ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 18 ตอนที่ 2
ยูนจังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่อยากแพ้ เธอจึงมองตรงไปด้วยความมั่นใจเท่าที่มี ดวงตาของมิโซมาหยุดที่เธอได้พักหนึ่ง ทำให้ยูนจังต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ การสบตากับผู้หญิงคนนี้มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
มิโซเอียงตัวมาด้านหน้า ราวกับกำลังเตรียมตัวแทงเข้ามาทางยูนจัง ทำให้ยูนจังต้องหลับตาลงเพราะความตกใจ
และ…
‘เอ๋?’
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา สายตาของมิโซก็หันไปมองคนอื่นแล้ว
“ชิ” มิโซเดาะลิ้น
เกิดดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนี้เขาต้องการอะไรกัน? ทำไมต้องจ้องกันขนาดนั้นด้วย?
“บางคนก็พอใช้ได้ แต่บางคนนี้ไม่ได้เรื่องเลย”
มิโซลุกขึ้นยืน
“ทุกคน ลุก”
เสียงของเธอดังเสียงยิ่งกว่าแทซิค ดังมากพอที่จะทำให้ใจสั่นได้ สมาชิกในชมรมต่างพากันลุกขึ้นยืน หลังได้ยินคำสั่ง มิโซจ้องมองไปที่แต่ละคนก่อนจะพูดต่อ
“เดี๋ยวมาแนะนำตัวกัน”
* * *
เดมยังเป็นคนแรกที่ถูกเรียกไป เขาดูท่าทางเกร็งเอามาก ๆ ก่อนจะเดินไปถึงเก้าอี้ที่มิโซนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
‘แนะนำตัว?’
มารุเหลือบไปมองที่มิโซ เธอจ้องมองพวกเขามาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว เขายังจำได้ว่าตอนเธอหันมามองเขา มันมีกล่องคำพูดลอยขึ้นมา
[เจ้าเด็กนี่พอใช้ได้ รู้วิธีรับมือ]
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการทดสอบอะไรสักอย่าง ส่วนเดมยังถูกเรียกออกไปก่อนเพื่อน คงเพราะเขาเป็นคนที่อาการหนักที่สุด แน่นอนล่ะเพราะว่าสายตาของมิโซนั้นกดดัน กดดันมากกว่าลูกค้าคนไหน ๆ ที่มารุเคยเจอในชีวิต ไม่มีทางเลยที่คนอย่างเดมยังจะรับมือกับสายตาแบบนั้นได้
“ขึ้นไป”
“อะไรนะครัย?”
“บอกให้ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะ มีหูไหม? ถ้ามีก็ตั้งใจฟัง”
“อ-อะ ครับ”
เขาถูกกดดันอย่างหนัก ตอนนี้สมองของเดมยังคงไม่สามารถจะคิดอะไรได้ มีแต่ความว่างเปล่า เด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าอันว่างเปล่า ดวงตาของเขาสั่นเครือ ไม่รู้ว่าจะต้องไปมองที่ไหน มันเป็นสภาพที่แม้แต่มารุ ที่มองอยู่ข้าง ๆ ยังต้องรู้สึกเกร็งตาม
“ชื่ออะไร?”
“ป-ปาร์ค เดมยัง ครับ”
“อ-อ่า”
“หายใจเข้าลึก ๆ”
“หะ?”
มิโซยิ้มราวกับกำลังโดนดูถูก เธอหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าและทิ่มเข้าไปที่ตัวของเดมยัง ลึกมากด้วย
“โอ้ย”
เดมยังกระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวด
“ใครอนุญาตให้ลง?”
“อ-อะไรนะครับ”
“ใครอนุญาตให้ลงไปได้?”
“ม-ไม่นะ”
มิโซทำท่าทางชี้ไปยังเก้าอี้ เดมยังจึงปีนขึ้นไปอีกคราด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขาเอานิ้วเขี่ยกันไปเขี่ยกันมา ทำให้มิโซยิ่งมีท่าทีรำคาญมากยิ่งขึ้น
“นิ้ว”
“ค-ครับ”
เดมยังยืนตัวแข็งทื่อ มารุเห็นมิโซแล้วก็ทำให้เขาหวนนึกถึงสมัยยังอยู่ค่ายทหาร นี่เป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปเวลาอยู่ในค่าย ถ้าเดมยังยังทำตัวแบบนี้ต่อไป ก็มีแต่ต้องเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่เขาควรทำคือผ่อนคลายร่างกายและอดทดมัน มารุพยายามส่งซิกบอกเพื่อนทางสายตา แต่เดมยังกลับไม่สามารถมองเห็นมันได้ เพราะดวงตาของเขาในตอนนี้ สั่นเทาจนราวกับคนเสียสติ
“เอาล่ะ เงยหน้า ยืดอก” มิโซกล่าว พร้อมกับใช้ปากกาจิ้มเข้าที่ตัวของเดมยัง เจ้าหนุ่มน่าสงสารเมื่อเห็นปากกามาใกล้ก็จะสะดุ้งทุกที
“เดี๋ยวแกจะต้องแนะนำตัว ง่าย ๆ มองไปทางที่ปากกาฉันชี้ และพูด พูดให้คนที่อยู่ด้านหลังที่สุดได้ยิน พูดให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เข้าใจไหม?”
“ค-ครับ”
“เอาล่ะ เตรียมตัวพูดเอาไว้ แกจะต้องพูด 5 นาที คนอื่น ๆ เองก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะ”
5 นาที เธอพูดจริงสินะ เวลาประมาณนี้มันคงไม่นานมากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเดมยังแล้ว มันคงเป็น 5 นาทีที่ยาวนานที่สุดในชีวิต
* * *
‘5 นาที 5? ได้ ได้อยู่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ครบ’
สำหรับเดมยัง 5 นาทีมันฟังดูพอทนได้ หัวใจของเขาเต้นราวกับมันจะระเบิด เมื่อตอนที่เขาก้าวขึ้นเก้าอี้ครั้งแรก แต่ระหว่างที่มิโซหันไปคุยกับคนอื่น ๆ เขาก็ใจเย็นลงได้บ้าง เขาต้องทำให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาพยายามนึกถึงเรื่องที่จะใช้พูด ทั้งชื่อ บ้านเกิด ของชอบของไม่ชอบ พวกเรื่องธรรมดาทั่วไป
“พร้อมแนะนำตัวรึยัง?”
“ครับ”
“งั้น เล่าเรื่องแฮนเซลกับเกรเทลมาใน 5 นาที” มิโซพูดด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ราวกับปีศาจ
เดมยังรู้สึกได้เลยว่าบทที่เตรียมไว้ในหัวหายไปในพริบตาที่ได้ยินคำพูดนั้น สิ่งที่เหลืออยู่ในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่า สมาชิกชมรมคนอื่น ๆ เองก็มองมาที่เขา เสียงหัวใจของเขาเต้นดังขึ้นทุกครั้ง ความประหม่าที่มีกลับเข้ามาหาเขาอย่างถาโถม
“อ่า… เออ… คือ…”
“สิบวินาที”
“ครับ?”
“ผ่านไป 15 วินาที”
“อ-เออ… กาลครั้งหนึ่งมีแฮนเซลและ… เออ… เกรเทล แฮนเซลเป็น… ไม่สิ เกรเทลเป็นพี่… เอ้ย น้อง…”
“เมื่อกี้บอกเกรเทลเป็นพี่ ตอนนี้เป็นน้องด้วยเหรอ?”
“ไม่ คือ… เกรเทลเป็นน้องสาว แล้ว… เกรเทล…”
เขารู้สึกอยากร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้ เขาคงดูเป็นคนโง่เง่าในสายตาของสมาชิกคนอื่น ๆ แค่เรื่องราวพื้น ๆ แค่นี้ยังเล่าไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามพูด ปากของเขาก็ยิ่งแห้ง เขาไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ และหลังจากเวลาอันเนิ่นนานผ่านไป มิโซก็บอกให้เขาหยุด
“หมด 5 นาที ลงมาได้”
ไม่มีการพูดปลอบ ไม่มีแม้แต่สายตาดูถูก เธอเพียงแค่ เมินเขาไปอย่างสมบูรณ์แบบ เดมยังเดินกลับเข้าที่ โดยไม่มีความกล้าพอจะเงยหน้าขึ้นมองใคร