ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 13 ตอนที่ 2
โดวุคจ้องตามหลังมารุไปสักพัก ก่อนจะเดินกลับมาหาเพื่อน ๆ
“มันมาทำไมวะ?” เพื่อนของเขาถาม
“ไม่รู้สิ อยู่ดี ๆ ก็มาหาเรื่อง”
“มันว่าไง?”
“พูดเรื่องจี้เสื้อผ้าเป็นรูอะไรสักอย่างนี่แหละ”
“อ่อ หะ เรื่องนั้นอะนะ?”
เพื่อนของเขาคนหนึ่งดูเหมือนจะรู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร เด็กหนุ่มคนนั้นใส่หมวกไหมพรมคลุมหัวไว้ นั่นทำให้เขาดูเหมือนเป็นพ่อค้าอะไรสักอย่างในสลัม
“แกรู้เรื่องอะไรเหรอ?”
“แกสูบตัวเดียวแล้วก็ออกไปใช่ไหมล่ะ? เพราะจะไปห้องน้ำ”
“เออ”
“ตอนนั้นเราก็กำลังจะออกไปเหมือนกัน แต่เหลือบไปเห็นชุดที่มุมห้องเข้า พอลองเดิน ๆ ดู ก็เลย…”
เขาหันไปมองเพื่อน ๆ ด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ คนทั้งกลุ่มต่างพากันหัวเราะชอบใจ โดวุคเองก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“เลยไปจี้จนเป็นรู?”
“เออ ไม่งั้นมันก็ไม่สวยดิ”
“ใช่เลย”
เพื่อน ๆ ของเขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนก่อนจะตะโกนไปทางมารุ
“เฮ้ย ฮาน มารุ พวกเราทำเอง”
เขาเห็นมารุหันกลับมามอง โดวุคเองก็หันไปมองที่เพื่อน ๆ ด้วยความงุนงงเช่นกัน ทำไมไอ้โง่นี่ถึงต้องไปบอกมันด้วย เพื่อน ๆ ของเขาหันมายิ้มให้
“อะไร? น่าสนุกออก”
“สนุกก็เหี้ยแล้วไอ้ควายเอ้ย”
“…อะไรวะ? อยู่ดี ๆ มาเรียกคนอื่นว่าควายงี้ได้ไง? อะไร แกกลัวมันเหรอ?”
กลัว? โดวุคขว้างบุหรี่ลงพื้น เขารู้สึกแย่สุด ๆ เขาอยู่กับพวกนี้มาได้เกือบอาทิตย์แล้ว เหตุผลเดียวที่เริ่มคุยกันก็เพราะมันให้บุหรี่ฟรีเท่านั้น เพราะถ้าเขาไม่มีกลุ่มอยู่มันจะดูโง่ ๆ
“ว่าไงนะ?”
“อะไร โดนด่าควายใครก็ต้องโกรธปะวะ?”
เด็กหนุ่มใส่หมวกไหมพรมก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นเหมือนกัน เพื่อน ๆ อีกสามคนในกลุ่มที่เพิ่งจะหัวเราะด้วยกันเมื่อครู่ หันมองหน้าระหว่างสองคนก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปทางเจ้าหมวกไหมพรม
“เหอะ ถามจริง”
โดวุคพยายามกดความโกรธของตัวเองเอาไว้ เขาไม่อยากจะมีเรื่องที่โรงเรียนนี้ เขาตัดสินใจแบบนั้นมาแต่แรก ตัดสินใจว่าจะพยายามตั้งใจเรียนและไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นั่นคือเป้าหมายชีวิตมัธยมปลายของเขา
“กลัวเหรอวะ?” เจ้าหมวกไหมพรมถามเย้ย
มันยิ่งทำให้โดวุคกดความโกรธของตัวเองไว้ยากยิ่งขึ้น
“เห้ย ๆ พอเถอะน่า”
“โดวุคใจเย็นเพื่อน”
“เออ โดวุค จะโกรธอะไรนักหนา ไปร้านเกมกันปะ?”
อีกสามคนพยายามจะปลอบให้เจ้าหมวกไหมพรมใจเย็นลง พร้อมใช้คำพูดเบา ๆ ทำให้โดวุคใจเย็นลงเช่นกัน เจ้าหมวกไหมพรมบอกว่า ‘ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย ก็หมอนี่มันทำท่ากลัวเกินเหตุก่อนนี่’ คำพูดนั้นทำให้สายตาของโดวุคจ้องมองไปที่ปลายคางของเด็กหนุ่ม ถ้าเขายัดหมัดเข้าไปตรงนั้น หมอนี่คงจะร่วง ใช่ ในหมัดเดียว เขาจำได้ว่าบ้านของเจ้าหมวกไหมพรมนั้นรวย แต่ก็ช่างมัน การสั่งสอนไอ้โง่นี่ต้องมาก่อน ขณะที่เขากำลังสะบัดไหล่เพื่อง้างหมัดนั้นเอง
“พวกแกทำเหรอ?”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา มันคือเสียงของมารุ ทำไมเขาไม่รู้ตัวเลยนะว่าหมอนี่เดินมาข้างหลัง? แต่คนอื่น ๆ ก็รู้ตัวกันหมด
“ก็นึกว่าเป็นขยะไง ใช่ปะพวก?” เจ้าหมวกไหมพรมพูดก่อนจะยิ้มชั่ว ๆ ออกมา
“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ? กับของ ๆ คนอื่น?”
“ก็นึกว่าเป็นขยะไง หูหนวกเหรอวะ?”
เจ้าหมวกไหมพรมก้าวเดินออกมาด้านหน้า โดวุคเองก็เช่นกัน แต่มารุจับไหล่ของโดวุคไว้
“เหรอ” มารุกล่าว
โดวุคพยายามสะบัดตัวออกจากการจับของมารุ แต่มารุนั้นจับไว้แน่นกว่าที่เขาคิดมาก มารุลากโดวุคไปจนถึงจักรยานของตัวเอง ระหว่างทาง โดวุคพูดอะไรไม่ออก เพราะการโดนลากไปแบบนี้ สำหรับเขาแล้วมันช่างน่าอาย
“แกไม่รู้สินะ?” มารุถาม
“หะ?”
“ว่าพวกนั้นทำ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ?”
“เกี่ยวสิ เพราะแกไม่ได้ทำไง”
“เฮ้ย”
โดวุคตะโกนใส่หน้ามารุ หมอนี่มันจะเมินเขามากเกินไปแล้ว ตอนที่กำลังจะตะโกนขึ้นเสียงใส่นั้นเอง เขาก็ถูกขัด
“แกน่าจะลองหาเพื่อนที่ดีกว่านี้นะ เพื่อนสมัยมัธยมน่ะจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เมื่อกี้อดทนได้ดีมาก เห็นไหล่กระตุกตั้งหลายรอบ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงได้ต่อยไปแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่แล้ว ฟัง—“
“เมื่อกี้ดูเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ คนที่มีความอดทนน่ะคือผู้ใหญ่ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ วันนี้มันหนาว กลับระวังด้วย”
โดวุคมองตามมารุ หลังเขาปั่นจักรยานออกไป
“เฮ้อ”
เขาไม่ทันจะพูดอะไรออกมาสักคำ อะไรของมัน…
“เหี้ย”
เขาเตะหินที่อยู่ข้างหน้า ก่อนจะออกเดิน เขาคิดว่าวันนี้จะกลับบ้านก่อน เพราะถึงกลับไปหา ‘เพื่อน’ ตอนนี้ก็มีแต่เรื่อง อีกอย่าง…
“ทำไมมันไม่ฟังคนอื่นพูดเลยวะ…”
น่ารำคาญเป็นบ้า
สายลมเย็น ๆ พัดโบก แต่จิตใจของเขากลับรุ่มร้อนดั่งเปลวไฟ สุดท้ายโดวุคก็ตัดสินใจแวะซื้อไอศกรีมระหว่างขากลับ
* * *
หลังกลับมาถึงบ้านมารุได้แต่นั่งคิด จะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี? เขาจะบอกครูไปก็ได้ แต่ครูแทซิคก็คงได้แค่ไปทำโทษพวกนั้น
‘แต่เราเป็นเด็กมัธยมปลายนะ’
เด็กมัธยมนั้นก็มีกฎของตัวเอง การเอาผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องน่ะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ยิ่งกับปีหนึ่งแล้วด้วย อีกอย่างจุงฮยุกก็บอกไว้ว่าไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต
“ชื่อเสียงของชมรมแย่… เหรอ”
ถ้าเรื่องออกมาผิดพลาด ชมรมอาจจะโดนกล่าวหาแทนก็ได้ ตอนนี้พวกครูจึงพึ่งพาไม่ได้ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?
“หรือจะปะมันเองดี?”
เสื้อผ้านั้นมีทั้งหมดห้าชุด และบางชุดก็เป็นแบบเดรสที่ซ่อมได้ยาก หรือจะเอาผ้ามาปะไปเลยดี? แล้วยังไงต่อ? ปล่อยเรื่องนี้ไป? หรือจะไปบอกคนอื่นดี?
การปล่อยเรื่องผ่านไปมันคงจะเป็นหนทางที่ง่ายที่สุด แต่เขาก็ไม่อยากให้มันผ่านไปเฉย ๆ ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเคาะที่หน้าห้อง คงเป็นน้องสาวของเขา จริง ๆ ด้วยสินะ เขาเห็นใบหน้ายื่นเข้ามามองจากประตูห้อง
“ขอเล่นคอมหน่อยได้ไหม?”
มาพร้อมคำถามเดิมด้วย
“ใช้สิ”
“…จริงเหรอ?”
“อะไร ต้องให้ย้ำเหรอ? ใช้ไป”
“ไม่เล่นเกมเหรอ?”
“ไม่”
ตอนนั้นเอง สายตาของน้องสาวได้เปลี่ยนไป ราวกับว่าเธอกำลังมองเอเลี่ยนอยู่ก็ไม่ปาน
“อะไรล่ะ สรุปไม่เล่นเหรอ?” มารุถาม
“เล่น”
มารุเดินส่ายหัวออกจากห้องไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแทน