ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ – เล่มที่ 4 บทที่ 101 ข้าไม่ได้หึง

    ตั้งแต่รู้จักหลงเทียนอวี้มา นอกจากพระสนมเต๋อเฟย นางก็มิเคยเห็นเขาสนใจผู้ใดมาก่อน

    แม้จะเป็นสาวงามมีเสน่ห์มากมายเพียงใด แต่เขาก็มิเคยเหลียวแล แต่เพราะเหตุใดเขาจึงเป็นห่วงเป็นใยท่านหญิงหลินหลางเหลือเกิน?

    มองดูพ่อบ้านเติ้งที่กำลังหยิบยามือเป็นระวิง หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะแสร้งเอ่ยถามอย่างมิตั้งใจ

    “ข้ามิเคยได้ยินเรื่องของท่านหญิงหลินหลางมาก่อน มิรู้ว่านางคือผู้ใดอย่างนั้นหรือ?”

    พ่อบ้านเติ้งไม่ได้คิดอะไรมาก หวนนึกถึงท่านหญิงในความทรงจำพลางเอ่ยตอบ

    “ท่านหญิงหลินหลางเป็นเพื่อนในวัยเด็กของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เหตุเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงพำนักรักษาตัวอยู่ที่ปิ้งโจว ท่านอ๋องของพวกเราคะนึงถึงท่านหญิงหลินหลางมาโดยตลอด ดังนั้นพระองค์จึงรับสั่งให้ส่งมอบยาชั้นดีเพื่อไปบำรุงร่างกายของท่านหญิงหลินหลางพ่ะย่ะค่ะ”

    ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใดต้องถามต่ออีกแล้ว

    เพื่อนรักในวัยเด็ก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่มีให้กันจะต้องลึกซึ้งเกินกว่าผู้ใดจะแทรกแซงได้

    มาเร็วมิสู้มาได้ถูกจังหวะ หลินเมิ้งหยานั่งลงข้างโต๊ะ มิเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีก

    “ท่านหญิงหลินหลางเจ็บป่วยด้วยโรคอันใด? ยาธรรมดาอาจจะไม่สามารถรักษาอาการของนางได้”

    แอบทอดถอนใจอย่างเงียบๆ สุดท้ายหลินเมิ้งหยาเอ่ยถามเพื่อเข้าไปจัดการเรื่องนี้

    บางทีหลงเทียนอวี้อาจจะคำนวณไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงสั่งให้นางเข้ามาในคลังเล็กแห่งนี้ด้วย

    คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใส่ใจท่านหญิงมากถึงเพียงนี้

    “ท่านอ๋องเองก็สั่งให้ข้าน้อยเอ่ยถามพระชายาเช่นกัน ท่านหญิงหลินหลางอ่อนแอตั้งแต่อยู่ในครรภ์ อีกทั้งยังทรงวิตกกังวลมาก ประจวบกับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นร่างกายจึงอ่อนแอมากพ่ะย่ะค่ะ”

    ท่านหญิงหลินหลางจะต้องเป็นคนที่ทุกคนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษอย่างแน่นอน

    มิเช่นนั้น พ่อบ้านเติ้งคงไม่แสดงท่าทีกังวลตอนเอ่ยถึงนาง

    “หากเป็นเช่นนั้นจะต้องใช้ยาบำรุงหลายขนาน ป๋ายซ่าว ไปหยิบหญ้าป๋ายเฉาของข้ามา แล้วส่งมอบให้ท่านหญิงหลินหลาง”

    ยาบำรุงมีฤทธิ์ร้อนเช่นนี้น่าจะเหมาะกับร่างกายที่อ่อนแอ

    “เกรงว่าของชิ้นนี้จะไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ”

    มองดูขวดหยกขาว ทันทีที่ได้เห็นของในมือของป๋ายซ่าว สีหน้าลำบากใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อบ้านเติ้ง

    “ไม่เป็นไรสมุนไพรเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพียงแค่ขั้นตอนการทำยุ่งยากมากเท่านั้น ในเมื่อท่านอ๋องมอบหมายงานนี้ให้ข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็มิอาจทำลายความเชื่อใจของท่านอ๋องได้”

    หลินเมิ้งหยาพยายามสะกดความเจ็บปวดในหัวใจและพยายามแสดงท่าทีใจกว้าง

    เขา…มีคนรักในวัยเยาว์แล้ว

    เช่นนั้นนางที่ถูกยัดเยียดมาให้เขา เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องไสหัวออกไปจากที่นี่

    ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นนางจะพยายามทำหน้าที่ในขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งนี้ให้ดีที่สุด

    “ขอบพระทัยในความใส่ใจของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

    พ่อบ้านเติ้งหยิบขวดยา ฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินจากไป

    ภายในคลังยา หลินเมิ้งหยามองดูป๋ายซ่าวและป๋ายจีซึ่งกำลังจัดการยาที่เหลือ หัวใจเต้นระรัว

    ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดยืนที่ชั้นวางเล็กๆ หยิบกล่องไม้ลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษขึ้นมา

    ภายในนั้น มียาสิบกว่าชนิดถูกวางเรียงรายภายในกล่องยากล่องนี้ อีกทั้งยังส่งกลิ่นพิเศษออกมา

    นี่คือยาที่นางใช้สำหรับถอนพิษในร่างกายของตนเอง อีกเพียงสามอย่างก็จะครบแล้ว

    เมื่อใดที่หายาทั้งสามชนิดนั้นเจอ เมื่อนั้นนางจะไปจากที่นี่

    ใกล้แล้ว อีกไม่นานแล้วจริงๆ

    เมื่อออกจากห้องเก็บของเล็ก หลินเมิ้งหยารู้สึกหดหู่เล็กน้อย

    คนในตำหนักต่างลอบสังเกตนาง ทว่านางกลับมีท่าทีสงบนิ่ง

    “นายหญิงมีเรื่องไม่สบายใจอันใดหรือไม่เจ้าคะ?”

    ป๋ายจื่อเป็นสาวใช้ที่ค่อนข้างใส่ใจนางเป็นพิเศษ มีเพียงคนเงอะงะอย่างนางเท่านั้นที่กล้าพอจะเอ่ยถามออกมา

    “ไม่หรอก ข้าสบายดี จริงสิ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”

    หลินเมิ้งหยาดึงตัวป๋ายจื่อ หลายวันมานี้นางยุ่งแต่เพียงเรื่องของตนเอง จนเกือบจะลืมเรื่องของป๋ายจื่อไปแล้ว

    “เจ้ายังจำคุณชายที่เราเจอในวัดวันนั้นได้หรือไม่?”

    ป๋ายจื่อครุ่นคิด ดวงตากลมโตเผยให้เห็นความงุนงง

    ดูท่า นางจะจำไม่ได้

    “คนที่แย่งกล่องขนมของเจ้าในวันนั้นอย่างไรเล่า”

    ทันทีที่พูดจบ ป๋ายจื่อคิดออกในทันที พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา

    “เขานั่นเอง! จำได้แน่นอนเจ้าค่ะ ฮึ หากมิใช่เพราะเขา กล่องขนมของข้าคงไม่หายไป”

    หลินเมิ้งหยาพูดไม่ออก นอกจากเรื่องกิน เด็กคนนี้จำเรื่องอื่นไม่ได้เลย

    “คุณชายคนนั้นคือองค์รัชทายาทของฮ่องเต้หมิง เมื่อหลายวันก่อนข้ากับท่านอ๋องไปเจอเขาเข้าที่งานเลี้ยง”

    หากพูดกับนางโดยตรงว่าองค์ชายรัชทายาทถูกพระทัยนางแล้วล่ะก็ นางจะตกใจจนสิ้นสติหรือไม่?

    “เช่นนั้นคุณหนูเอาเงินค่าเสียหายมาจากเขาหรือไม่เจ้าคะ? เขาจะต้องร่ำรวยมากอย่างแน่นอน”

    ป๋ายจื่อเป็นคนมีพรสวรรค์ หลินเมิ้งหยาหลุดขำพรืดออกมา

    หากเด็กสดใสร่าเริงเช่นนี้ได้เคียงคู่กับองค์รัชทายาทผู้แสนเคร่งขรึมคนนั้น ทั้งคู่จะต้องเข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน

    “เรื่องของเรื่องคือองค์รัชทายาทต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าจิ้น แต่ถึงกระนั้นกลับไม่ถูกพระทัยเหล่าราชนิกุลคนใดเลย ทว่าเขากลับถูกใจเจ้า ข้าอยากถามความเห็นเจ้าว่า เจ้าจะยินยอมแต่งงานกับเขาหรือไม่?”

    หลินเมิ้งหยาตัดสินใจแล้วว่า หากป๋ายจื่อต้องการเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท เช่นนั้นนางจะพยายามสุดชีวิตเพื่อให้ป๋ายจื่อมีความสุข

    แต่ถ้าหากป๋ายจื่อไม่ยินยอม เช่นนั้นนางจะไม่บีบบังคับเด็กคนนี้

    นางไม่มีวันทำนาบนหลังคน แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่นเด็ดขาด

    “เอ๋? องค์รัชทายาทโง่หรือเปล่า? จะให้ข้าเป็นพระชายา? ข้าเป็นเพียงแค่สาวใช้นะเจ้าคะ!”

    ป๋ายจื่อมิได้แสดงท่าทีตกใจมากมายนัก นางคิดว่าคุณหนูและองค์ชายรัชทายาทกำลังล้อนางเล่นแต่เพียงเท่านั้น

    นางเป็นสาวใช้ของคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก แล้วแบบนี้นางจะเหมาะสมกับองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร?

    “เด็กโง่ อย่าได้ดูถูกตัวเอง สำหรับข้าแล้ว เจ้าเปรียบเสมือนน้องสาวคนหนึ่ง พวกเจ้าล้วนเป็นสหายของข้า คนสนิทของข้า ขอเพียงข้ายังอยู่ จะไม่มีใครดูถูกพวกเจ้าได้อย่างเด็ดขาด”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ขอบตาของป๋ายจื่อแดงก่ำ

    นางรู้ดีที่สุด แม้แต่ตอนที่คุณหนูกลายเป็นคนโง่เขลาสติฟั่นเฟือน คุณหนูเห็นนางเป็นสหายที่ดีที่สุดเสมอ

    ทั้งของอร่อย ทั้งของเล่น คุณหนูมักจะเก็บเอาไว้ให้นางหนึ่งชุดเสมอ

    ดังนั้น นางจึงเคารพและจริงใจกับคุณหนูมาก

    ก่อนจะโผเข้ากอดหลินเมิ้งหยา ป๋ายจื่อเอ่ยออกมาด้วยความโศกเศร้า

    “ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้าอยากอยู่ข้างกายคุณหนู คุณหนูเจ้าคะ พวกเราเคยสัญญากันแล้วว่าจะไม่แยกจากกันไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

    เด็กคนนี้ ยังคงมีจิตใจเสมือนเด็ก

    อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเลย แม้แต่เรื่องความรักนางยังไม่รู้จัก

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด คนจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นป๋ายจื่อ หากไปอยู่ที่ซีฟาน จะมิต่างอะไรจากลูกแกะเดินเข้าถ้ำเสือ

    นางจึงตัดสินใจอย่างเงียบๆ พลางตบหลังป๋ายจื่อเบาๆ แล้วเอ่ย

    “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขของเจ้า ข้าไม่มีทางขอร้องหรือบีบบังคับเจ้า เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าจะไปหาองค์รัชทายาทและให้พวกเจ้าได้ทำความรู้จักกันก่อนสักระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปกับเขาที่ซีฟานหรือไม่”

    หากเก็บป๋ายจื่อไว้ข้างกาย คนบริสุทธิ์อย่างนางจะถูกทำร้ายไปด้วย

    นางรู้ดีว่าเส้นทางที่ตนเองเลือกเดินนั้นเป็นเช่นไร ป๋ายจื่อไร้เดียงสาจนเกินไป หากนางได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

    “คุณหนูจะไล่ข้าไปจริง ๆ หรือ? หรือเพราะข้ากินเยอะเกินไป? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่กินขนมอีกแล้ว”

    ท่าทางของป๋ายจื่อเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ หลินเมิ้งหยารีบส่ายหน้า

    “ไม่ใช่เสียหน่อย เจ้าเด็กโง่ ข้าไม่อาจเก็บเจ้าเอาไว้ข้างกายได้ตลอดชีวิต หากชั่วชีวิตนี้ของเจ้าหาคนที่ทำให้เจ้ามีความสุขไม่เจอ เช่นนั้นข้าก็จะเลี้ยงดูเจ้าไปตลอดชีวิต ข้าเพียงแต่แนะนำเจ้าเท่านั้น ส่วนยินยอมหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า เข้าใจแล้วหรือยัง?”

    ป๋ายจื่อพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ขอเพียงคุณหนูยังต้องการนาง นางพร้อมทำทุกอย่างเสมอ

    “เอาล่ะ พูดเรื่องนี้กับเจ้าตอนนี้ก็ยังนับว่าเร็วเกินไป เจ้าไปบอกป๋ายจีให้ข้าทีว่าพรุ่งนี้พวกเราจะไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”

    ขอบตาของป๋ายจื่อแดงก่ำ ยกมือปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกไป

    ร่างสูงยาวพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง ชิงหูมองดูท่าทางเหม่อลอยของหลินเมิ้งหยา เอ่ยถามเสียงเบา

    “เจ้าเด็กน้อย กำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”

    เมื่อนางดึงสติกลับมา และมองดูรอยยิ้มขี้เล่นของชิงหู อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาจึงดีขึ้นเล็กน้อย

    ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าได้เจอเขาเวลาไหน เขามักจะพยักยิ้มราวกับมิเกรงกลัวฟ้าดินอยู่เสมอ

    “ข้ากำลังคิดว่าหากวันใดเจ้ามิเชื่อฟังคำสั่ง ข้าจะทรมานเจ้าอย่างไรดี”

    มองดูดวงตาเปล่งประกายคู่สวยที่กำลังปรากฏร่องรอยของความชั่วร้าย ชิงหูรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก ทว่าสายตาของเขากลับดูเชื้อเชิญ

    “พอแล้ว พอแล้ว ชอบแสดงท่าทางน่าคลื่นไส้อยู่เรื่อย ข้าหาได้วิปริตผิดเพศเช่นนั้นไม่ รีบพูดมาได้แล้วว่าตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?”

    หลินเมิ้งหยายอมแพ้แก่เขาแล้ว ทั้งที่เขาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว แต่กลับหาความจริงจังมิได้เลย

    เพราะเหตุนี้เวลาหลินจงอวี้พูดถึงชิงหู สายตาของเขามักจะฉายแววดูถูก

    “หลินเมิ้งหวู่และแม่ของนางกำลังจะบ้าตายแล้ว อีกอย่าง พวกนางกำลังปรึกษากันว่าจะแย่งชิงตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาทแห่งซีฟานได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งแรกที่พวกนางจะทำคือการกำจัดป๋ายจื่อที่อยู่ข้างกายเจ้า”

    เมื่อมีเย่คอยอารักขา ชิงหูจึงออกไปทำเรื่องอื่นได้

    อย่างเช่น แอบฟังเรื่องชาวบ้าน

    มุมปากกระตุกยิ้มเย็นชา หลินเมิ้งหยาเดาไว้ก่อนแล้ว

    สาเหตุที่หลินเมิ้งหวู่มิยอมแต่งงานในตอนแรกก็เพราะคิดว่าองค์รัชทายาทเป็นคนดิบเถื่อน

    แต่คิดไม่ถึงว่าหูเทียนเป่ยจะมีใบหน้าหล่อเหลา กิริยามารยาทงามสง่า อีกทั้งยังเป็นคนฉลาดเฉลียว

    นอกจากคนสติไม่ดีแล้ว ไม่มีผู้ใดไม่อยากเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เพียบพร้อมเช่นนี้

    “ตอนนี้คิดอยากเป็นพระชายาแล้วหรือ ตอนแรกมัวทำอะไรอยู่เล่า แต่พวกนางสองแม่ลูกใช่จะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทสักหน่อย”

    อันที่จริง หลังจากที่หลินเมิ้งหยาได้รู้ว่าหลินเมิ้งหวู่ถูกเลือกให้เป็นว่าที่พระชายา นางได้ตัดสินใจทำลายแผนการดูตัวในครั้งนั้น

    แต่โชคดีที่หลินเมิ้งหวู่เป็นฝ่ายฆ่าตัวเองตายก่อน

    “ทูลพระชายา ฮ่องเต้หมิงมีรับสั่งให้องค์รัชทายาทและท่านอ๋องทุกท่านไปล่าสัตว์ที่เขาหลิงจูในอีกสองวันข้างหน้า ท่านอ๋องสั่งให้กระหม่อมมาทูลพระชายาล่วงหน้าเพื่อให้พระองค์เตรียมตัวพ่ะย่ะค่ะ”

    ด้านนอก อยู่ ๆ เสียงเสี่ยวซีคนหนึ่งก็ดังขึ้น

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ชีวิตแรกของ “ซูซิงเกอ” จบลงในห้องทดลองที่เธอรัก.. เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ซูซิงเกอจึงได้ชีวิตใหม่ในร่างของ “หลินเมิ้งหยา”คุณหนูสมองพิการ ที่มีผู้ปองร้ายเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของตนเอง! มิหนำซ้ำนางกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับ “หลงเทียนอวี้” ท่านอ๋องแสนเย็นชา ที่ต้องแต่งงานทางการเมืองกับนาง โดยที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ ช่างเป็นการเกิดใหม่ ที่แสนวิเศษจริงๆ! เอาละ! จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามลิขิตอย่างหลินเมิ้งหยาเสียเมื่อไหร่ เพราะนางคือ..วายร้ายจอมแก้แค้นซูซิงเกอ นางจะใช้ความรู้สารพัดพิษที่มี จัดการพวกมันเอง เริ่มจากยัยน้องสาวตัวดีก่อนละกัน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset