าเย่กลับไล่ตามโดยไร้ความปรานี ดังนั้นตำหนักหลิวซินจึงเกิดเสียงฟาดฟันดังสนั่นหวั่นไหว
“ไม่ต้องทำอะไรจริงหรือเจ้าคะนายหญิง? ข้ารู้สึกได้ว่าชายชุดดำผู้นั้นมีทักษะการต่อสู้ที่สูงมาก”
ป๋ายซูจ้องมองชิงหูที่แผดเสียงร้องโวยวายไม่หยุดด้วยความกังวล แม้…ท่าทางของพวกเขาจะน่าขำก็ตาม
แต่เพราะมีดคือของมีคม หากโดนเข้าคงบาดเจ็บไม่น้อย
“ไม่หรอก อันที่จริงฝีมือของชิงหูสูงกว่าชายชุดดำคนนั้นมาก เขาเพียงแค่กำลังล้อเล่นเท่านั้น แม้จะรบราฆ่าฟันกันสามวันสามคืน ขอเพียงไม่หมดแรง ก็ไม่มีอะไรใหญ่หลวงหรอก”
ฝีมือการต่อสู้ของป๋ายซูก็มิได้อ่อนด้อย แม้จะไม่อาจเทียบได้กับพวกโรคจิตสองคนนั้น แต่ถึงกระนั้นนางก็สามารถมองฝีมือของพวกเขาทั้งสองออก
หญิงสาวทั้งห้าหลบอยู่ที่มุมห้อง จิบชากินขนมขณะมองดูละครสนุกๆ ด้านนอก
“พี่สาว พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”
หลินจงอวี้ที่ทำการบ้านเสร็จแล้วเดินเข้ามาร่วมชมการแสดงตรงหน้าด้วยเช่นกัน
หลินเมิ้งหยาโบกมือเรียกเขาเข้ามา ทั้งหกคนนั่งอยู่ในห้องมองดูเหตุการณ์ด้านนอก
“นายน้อย” ป๋ายซูลุกขึ้น สายตาหวั่นเกรงจ้องมองทางหลินจงอวี้
ป๋ายซูอยู่กับหลินเมิ้งหยาจนรู้สึกคุ้นเคยแล้ว ดังนั้นจึงรู้ดีว่านางมิใช่คนมากพิธี ดังนั้นจึงอยู่กับนางอย่างสงบสุข
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจงอวี้ อดไม่ได้ที่จะแสดงความเคารพ
“ดูเจ้าเถิด หากมิมีเหตุอันใดก็อย่าได้เคร่งเครียดนักเลย ป๋ายซูตกใจกลัวหมดแล้ว”
หลินเมิ้งหยาพูดติดตลก นางไม่อยากให้เด็กน่ารักคนนี้กลายเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง
“ข้ามิได้ทำเช่นนั้นเสียหน่อย พี่สาวอย่ากล่าวหาข้าสิ”
เขาชักสีหน้ากลับ แสดงท่าทางน่าสงสาร
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่นางปรับเปลี่ยนอุปนิสัยไม่อ่อนโยนหรือดุดันจนเกินไป ชิงหูและหลินจงอวี้มักจะแสดงท่าทางน่าสงสารเสมอ
“ได้ ได้ ได้ เจ้ามิได้ทำสิ่งใดหรอก มานี่สิ มานั่งข้างพี่ พี่จะตรวจสอบการบ้านของเจ้า”
หลินจงอวี้ลุกขึ้นยืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยาอย่างว่าง่าย ท่าทางว่านอนสอนง่ายทำให้ป๋ายซูตกตะลึง
“พี่ป๋ายจี นายน้อยเขา…ไม่สิ นายน้อยอวี้มักจะเชื่อฟังพี่สาวเสมอเลยหรือ?”
นางแอบกระตุกแขนเสื้อของป๋ายจี ส่งเสียงซุบซิบ
“ใช่แล้ว นายน้อยอวี้ดีกับพวกเรามาก โดยเฉพาะกับนายหญิง ทั้งน่ารักและว่านอนสอนง่าย เมื่อหลายวันก่อนนายหญิงยังพูดเลยว่านายน้อยอวี้เป็นผู้ชายอบอุ่น”
ป๋ายจีหัวเราะ หันกลับไปหยิบเสื้อคลุมขนจิ้งจอกที่ตนเองทำขึ้นมากับมือวางเทียบตัวหลินจงอวี้เพื่อวัดขนาด
ป๋ายซูอ้าปากค้าง มองดูหลินจงอวี้ที่ปล่อยให้ป๋ายจีวัดขนาดรูปร่างของตนเองอย่างอิสระ กลุ่มพายุพลันก่อเกิดขึ้นในใจ
สวรรค์โปรด นางยังจำวันที่มีคนเข้าไปดึงตัวนายน้อยแล้วถูกตัดแขนทั้งสองข้างได้อยู่เลย
คนในตำหนักนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“ฮือ ฮือ เจ้าเด็กน้อย เจ้าคนไร้หัวใจ! เหยียผิดเองที่เคยช่วยชีวิตเจ้าตั้งหลายครั้ง!”
ชิงหูหอบแฮ่กๆ หยิบถ้วยชาของหลินเมิ้งหยาขึ้นดื่ม
ไม่รู้ว่าเจ้าบ้านั่นหายไปไหนแล้ว ตอนนี้เขาแอบหลบอยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อฟื้นฟูกำลังภายใน
“ข้าว่าเจ้าอายุมากแล้ว ฉะนั้นเรี่ยวแรงจึงมิอาจสู้เขาได้ เย่ เจ้าจะเข้ามาดื่มชาด้วยหรือไม่?”
“ขอบพระทัยพระชายา ข้าน้อยไม่เป็นไร”
ผลปรากฏว่า เสียงของเย่ดังขึ้นที่มุมหนึ่ง
แม้จะมีเรี่ยวแรงมหาศาล แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงหอบหายใจของเขา
“เจ้าไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยากระซิบ อันที่จริงนางต้องการให้ชิงหูประลองดูความสามารถของเย่
“ไม่หรอก ฝีมือการต่อสู้ของเขาแปลกประหลาดยิ่งนัก คนธรรมดาทั่วไปหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่ ดีแล้วที่ได้เขามาปกป้องดูแลเจ้า”
ชิงหูเอ่ยตอบด้วยท่าทางสบายๆ เมื่อครู่เขาเพียงแค่แกล้งเจ้าเด็กนั่นเล่นแต่เพียงเท่านั้น
อีกทั้งเจ้าเด็กนั่นมิได้คิดสังหารเขาจริงๆ มิเช่นนั้น เขาที่เป็นทหารซึ่งพร้อมจะพลีชีพทุกเมื่อจะต้องเข้ามาฆ่าตัวเองโดยไม่หยุดพักอย่างแน่นอน
“พระชายา ท่านอ๋องมีรับสั่งให้มาเอากุญแจคลังเล็กพ่ะย่ะค่ะ”
สงครามเพิ่งจะจบ ร่างของพ่อบ้านเติ้งพลันปรากฏในตำหนักหลิวซิน
“ป๋ายซ่าว เจ้าไปหยิบให้พ่อบ้านเติ้งเถิด ท่านอ๋องต้องการสิ่งใดหรือ?”
หลินเมิ้งหยามิได้คิดมาก นับตั้งแต่วันที่เข้ามาอยู่ในจวน หลงเทียนอวี้มอบทรัพย์สินและงานทุกอย่างภายในจวนให้นางเป็นผู้ดูแล
“ทูลพระชายา ท่านอ๋องต้องการส่งยาไปให้ท่านหญิงหลินหลางที่ปิ้งโจวพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องยังรับสั่งอีกว่า หวังว่าพระชายาจะเป็นผู้ช่วยเลือกยาด้วยตนเอง”
หัวใจกระตุกวูบ จิตใจที่เพิ่งจะปลอดโปร่งเพราะได้เห็นการต่อสู้ของเย่และชิงหูพลันมีเมฆครึ้มลอยขึ้นมาอีกครั้ง
ฝืนส่งยิ้มใจดีกลับไปให้ ทว่าหลินเมิ้งหยามิอาจหักห้ามความหึงหวงในหัวใจของนางได้
“ได้ ป๋ายจี ป๋ายซ่าว พวกเจ้าสองคนตามข้ามา คนอื่นๆ เก็บของให้เรียบร้อย”
ทุกคนล้วนดูออกว่าหลินเมิ้งหยากำลังอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเพราะเหตุใด
ขยับเท้าก้าวออกไป หลินเมิ้งหยาพาสาวใช้ทั้งสองไปยังคลังเล็กที่ถูกเก็บเป็นความลับของจวน
เงินและทองคำส่วนใหญ่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่นี่ อีกทั้งยังมียาที่หลินเมิ้งหยารวบรวมเอาไว้ด้วยตนเอง
นางปลดโซ่ขนาดใหญ่ทั้งสาม พวกเขาจึงพากันเข้าไปภายใน
ทันทีที่เดินเข้ามา กลิ่นหอมของยาพวยพุ่งเข้ามาเตะจมูก
เพียงได้กลิ่นก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
ยาจำนวนมากถูกเก็บไว้ในกล่องเรียงรายอยู่บนชั้นวางของข้างกำแพง บนชั้นวางของมีชื่อของยาติดเอาไว้
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คนภายนอกโหยหา
แม้พ่อบ้านเติ้งจะเคยเห็นบ่อยครั้งแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดที่จะตื่นตะลึงมิได้
หลินเมิ้งหยานั่งลงบนเก้าอี้ ชี้นิ้วสั่งให้สาวใช้หยิบเห็ดหลินจือ โสม ฯลฯ ทว่าหัวใจกลับมีคำถามอันแฝงไว้ด้วยความหึงหวง
*************************
1 ดอกฉูจวี๋คือดอกเดซี่