ข้ามเวลาล่าฝัน – บทที่ 14 ตอนที่ 1

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 14 ตอนที่ 1

 

แม่ของมารุ ลี ซุนจี ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของตัวเองด้วยความตกใจ เธอยื่นมือไปควานหารีโมททีวีทันที เมื่อเธอกดเปิดขึ้น ทีวีก็มีภาพฉายออกมาพร้อมเสียงปี๊บ

 

“ทำยังไงดีเนี่ย…”

 

เวลา 7.50 บาดะยังดีเพราะเธอเดินไปโรงเรียนแค่ใกล้ ๆ แต่มารุ…

 

“ทำไมนาฬิกาถึงไม่ปลุกนะ?”

 

มารุจะต้องโกรธเธอมากแน่ ๆ เธอจึงรีบเดินออกจากห้องไป แต่ก็ต้องพบกับมารุที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่

 

“ม-มารุ?”

 

“ตื่นแล้วเหรอแม่? ผมทำข้าวเช้าไว้ให้แล้ว เดี๋ยวมากินสักหน่อยนะ”

 

มารุชี้ไปที่ข้าวสวยในจาน ซุนจีได้แต่พยักหน้ารับด้วยความมึนงง

 

“บาดะล่ะ?”

 

“นั่งอยู่นั่นไง”

 

บาดะกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับทานแอปเปิลไปด้วย เธอหันมาเห็นว่าแม่ของเธอกำลังมองมาด้วยตาที่กระพริบถี่ ๆ

 

“ตื่นแล้วเหรอแม่?”

 

“อ่า กินข้าวรึยัง?”

 

“อืม พี่ทำให้กินแล้ว”

 

“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว”

 

เธอนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน และมารุก็นำน้ำอุ่นมาวางไว้ให้ ทำให้เธอยิ่งทำหน้างงหนักไปกว่าเดิม

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

“เปล่า… แม่แค่ตกใจ”

 

“ตกใจเรื่องอะไร? ผมไปก่อนนะ ถ้าอยากได้ซุปผมทำคาไว้ที่เตานะ”

 

“ซุป? ซุปอะไร?”

 

เธอหันมามองด้วยความประหลาดใจ

 

“แค่ซุปสาหร่ายธรรมดา ๆ ไม่มีเวลาพอจะทำอย่างอื่นหรอก ถ้าแม่ไม่ชอบก็ทิ้งไว้นั่นแหละ เดี๋ยวผมกลับมากิน”

 

เมื่อนาฬิกาปลุก ปลุกเขาขึ้นมาในตอนเช้า มารุได้เดินเข้าไปในครัว แต่ก็ไม่พบแม่ของตัวเอง เขาจึงเข้าไปส่องดูในห้องของแม่ แล้วก็พบว่าเธอยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ถ้าเป็นเขาสมัยวัยรุ่น เขาคงพยายามเข้าไปปลุกเธอให้ตื่นมาทำกับข้าวให้กิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาลงทำอาหารเช้าที่เคยทำมาบ้าง พร้อมน้ำซุปสาหร่าย ถึงมันจะไม่อร่อยเท่าที่ภรรยาของเขาเคยทำให้ทาน แต่ก็ยังพอกินได้ อย่างน้อย ๆ น้องสาวของเขาก็กินไปโดนไม่บ่นอะไรออกมา

 

“งั้นไปก่อนนะ” เขากล่าว

 

“…อ่า ระวังรถด้วยนะ” เสียงของแม่ยังฟังดูมึนงง มารุโบกมือลาและออกมานอกบ้าน ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคมแล้ว แต่อากาศก็ยังไม่อุ่นขึ้นสักนิด มารุยังเห็นน้ำแข็งเกาะที่กระจกหน้ารถ รถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ บ้าน เขาได้แต่หวังว่าอากาศอุ่นขึ้นเร็ว ๆ แต่เหมือนท้องฟ้าจะไม่เป็นใจ

 

มารุใส่ถุงมือก่อนจะออกแรงถีบ เสียงเพลงดังกรอกในหูของเขา นี่คือเส้นทางที่เขาใช้มาถึงสามปี และเป็นเส้นทางที่เขาจะใช้มันอีกสามปี หลังถีบผ่านร้านค้าที่คุ้นเคย ต้นไม้ที่คุ้นตา ผู้คนที่คุ้นหน้า ในที่สุดเขาก็มาถึงโรงเรียน ระหว่างทางเขาเห็นนักเรียนหลาย ๆ คนหันมามองทางเขา

 

“น่าอิจฉาฉิบหาย ใส่ชุดธรรมดาไปโรงเรียน”

 

“เกลียดเครื่องแบบที่สุดเลย”

 

รอก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกแกก็จะได้รู้ถึงความเยี่ยมยอดของเครื่องแบบเอง

 

ตอนที่มารุลงจากจักรยานของตัวเอง เขาก็ได้เดินผ่านเด็กนักเรียนหลายคนที่กำลังพยายามจะปีนรั่วเข้าโรงเรียน อ่า ผมตั้ง ๆ แบบนั้น… ครูฝ่ายปกครองคงได้ลงโทษพวกเขาแน่ อย่างน้อย ๆ ก็คงจับตกกะโหลกสักทีสองที แต่มารุไม่มีปัญหาเรื่องนั้น เพราะการมีผมสั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เข้าโรงเรียนด้วยทางด่วนเลย

 

“อรุณสวัสดิ์ครับครู”

 

“อ่า”

 

มารุผ่านครูฝ่ายปกครองมาอย่างง่ายดาย เขาเดินจูงจักรยานไปที่จอด ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ อ่า นั่นมันเสือหมอบที่เห็นเมื่อวันก่อนนี่นา ในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าเจ้าของเสียที

 

“อ่า แกเอง” มารุทำหน้าตะลึงหลังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเจ้าของจักรยาน มันคือโดวุค ผู้ที่เมื่อเห็นมารุแล้วก็รีบทำหน้ามุ่ยทันที

 

“อะไร?”

 

“แค่คิดว่าจักรยานสวยดี อย่าทำหายล่ะ”

 

“…”

 

โดวุคยิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหนักกว่าเดิม แต่มารุก็เดินหนีไปก่อนเด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกมา มารุได้ยินเสียงโดวุคเก็บจักรยานเข้าที่ด้วยความรุนแรงตามหลังมา

 

มารุเดินขึ้นบันไดที่อยู่ทางปีกขวาของตึก เพื่อขึ้นไปยังห้องเรียนของตัวเอง ในห้องมีสภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครสนิทกับใคร

 

“มาแล้วเหรอ?”

 

“เออ”

 

โดจินทักทายเขาด้วยการโยนลูกอมให้ อ่า วันนี้รสสตรอเบอร์รี่สินะ

 

“กินทุกวันแบบนี้ระวังฟันหลอนะ”

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันแปรงฟันสามเวลาหลังอาหาร”

 

“ทำการบ้านมาปะ?”

 

“ไม่ ฉันเอาเวลาไปเตรียมสินบนมาให้แกนี่ไง ขอลอกหน่อยได้ปะ?”

 

“สินบน? ลูกอมแค่เนี่ยอะนะ?”

 

“เอาเพิ่มปะล่ะ?” โดจินถามพร้อมอมยิ้ม มารุจึงปาสมุดการบ้านให้ เดมยังกับพวกก็เดินมาหาเขาจากแถวหน้าเช่นกัน

 

“น-นี่ มารุ ขอดูด้วยได้ปะ?” เขาถาม

 

“ไม่ได้”

 

เดมยังทำหน้าเศร้าทันที หมอนี่มักจะรับมุกไม่เคยทัน มารุจึงบอกต่อไปว่าแค่ล้อเล่น ทำให้เด็กหนุ่มยิ้มขึ้นมาได้ เด็กคนอื่นที่มากับเดมยังเองก็มองมาที่มารุด้วยความคาดหวังเช่นกัน

 

“เฮ้ย ฉันต้องจ่ายสินบนนะเว้ย” โดจินตะโกน และยกสมุดของมารุขึ้นสูง มารุจึงแย่งมาและโยนไปทางพวกเดมยัง

 

“แค่อย่าลอกให้เหมือนมากก็พอ” เขาย้ำ

 

ใครจะไปคิดล่ะว่าวันนี้จะมาถึง เพราะสมัยเรียนเขาไม่เคยคิดจะทำการบ้านด้วยตัวเองเลย ที่มีส่งได้ก็เพราะอาศัยคอยลอกเพื่อนหรือจะทำเองจริง ๆ ก็ต่อเมื่อโดนด่าเท่านั้น แบบนี้คงหวังเกรดบีได้อยู่

 

* * *

Comment

Options

not work with dark mode
Reset