ลี ซุนจี แม่ของมารุตื่นเช้าขึ้นด้วยเสียงของนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ สามีของเธอนั้นไม่อยู่บ้านเพราะทำงานกะดึก เธอพับเก็บที่นอนของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัวไปพร้อม ๆ กับท่าทางบิดขี้เกียจ วันนี้เป็นวันที่มารุและบาดะจะเริ่มไปโรงเรียนกันอีกครั้ง มารุ ในโรงเรียนแห่งใหม่ ส่วนบาดะ ในห้องเรียนใหม่ เธอคิดถึงหน้าลูกที่ยังหลับไหลพร้อมนำข้าวที่แช่ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาใส่ในหม้อหุง ตอนนั้นเองที่มารุได้เดินออกมาจากห้องพร้อมท่าทางสดชื่น
“ตื่นแล้วเหรอครับแม่?” เขาถาม
“หา…” ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดเพราะขึ้นมา? ซุนจีจ้องมองไปด้วยความสงสัย
“อ่า ตื่นแล้วเหรอ” มารุรีบแก้ไขคำพูดของตัวเองด้วยการพูดห้วน ๆ แทน
“แน่สิ แม่ต้องทำอาหารเช้านะ ลูกล่ะ ทำไมถึงตื่นเร็วนัก?” เธอถามกลับ
“แค่เหมือนว่าผม… จะรู้สึกประหม่า” เขายอมรับออกมา ซุนจีนึกสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ ลูกชายตัวดีถึงได้เริ่มพูดสุภาพขึ้นมา หรือว่าเขาอยากจะเปลี่ยนวิธีพูดเพราะเข้ามัธยมปลายแล้ว? เธอคิดติดตลก เพราะเธอเป็นคนตลกมากพอ ๆ กับที่เป็นคนทะนงตน
“ไปล้างหน้าล้างตาไป กว่าข้าวจะเสร็จคงอีกนานอยู่”
“ได้ครับ ไม่สิ ได้”
ซุนจีทำหน้าฉงนจ้องมองดูลูกชายเดินเข้าห้องน้ำไป
* * *
“อึดอัดเป็นบ้า” มารุบ่นกับตัวเองเบา ๆ ความทรงจำของเขาหายไปเกือบหมดแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังจำหลาย ๆ เรื่องได้อยู่ เขาจะรู้สึกแปลก ๆ ถ้าต้องคุยกับแม่ด้วยคำพูดห้วน ๆ แล้วมันตอนไหนกันนะ ที่เขาเริ่มเปลี่ยนวิธีพูดกับแม่ให้เป็นคำพูดสุภาพ
“พอลองมานึกดู น่าจะเป็นตอนที่เริ่มทำงานล่ะมั้ง” เขาเริ่มใช้คำพูดสุภาพกับพ่อแม่ของตัวเองหลังจากได้รู้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมจริง ๆ มันยากลำบากแค่ไหน
“แม่ครับ แม่ พ่อครับ พ่อ” มารุเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับการพูดแบบห้วน ๆ เร็วกว่าที่คิด เยี่ยม มันสมบูรณ์แบบ
เขาล้างหน้าและหัวของตัวเอง ตัวเขาต้องอมยิ้มหลังจากเห็นว่าน้ำใช้เวลาทำความร้อนถึง 20 วินาที เรื่องแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกได้จริง ๆ ว่าเขากลับมาในอดีต มารุเดินออกมาจากห้องน้ำและพบแม่ของเขากำลังทำซุปอยู่ มาถึงตอนนี้เขาจึงเข้าใจว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้มีแรงตื่นมาทำอาหารเช้าให้พวกเขาได้กินทุกวัน
เพราะแม่ของเขาแค่ต้องการให้ลูก ๆ ได้เจอวันใหม่ที่สดใส ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
“ให้ช่วยไหม?” หลังเห็นแม่ของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เขารู้สึกอยากช่วยขึ้นมา
“ไม่เป็นไร รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้ไปแม่ก็ไม่เพิ่มเงินค่าขนมให้หรอกนะ”
“รู้ได้ไงเนี่ย?”
“เพราะแม่เป็นแม่ไงล่ะ” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
มารุเปิดตู้เย็นพร้อมพยายามกลั้นหัวเราะไปด้วย ในตู้นั้นเขาเห็นเบียร์ของพ่อและน้ำลูกพลัมกับราสเบอร์รี่ของแม่ เขาคิดถึงภาพแบบนี้เอาเสียมาก ๆ ทางด้านแม่ของเขากลับมองมาด้วยความประหลาดใจหลังเห็นเขานำน้ำเชื่อมผสมกับน้ำและดื่ม
“นึกว่าไม่ชอบของแบบนี้เสียอีก” เธอกล่าว
“เหรอ?” เขาถามกลับ
“เวลาแม่ทำให้เมื่อไหร่ ลูกก็ถามหาแต่โซดานะ” จริงด้วย เขาจำได้ว่าเขาเคยเกลียดมันเพราะมันทำให้น้ำอุ่นมีรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานแปลก ๆ เขาจึงตัดสินใจที่จะหาคำมาแก้ตัว
“ลิ้นผมคงรับรสชาติเปลี่ยนไปล่ะมั้ง” มารุตอบกลับไปด้วยท่าทางมีความสุขก่อนจะจิบมันอีกครั้ง ถึงเขาจะไม่สามารถอธิบายมันได้ แต่น้ำเชื่อมพวกนี้มันส่งผลดีต่อผู้ชาย เขารู้สึกได้
“นี่ลูก ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ไปปลุกบาดะให้แม่หน่อยสิ” แม่เขาขอ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว ได้เวลาเตรียมตัวไปโรงเรียน
“ได้”
“อย่าไปเตะน้องอีกล่ะ” เธอเตือน
“รู้แล้วน่า” มารุตอบกลับไปอย่างส่ง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของน้องสาว น้องสาวของเขาห่อตัวเองไว้ในผ้าห่มราวกับว่าเป็นหนอนดักแด้
‘จะว่าไป หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยสินะ‘ เขาคิด
น้องสาวของเขาในอนาคตจะต้องประสบกับการหย่าร้าง มันเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น แต่เขาก็ไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่าน้องสาวของตัวเองจะต้องมาเผชิญกับมัน ก่อนหน้านั้นสมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เขากับน้องสาว นาน ๆ ทีจะชวนกันออกไปเที่ยวดูหนัง แต่หลังจากที่เธอย้ายออกไปอาศัยอยู่ตัวคนเดียวพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จะได้เจอกันจริง ๆ ก็แค่ตอนงานวันรวมญาติ เขาก็ไม่ได้ไม่ถูกกับเธอหรือเกลียดกันอะไรแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้สนิทเช่นกัน คงบอกได้แต่ว่า ความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ
เธอนั้นหายตัวไปเลยหลังจากมีเรื่องการหย่าร้าง ถึงแม้จะมีการโทรกลับมาหาครอบครัวบ้างเวลาใกล้วันรวมญาติ และเรื่องสุดท้ายที่เขาได้ยินเกี่ยวกับน้องสาว ก็คงเป็นเรื่องที่แม่ของเขาเล่าให้ฟังว่าเธอกำลังคบกับผู้ชายคนใหม่อยู่ มารุชะงักไปพักหนึ่งหลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเขาควรจะเรียกน้องสาวว่าอย่างไรดี ตัวเขาที่อายุ 45 คงจะเรียกเธอแค่ว่า ‘แก‘
‘แต่ตัวฉันในตอนนี้… ‘ มารุที่เพิ่งจะเข้ามัธยมปลายนั้น เขาจำได้ชื่อหนึ่งอย่างขึ้นใจ
“อ้วน” เขาเรียกพร้อมกับเตะเข้าที่เท้าของน้องสาวเบาๆ เขารู้สึกผิดทันทีหลังจากทำลงไป แต่เขาคงเปลี่ยนนิสัยของตัวเองไม่ได้ง่าย ๆ ใช่แล้ว เพราะเขาคือมารุตอนอยู่มัธยมปลาย
“อา อะไร” บาดะ จ้องมาที่มารุด้วยดวงตาที่ยังลืมไม่ค่อยขึ้นของเธอ ก่อนจะหันหน้าลงไปซุกในหมอนอีกครา มารุคิดจะเตะเธออีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจก้มไปที่หน้าของเธอแทน
“ตื่น เช้าแล้ว”
“อ่า ให้ตาย”
มารุจ้องมองไปที่หน้าของน้องสาว หน้าตาแบบนี้เองสินะ เพราะตัวเขาจำหน้าตาของเธอในอนาคตได้ไม่ค่อยชัดเจน มารุจิ้มไปที่หน้าผากของเธอ เพราะเธอนั้นดูน่ารักเกินกว่าจะห้ามมือไว้ได้
“อ่า ให้ตาย พี่ก็เอาด้วยเหรอ” บาดะลุกขึ้นก่อนจะตะคอกใส่เขา มารุรีบหนีออกจากห้องทันที ก่อนที่น้องสาวของเขาจะขึ้นเสียงไปมากกว่านี้ อารมณ์ร้อนของเธอนั้นเป็นสิ่งเดียวที่อยู่กับตัวเธออย่างคงทนถาวรไปตลอดชีวิต
‘อ่า คงเพราะงั้นสินะ เพราะแบบนั้นถึงต้องหย่ากับสามีสินะ‘ เขานึกขึ้นพร้อมหนีออกมาจากห้อง
มารุนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะเห็นบาดะออกมาจากห้องด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“แม่ พี่ตีหนูอะ” เธอบ่น
“งั้นทีหลังก็ตื่นให้ตรงเวลาสิ”
แม่ของเขาตอบกลับไปอย่างไม่ใยดี บาดะที่รู้ตัวว่าเถียงสู้แม่ไม่ได้จึงมุ่งตรงเข้าห้องน้ำไปแทน
“เตะน้องอีกแล้วเหรอ?” เธอถาม
“เปล่า” แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ แถมจริง ๆ แล้วมันยังไม่ได้ผลอีกต่างหาก
“ทำตัวใจดีกับน้องหน่อยไม่ได้เหรอ? เมื่อก่อนเดินไปไหนมาไหนกุมมือกันไว้แน่นตลอดเวลาแท้ ๆ ”
“ผมเนี่ยนะ” มารุพยายามมองย้อนไปในความทรงจำของตัวเอง มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? เขาจำได้ลาง ๆ ว่าเขามักจะเดินกุมมือน้องสาวของเขาไปไหนมาไหนด้วยกัน พวกเขามักไปที่เกมอาร์เขตหรือขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน
‘จริงด้วย… และเขาก็เคยพลัดหลงกับเธอไปครั้งหนึ่ง‘ มารุยิ้มขึ้นหลังจากนึกถึงความหลังตอนนั้นได้
“มีอะไร?” แม่ของเขาถาม
“เปล่า แค่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ น่ะ” เขาหยุดไปพักหนึ่งราวกับกำลังคิดถึงมันอยู่ “ตอนนั้นน่ะ ตอนที่ผมหลงกับบาดะ”
“อ่า ตอนนั้น” ดูเหมือนว่าเธอเองก็ยังจำมันได้ “ตอนนั้นลูกร้องไห้เยอะเลยนี่ เพราะหาน้องไม่เจอ”
“เหรอ?”
“แน่สิ ยังไงก็เถอะ นี่ กินข้าวก่อนไปนะ เตรียมกระเป๋าไว้แล้วใช่ไหม?”
มารุพยักหน้ารับ
“อย่าไปกวนครูเขามากล่ะ หาเพื่อนใหม่ด้วย เพราะตอนมัธยมปลายนี่แหละที่จะได้เจอเพื่อนแท้”
“รู้แล้ว ๆ ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ”
“ยังเด็กสิ และก็อย่าไปคบคนแปลก ๆ ล่ะ เข้าใจไหม?”
มารุพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เธอพูดถูก
ตอนนี้ เขาเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น
* * *