ตั้งแต่รู้จักหลงเทียนอวี้มา นอกจากพระสนมเต๋อเฟย นางก็มิเคยเห็นเขาสนใจผู้ใดมาก่อน
แม้จะเป็นสาวงามมีเสน่ห์มากมายเพียงใด แต่เขาก็มิเคยเหลียวแล แต่เพราะเหตุใดเขาจึงเป็นห่วงเป็นใยท่านหญิงหลินหลางเหลือเกิน?
มองดูพ่อบ้านเติ้งที่กำลังหยิบยามือเป็นระวิง หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะแสร้งเอ่ยถามอย่างมิตั้งใจ
“ข้ามิเคยได้ยินเรื่องของท่านหญิงหลินหลางมาก่อน มิรู้ว่านางคือผู้ใดอย่างนั้นหรือ?”
พ่อบ้านเติ้งไม่ได้คิดอะไรมาก หวนนึกถึงท่านหญิงในความทรงจำพลางเอ่ยตอบ
“ท่านหญิงหลินหลางเป็นเพื่อนในวัยเด็กของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เหตุเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงพำนักรักษาตัวอยู่ที่ปิ้งโจว ท่านอ๋องของพวกเราคะนึงถึงท่านหญิงหลินหลางมาโดยตลอด ดังนั้นพระองค์จึงรับสั่งให้ส่งมอบยาชั้นดีเพื่อไปบำรุงร่างกายของท่านหญิงหลินหลางพ่ะย่ะค่ะ”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใดต้องถามต่ออีกแล้ว
เพื่อนรักในวัยเด็ก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่มีให้กันจะต้องลึกซึ้งเกินกว่าผู้ใดจะแทรกแซงได้
มาเร็วมิสู้มาได้ถูกจังหวะ หลินเมิ้งหยานั่งลงข้างโต๊ะ มิเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีก
“ท่านหญิงหลินหลางเจ็บป่วยด้วยโรคอันใด? ยาธรรมดาอาจจะไม่สามารถรักษาอาการของนางได้”
แอบทอดถอนใจอย่างเงียบๆ สุดท้ายหลินเมิ้งหยาเอ่ยถามเพื่อเข้าไปจัดการเรื่องนี้
บางทีหลงเทียนอวี้อาจจะคำนวณไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงสั่งให้นางเข้ามาในคลังเล็กแห่งนี้ด้วย
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใส่ใจท่านหญิงมากถึงเพียงนี้
“ท่านอ๋องเองก็สั่งให้ข้าน้อยเอ่ยถามพระชายาเช่นกัน ท่านหญิงหลินหลางอ่อนแอตั้งแต่อยู่ในครรภ์ อีกทั้งยังทรงวิตกกังวลมาก ประจวบกับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นร่างกายจึงอ่อนแอมากพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านหญิงหลินหลางจะต้องเป็นคนที่ทุกคนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้น พ่อบ้านเติ้งคงไม่แสดงท่าทีกังวลตอนเอ่ยถึงนาง
“หากเป็นเช่นนั้นจะต้องใช้ยาบำรุงหลายขนาน ป๋ายซ่าว ไปหยิบหญ้าป๋ายเฉาของข้ามา แล้วส่งมอบให้ท่านหญิงหลินหลาง”
ยาบำรุงมีฤทธิ์ร้อนเช่นนี้น่าจะเหมาะกับร่างกายที่อ่อนแอ
“เกรงว่าของชิ้นนี้จะไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ”
มองดูขวดหยกขาว ทันทีที่ได้เห็นของในมือของป๋ายซ่าว สีหน้าลำบากใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อบ้านเติ้ง
“ไม่เป็นไรสมุนไพรเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพียงแค่ขั้นตอนการทำยุ่งยากมากเท่านั้น ในเมื่อท่านอ๋องมอบหมายงานนี้ให้ข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็มิอาจทำลายความเชื่อใจของท่านอ๋องได้”
หลินเมิ้งหยาพยายามสะกดความเจ็บปวดในหัวใจและพยายามแสดงท่าทีใจกว้าง
เขา…มีคนรักในวัยเยาว์แล้ว
เช่นนั้นนางที่ถูกยัดเยียดมาให้เขา เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องไสหัวออกไปจากที่นี่
ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นนางจะพยายามทำหน้าที่ในขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่งนี้ให้ดีที่สุด
“ขอบพระทัยในความใส่ใจของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเติ้งหยิบขวดยา ฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินจากไป
ภายในคลังยา หลินเมิ้งหยามองดูป๋ายซ่าวและป๋ายจีซึ่งกำลังจัดการยาที่เหลือ หัวใจเต้นระรัว
ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดยืนที่ชั้นวางเล็กๆ หยิบกล่องไม้ลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษขึ้นมา
ภายในนั้น มียาสิบกว่าชนิดถูกวางเรียงรายภายในกล่องยากล่องนี้ อีกทั้งยังส่งกลิ่นพิเศษออกมา
นี่คือยาที่นางใช้สำหรับถอนพิษในร่างกายของตนเอง อีกเพียงสามอย่างก็จะครบแล้ว
เมื่อใดที่หายาทั้งสามชนิดนั้นเจอ เมื่อนั้นนางจะไปจากที่นี่
ใกล้แล้ว อีกไม่นานแล้วจริงๆ
เมื่อออกจากห้องเก็บของเล็ก หลินเมิ้งหยารู้สึกหดหู่เล็กน้อย
คนในตำหนักต่างลอบสังเกตนาง ทว่านางกลับมีท่าทีสงบนิ่ง
“นายหญิงมีเรื่องไม่สบายใจอันใดหรือไม่เจ้าคะ?”
ป๋ายจื่อเป็นสาวใช้ที่ค่อนข้างใส่ใจนางเป็นพิเศษ มีเพียงคนเงอะงะอย่างนางเท่านั้นที่กล้าพอจะเอ่ยถามออกมา
“ไม่หรอก ข้าสบายดี จริงสิ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
หลินเมิ้งหยาดึงตัวป๋ายจื่อ หลายวันมานี้นางยุ่งแต่เพียงเรื่องของตนเอง จนเกือบจะลืมเรื่องของป๋ายจื่อไปแล้ว
“เจ้ายังจำคุณชายที่เราเจอในวัดวันนั้นได้หรือไม่?”
ป๋ายจื่อครุ่นคิด ดวงตากลมโตเผยให้เห็นความงุนงง
ดูท่า นางจะจำไม่ได้
“คนที่แย่งกล่องขนมของเจ้าในวันนั้นอย่างไรเล่า”
ทันทีที่พูดจบ ป๋ายจื่อคิดออกในทันที พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา
“เขานั่นเอง! จำได้แน่นอนเจ้าค่ะ ฮึ หากมิใช่เพราะเขา กล่องขนมของข้าคงไม่หายไป”
หลินเมิ้งหยาพูดไม่ออก นอกจากเรื่องกิน เด็กคนนี้จำเรื่องอื่นไม่ได้เลย
“คุณชายคนนั้นคือองค์รัชทายาทของฮ่องเต้หมิง เมื่อหลายวันก่อนข้ากับท่านอ๋องไปเจอเขาเข้าที่งานเลี้ยง”
หากพูดกับนางโดยตรงว่าองค์ชายรัชทายาทถูกพระทัยนางแล้วล่ะก็ นางจะตกใจจนสิ้นสติหรือไม่?
“เช่นนั้นคุณหนูเอาเงินค่าเสียหายมาจากเขาหรือไม่เจ้าคะ? เขาจะต้องร่ำรวยมากอย่างแน่นอน”
ป๋ายจื่อเป็นคนมีพรสวรรค์ หลินเมิ้งหยาหลุดขำพรืดออกมา
หากเด็กสดใสร่าเริงเช่นนี้ได้เคียงคู่กับองค์รัชทายาทผู้แสนเคร่งขรึมคนนั้น ทั้งคู่จะต้องเข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
“เรื่องของเรื่องคือองค์รัชทายาทต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าจิ้น แต่ถึงกระนั้นกลับไม่ถูกพระทัยเหล่าราชนิกุลคนใดเลย ทว่าเขากลับถูกใจเจ้า ข้าอยากถามความเห็นเจ้าว่า เจ้าจะยินยอมแต่งงานกับเขาหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาตัดสินใจแล้วว่า หากป๋ายจื่อต้องการเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท เช่นนั้นนางจะพยายามสุดชีวิตเพื่อให้ป๋ายจื่อมีความสุข
แต่ถ้าหากป๋ายจื่อไม่ยินยอม เช่นนั้นนางจะไม่บีบบังคับเด็กคนนี้
นางไม่มีวันทำนาบนหลังคน แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่นเด็ดขาด
“เอ๋? องค์รัชทายาทโง่หรือเปล่า? จะให้ข้าเป็นพระชายา? ข้าเป็นเพียงแค่สาวใช้นะเจ้าคะ!”
ป๋ายจื่อมิได้แสดงท่าทีตกใจมากมายนัก นางคิดว่าคุณหนูและองค์ชายรัชทายาทกำลังล้อนางเล่นแต่เพียงเท่านั้น
นางเป็นสาวใช้ของคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก แล้วแบบนี้นางจะเหมาะสมกับองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร?
“เด็กโง่ อย่าได้ดูถูกตัวเอง สำหรับข้าแล้ว เจ้าเปรียบเสมือนน้องสาวคนหนึ่ง พวกเจ้าล้วนเป็นสหายของข้า คนสนิทของข้า ขอเพียงข้ายังอยู่ จะไม่มีใครดูถูกพวกเจ้าได้อย่างเด็ดขาด”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ขอบตาของป๋ายจื่อแดงก่ำ
นางรู้ดีที่สุด แม้แต่ตอนที่คุณหนูกลายเป็นคนโง่เขลาสติฟั่นเฟือน คุณหนูเห็นนางเป็นสหายที่ดีที่สุดเสมอ
ทั้งของอร่อย ทั้งของเล่น คุณหนูมักจะเก็บเอาไว้ให้นางหนึ่งชุดเสมอ
ดังนั้น นางจึงเคารพและจริงใจกับคุณหนูมาก
ก่อนจะโผเข้ากอดหลินเมิ้งหยา ป๋ายจื่อเอ่ยออกมาด้วยความโศกเศร้า
“ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้าอยากอยู่ข้างกายคุณหนู คุณหนูเจ้าคะ พวกเราเคยสัญญากันแล้วว่าจะไม่แยกจากกันไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
เด็กคนนี้ ยังคงมีจิตใจเสมือนเด็ก
อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเลย แม้แต่เรื่องความรักนางยังไม่รู้จัก
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด คนจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นป๋ายจื่อ หากไปอยู่ที่ซีฟาน จะมิต่างอะไรจากลูกแกะเดินเข้าถ้ำเสือ
นางจึงตัดสินใจอย่างเงียบๆ พลางตบหลังป๋ายจื่อเบาๆ แล้วเอ่ย
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขของเจ้า ข้าไม่มีทางขอร้องหรือบีบบังคับเจ้า เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าจะไปหาองค์รัชทายาทและให้พวกเจ้าได้ทำความรู้จักกันก่อนสักระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปกับเขาที่ซีฟานหรือไม่”
หากเก็บป๋ายจื่อไว้ข้างกาย คนบริสุทธิ์อย่างนางจะถูกทำร้ายไปด้วย
นางรู้ดีว่าเส้นทางที่ตนเองเลือกเดินนั้นเป็นเช่นไร ป๋ายจื่อไร้เดียงสาจนเกินไป หากนางได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
“คุณหนูจะไล่ข้าไปจริง ๆ หรือ? หรือเพราะข้ากินเยอะเกินไป? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่กินขนมอีกแล้ว”
ท่าทางของป๋ายจื่อเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ หลินเมิ้งหยารีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่เสียหน่อย เจ้าเด็กโง่ ข้าไม่อาจเก็บเจ้าเอาไว้ข้างกายได้ตลอดชีวิต หากชั่วชีวิตนี้ของเจ้าหาคนที่ทำให้เจ้ามีความสุขไม่เจอ เช่นนั้นข้าก็จะเลี้ยงดูเจ้าไปตลอดชีวิต ข้าเพียงแต่แนะนำเจ้าเท่านั้น ส่วนยินยอมหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า เข้าใจแล้วหรือยัง?”
ป๋ายจื่อพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ขอเพียงคุณหนูยังต้องการนาง นางพร้อมทำทุกอย่างเสมอ
“เอาล่ะ พูดเรื่องนี้กับเจ้าตอนนี้ก็ยังนับว่าเร็วเกินไป เจ้าไปบอกป๋ายจีให้ข้าทีว่าพรุ่งนี้พวกเราจะไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”
ขอบตาของป๋ายจื่อแดงก่ำ ยกมือปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกไป
ร่างสูงยาวพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง ชิงหูมองดูท่าทางเหม่อลอยของหลินเมิ้งหยา เอ่ยถามเสียงเบา
“เจ้าเด็กน้อย กำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
เมื่อนางดึงสติกลับมา และมองดูรอยยิ้มขี้เล่นของชิงหู อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาจึงดีขึ้นเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าได้เจอเขาเวลาไหน เขามักจะพยักยิ้มราวกับมิเกรงกลัวฟ้าดินอยู่เสมอ
“ข้ากำลังคิดว่าหากวันใดเจ้ามิเชื่อฟังคำสั่ง ข้าจะทรมานเจ้าอย่างไรดี”
มองดูดวงตาเปล่งประกายคู่สวยที่กำลังปรากฏร่องรอยของความชั่วร้าย ชิงหูรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก ทว่าสายตาของเขากลับดูเชื้อเชิญ
“พอแล้ว พอแล้ว ชอบแสดงท่าทางน่าคลื่นไส้อยู่เรื่อย ข้าหาได้วิปริตผิดเพศเช่นนั้นไม่ รีบพูดมาได้แล้วว่าตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเมิ้งหยายอมแพ้แก่เขาแล้ว ทั้งที่เขาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว แต่กลับหาความจริงจังมิได้เลย
เพราะเหตุนี้เวลาหลินจงอวี้พูดถึงชิงหู สายตาของเขามักจะฉายแววดูถูก
“หลินเมิ้งหวู่และแม่ของนางกำลังจะบ้าตายแล้ว อีกอย่าง พวกนางกำลังปรึกษากันว่าจะแย่งชิงตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาทแห่งซีฟานได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งแรกที่พวกนางจะทำคือการกำจัดป๋ายจื่อที่อยู่ข้างกายเจ้า”
เมื่อมีเย่คอยอารักขา ชิงหูจึงออกไปทำเรื่องอื่นได้
อย่างเช่น แอบฟังเรื่องชาวบ้าน
มุมปากกระตุกยิ้มเย็นชา หลินเมิ้งหยาเดาไว้ก่อนแล้ว
สาเหตุที่หลินเมิ้งหวู่มิยอมแต่งงานในตอนแรกก็เพราะคิดว่าองค์รัชทายาทเป็นคนดิบเถื่อน
แต่คิดไม่ถึงว่าหูเทียนเป่ยจะมีใบหน้าหล่อเหลา กิริยามารยาทงามสง่า อีกทั้งยังเป็นคนฉลาดเฉลียว
นอกจากคนสติไม่ดีแล้ว ไม่มีผู้ใดไม่อยากเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เพียบพร้อมเช่นนี้
“ตอนนี้คิดอยากเป็นพระชายาแล้วหรือ ตอนแรกมัวทำอะไรอยู่เล่า แต่พวกนางสองแม่ลูกใช่จะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทสักหน่อย”
อันที่จริง หลังจากที่หลินเมิ้งหยาได้รู้ว่าหลินเมิ้งหวู่ถูกเลือกให้เป็นว่าที่พระชายา นางได้ตัดสินใจทำลายแผนการดูตัวในครั้งนั้น
แต่โชคดีที่หลินเมิ้งหวู่เป็นฝ่ายฆ่าตัวเองตายก่อน
“ทูลพระชายา ฮ่องเต้หมิงมีรับสั่งให้องค์รัชทายาทและท่านอ๋องทุกท่านไปล่าสัตว์ที่เขาหลิงจูในอีกสองวันข้างหน้า ท่านอ๋องสั่งให้กระหม่อมมาทูลพระชายาล่วงหน้าเพื่อให้พระองค์เตรียมตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านนอก อยู่ ๆ เสียงเสี่ยวซีคนหนึ่งก็ดังขึ้น