ปีบ ปีบ ปีบ
รถโดยสารแล่นฉิวมาบนท้องถนนพร้อมเสียงแตรดังสนัน ตัวรถเอนไปซ้ายทีขวาที คงเพราะคนขับไม่สามารถควบคุมรถได้ ความเร็วของรถนั้นเร็วจนน่ากลัวว่าจะพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ รถคันอื่นเมื่อเห็นก็ได้แต่หักหลบกันเป็นทาง
รถโดยสารโดดข้ามหลายแลนจนขึ้นไปถึงทางเท้าที่ว่างเปล่า
ตู้ม
รถโดยสารหยุดลงหลังจากชนเข้ากับเสาไฟฟ้า เสาไฟฟ้าที่ถูกชนหักโค่นลงใส่รถยนต์ที่อยู่ใกล้ ๆ คนรอบ ๆ ที่เกิดเหตุต่างพากันออกมาจากรถของตัวเองเพื่อมุงดูสภาพรถโดยสารที่พังยับเยิน ประตูของรถโดยสารถูกเปิดขึ้นและเหล่าผู้โดยสารที่ตื่นตระหนกก็ต่างพากันพรั่งพรูออกมาจากรถ
“ใครก็ได้โทรแจ้งตำรวจที” เสียงตะโกนดังออกมาจากกลุ่มคนที่พรั่งพรูออกมาจากรถ
“คนขับตายแล้ว”
วันที่ 3 ตุลาคม 2031
คนขับรถโดยสารนาม ฮาน มารุ ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 45 ปี
* * *
ในชีวิตคุณเคยเสียใจกับเรื่องอะไรรึเปล่า?
มันเป็นความคิดแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของมารุหลังจากลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงคลื่นที่ซัดเข้ากับชายหาด พร้อมลมทะเลเย็น ๆ ที่ตีเข้ามาที่ใบหน้าของเขา ขณะที่เขานั่งลงและเงยมองท้องฟ้า
เขาอยู่ที่ไหน?
“ตื่นแล้วเหรอคะ กำลังคิดว่าจะปลุกอยู่พอดีเลย” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ทำให้เขายิ่งสับสนเข้าไปใหญ่
“ที่นี่…” มารุกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา
โชคดีที่เหมือนว่าหญิงสาวจะเข้าใจในความมึนงงของมารุ
“เดี๋ยวก็เข้าใจเองค่ะว่าที่ไหน แค่ลองนึกดู”
มารุเข้าใจสถานการณ์ทันทีหลังได้ยินคำพูดของหญิงสาวในชุดขาว จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องตกใจ แต่หลังจากรู้ เขาก็ทำหน้าขมขื่นขึ้นมา
“ผม… ตายแล้วงั้นเหรอ” มารุถามเพื่อความแน่ใจ
หญิงสาวตอบยืนยันในข้อสงสัยของเขา “ใช่ค่ะ”
“คุณเป็นนางฟ้าเหรอ” มารุถามด้วยความสงสัย
หญิงสาวอมยิ้มให้กับคำถาม “ก็คล้าย บ้างเรียกฉันว่านางฟ้า บ้างเรียกฉันว่ายมทูต แต่ชื่อน่ะมันไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดต่างหากล่ะ”
หญิงสาวเริ่มออกเดินด้วยเท้าก้าวยาว ทำให้มารุต้องพยายามเดินก้าวให้เร็วกว่าปกติเพื่อตามเธอให้ทัน หลังจากเดินมาได้สักพักพวกเขาก็มาถึงร่มชายหาดที่ปักอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางหาดทรายอันกว้างใหญ่
หญิงสาวเดินเข้าไปที่เก้าอี้ใต้ร่มนั้น “เชิญค่ะ”
และมารุก็ทำตาม หญิงสาวพูดต่อหลังจากทิ้งตัวลงนั่งบ้าง “คุณฮาน คุณตายในวันที่ 3 ตุลาคม เวลา 11:23:14 จำได้ไหมคะว่าตัวเองตายได้ยังไง?” น่าแปลกใจที่ตัวมารุเองจำมันได้ดี
“ครับ” เขาตอบกลับ
มารุย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ราวกับมันเป็นความทรงจำอันห่างไกล เขากำลังขับรถโดยสารเพื่อไปที่ป้ายสุดท้าย ก่อนจะมีบางอย่างลอยมาบนถนนและพุ่งตรงเข้าหาตัวเขา มันทะลุผ่านกระจกหน้ารถและกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขาอย่างจังก่อนมันจะตกไปอยู่ที่เบาะข้าง ๆ ตัวเขา ถ้าจำไม่ผิด มันมีลักษณะคล้ายหัวของค้อน
เขารู้สึกได้ว่าลมหายใจของเขาแผ่วลงทันที ตามมาด้วยการเสียการควบคุมรถ
มารุเหยียบลงไปที่เบรกและหันหัวรถขึ้นไปบนทางเท้าโล่ง ๆ เพราะเขาต้องทำให้ผู้โดยสารปลอดภัย และ ณ เวลานั้นการทำให้รถหยุดบนทางเท้าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว จากนั้น… ก็ว่างเปล่า พอรู้สึกตัวเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่แล้ว ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นอย่างหนึ่ง
“ผู้โดยสาร… ปลอดภัยดีรึเปล่า?” เขาถาม
“ค่ะ เพราะคุณ ทุกคนถึงรอดชีวิตมาได้ ถ้าคุณยอมแพ้กลางทางคุณคงจะพารถประสานงากับรถบรรทุกและทำให้ทุกคนต้องเสียชีวิต” หญิงสาวตอบกลับ
พอได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้มารุรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย “ค่อย… ยังชั่ว”
แต่ก็ไม่มาก เพราะถึงเขาจะช่วยคนอื่นไว้ได้ แต่ตัวเองกลับต้องตาย ใครจะคอยดูแลภรรยาและลูกสาวของเขาต่อล่ะ ตอนนั้นเองที่เขาได้นึกถึงประกันชีวิตที่ทำไว้
“500 ล้านวอนน่าจะช่วยลูกผมได้บ้าง จนกว่าเธอจะโตใช่ไหมครับ?”
หญิงสาวยิ้มให้กับคำพูดของเขา “คงห่วงครอบครัวสินะคะ”
“ครับ ลูกสาวผมกำลังจะเข้ามัธยมปลาย ถึงผมจะไม่เคยให้อะไรลูกได้เพราะความจน แต่ด้วยเงินก้อนนั้น…” มารุเช็ดน้ำตาที่คลอขึ้น
“คุณฮาน” หญิงสาวเรียก
“ครับ?” เขาขานตอบ
“คุณอย่างลองใช้ชีวิตดูอีกครั้งไหมคะ” มารุอึ้งไปพักหนึ่งหลังได้ยินคำพูดนั้น