ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 17 ตอนที่ 2
“จริงดิ?”
“ก็ มันต้องมีคนคอยดูแลเรื่องเวทีและบทของทุกคนใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็จะขึ้นเวทีไปเป็นตัวประกอบบ้างเป็นครั้งคราวแหละ”
“ไม่อยากเป็นตัวเอกเหรอ?”
“ไม่นะ แค่นี้ก็สนุกพอแล้ว”
เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ แค่ได้มานั่งคิดนั่งคุยกับเด็กคนอื่นแบบนี้ก็ทำให้เขาสนุกมากพอแล้ว การใช้ชีวิตให้สนุก ไม่ได้หมายความว่าต้องไปยืนอยู่กลางแสงไฟตลอดเวลา มารุอยากเป็นคนที่มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตได้ คนที่ไม่ต้องทิ้งความจริงแล้ววิ่งตามความฝัน
‘หรือเราอาจจะแค่ปอดแหกก็ได้’
แต่ก็ช่างมัน ถ้าจะมีเรื่องอะไรที่ชีวิต 45 ปีได้สอนเขามา นั่นก็คือการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย เขายังจำเจ้าเหล็กที่ปลิวมาชนอกของเขาได้ดี ความรู้สึกที่เสียเลือดไปจากตัว เขายังจำได้ดีว่าหลังถูกกระแทกเข้าไปแค่ไม่กี่วินาที มันทำให้เขารู้สึกเวียนหัวอยากอ้วกขึ้นมาแค่ไหน
“เป็นไรไป?” แทจูนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มารุแค่บอกลับไปว่า ‘กัดลิ้นน่ะ’
“ฉันคิดแบบนี้แหละ”
การสนทนาจบลง เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ช่วยให้พวกเขาสนิทกันได้ดีขึ้น ตอนนั้นเองที่ประตูห้องชมรมเปิดขึ้นพร้อมใบหน้าของครูแทซิค ที่ปรึกษาเดินเข้ามาพร้อมพวกรุ่นพี่ที่ถือถ้วยชามมาเต็มไม้เต็มมือ
“ไม่โดนจับได้ใช่ไหม?” แทซิค ครูที่ปรึกษาหันไปถาม
“ครับ เราน่าจะรอดมาได้” รุ่นพี่ตอบกลับ ทำให้แทซิคถอนหายใจออกมายาว ๆ
“รอกันนานไหม?”
“ไม่ครับ”
“งั้นมากินกันก่อนเถอะ ครูรู้ว่ามันเลยเวลาพักเที่ยงมาแล้ว แต่พวกเรายังวัยรุ่น”
“โห ครูซื้อพวกนี้มาหมดเลยเหรอครับ?” โดจินถาม ทำให้แทซิคพยักหน้ารับ
“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ”
สมาชิกชมรมช่วยกันปิดประตูลง และเริ่มลงมือทานอาหารกัน บรรยากาศเก้ ๆ กัง ๆ นี้ สำหรับมารุแล้วมันก็ดูน่าสนุกเช่นกัน แทซิคเหลือบมองที่ประตูเป็นระยะ ๆ การสั่งอาหารให้มาส่งในโรงเรียนคงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก
“คือ ครูคะ เมื่อกี้เหมือนรอง ผอ. จะเห็นเรา ทำยังไงดีคะ?” ยูนจังถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ไม่ต้องคิดมาก กินกันไปเถอะ นี่อาหารมื้อแรกที่เราได้กินด้วยกันนะ”
และคำพูดนั้นเองที่ทำให้เหล่านักเรียนกล้าลงมือกินกันจริง ๆ จัง ๆ มารุเห็นแล้วก็นึกถึงตอนอยู่ค่ายทหารขึ้นมา หลังจบงานวันกีฬา กองของเขาก็มีงานเลี้ยงบาร์บีคิวให้ทุกคนได้กินอย่างพร้อมหน้าเช่นกัน
“กิน มารุ เดี๋ยวเราจะได้ช่วยกันเก็บกวาด”
“ครับครู”
มารุตอบ ก่อนจะซดเส้นเข้าไปเต็มปาก
* * *
“ไม่มีใครจับได้ใช่ไหม?”
“ครู คิดว่าผมเป็นใครกัน? เรื่องแค่นี้ทำมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วครับ”
“เฮ้อ ถ้ากินกันเสร็จแล้ว ก็ไปชั้นบนกันเถอะ” แทซิคบอกพร้อมลุกขึ้นยืน
“ห้องชมรมเรามันเล็ก เพราะงั้นส่วนมากเราจะไปใช้ห้องประชุมซ้อมแทน ถึงจะยังงั้น มันก็ยังดูแคบอยู่ดี”
“ห้องประชุมเนี่ยนะแคบ? ถามจริง?” โดจินถาม
ห้องประชุมที่ว่านี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในตึกหลักแล้ว คน 12 คนจะต้องไปทำอะไรบนนั้นถึงจะทำให้ห้องดูแคบได้กัน? เหล่าเด็ก ๆ ต่างเดินตามหลังครูที่ปรึกษาขึ้นไปชั้นบน มารุสังเกตเห็นว่าเหล่าอุปกรณ์ประกอบฉากและชุด ต่างถูกคลุมไว้ด้วยผ้าใบ คงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนครั้งก่อน
มารุหันไปเหลือบมองทางจุงฮยุก ผู้ที่ทำท่าทางบอกให้เขาเงียบ ๆ ไว้
“ครูรู้ว่าเราเคยมาที่นี่กันแล้ว แต่ครูขอแนะนำอีกทีแล้วกัน ที่นี่คือหอประชุม ที่ ๆ เราจะใช้เวลาฝึกซ้อมกันไปตลอดทั้งปี จะวื่งหรือตะโกนยังไงก็ได้ แน่นอนว่าห้ามทำตอนเวลาเรียน แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลล่ะก็…”
ฮา ฮา ฮา ฮา
แทซิคตะโกนออกไปราวกับปืนใหญ่ ที่ยิงลูกออกจากปากกระบอก เสียงของเขาดังมาก จนถึงขั้นทำให้ห้องสั่นได้ พวกปีหนึ่งต่างพากันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว มารุเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดว่าคนที่ตัวสูงแค่ประมาณ 160 เซนติเมตรจะมีเสียงที่ดังได้ขนาดนี้
“จะตะโกนดังขนาดนี้ก็ไม่มีปัญหา”
“สุดยอดเลยครู เสียงดังสุด ๆ”
“ถ้าพวกเราฝึก พวกเราก็ทำได้”
แทซิคไอเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“เอาล่ะ ครูขอพูดเรื่องนี้ก่อนอย่างอื่นเลยนะ รู้ใช่ไหมว่าการจ้างครูนอกมาสอนมันต้องใช้เงิน?”
เหล่าปีหนึ่งต่างยืนตัวแข็งทำหน้าไม่ถูกกันทันที หลังได้ยินครูพูดแบบนี้ เว้นแต่มารุกับเกนซุค เพราะมารุรู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ส่วนเกนซุค น่าจะพอรู้อะไรพวกนี้มาแต่แรกอยู่แล้ว
“มันน่าจะเสียประมาณคนละสามหมื่นวอน”
“อะ…”
มีคนส่งเสียงขึ้น ทำให้แทซิคอมยิ้ม
“…แต่เราได้จ่ายค่าจ้างเขาไปแล้ว เรามีงบชมรมเหลือเยอะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไป”
สามหมื่นวอน มันไม่ใช่จำนวนเงินที่นักเรียนจะหามาได้ง่าย ๆ เลย ที่สำคัญ คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะยินดีจ่ายเงินขนาดนั้นให้กับอย่างอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียน ยิ่งถ้าลูก ๆ ของพวกเขา มาเข้าเรียนที่โรงเรียนอาชีวะด้วยแล้ว
“เพราะงั้นตั้งใจเรียนเข้านะ จะได้แสดงกันได้ดี ๆ เข้าใจไหม?”
“ครับ/ค่ะ”
เสียงตอบรับอันหนักแน่นดังก้อง ตอนนั้นเองที่มารุหันไปเห็นสีหน้าของพวกปีสอง ว่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
‘เดี๋ยวนะ ไม่มีทางที่ชมรมชื่อเสียงแย่ ๆ อย่างเรา จะได้งบชมรมก้อนใหญ่มาแน่ ๆ ยิ่งมีสมาชิกกันแค่นี้ด้วย’
เอาล่ะ แปลก ๆ แล้ว สีหน้าของพวกปีสองต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ
แทซิคนั้นใจดีกับพวกเขามาก เขาใจดีสุด ๆ เขาห่วงใยใส่ใจชมรม แถมยังซื้ออาหารมาให้แบบไม่บ่น ถ้างั้น…
มารุเกาแก้มของตัวเอง อย่าบอกนะว่าครูแทซิคใช้เงินตัวเองจ่าย? ไม่มีทางน่า
หืม
มารุตัดสินใจที่จะเฝ้าดูต่อไปก่อน เพราะเขายังไม่อยากพูดอะไรออกไปตอนนี้