ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 27 ตอนที่ 1
“ฉันอยากจะทําให้ชมรมนี้มันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องการคนที่จริงจังไปกับมันเข้าใจไหม?” เธอพูดต่อหลังจากหยุดสูดลมหายใจ “ชมรมในช่วงมัธยมปลายน่ะมันมีไว้เล่นสนุกฉันรู้ แต่ไม่ใช่ที่นี่ตราบเท่าที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ ฉันต้องการแค่คนที่บ้าคนที่รักการแสดงอย่างบ้าคลั่งถ้าตัวเองไม่ใช่ งั้นก็ยอมแพ้ไปตอนนี้จะดีกว่า”
คําพูดของเธอช่างหนักหน่วง ความหนักหน่วงที่ต่างไปจากหัวหน้าปกติทั่วไป เธอพยายามจะยึดชมรมมันเป็นสิ่งไม่ถูกต้องยิ่งกับคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงเรียนด้วยแล้วแต่เมื่อมารุหันไปมองที่เหล่าปีสองเขาก็เห็นได้ชัดเจนว่าพวกนั้นปิดปากเงียบแม้แต่ยูนจังพวกเขาคุยเรื่องนี้กันมาก่อนแล้วเหรอ?หรือว่า…
จริง ๆ แล้วพวกปีสองอาจจะชอบมิโซก็ได้ ถึงเธอจะมีความคิดเผด็จการ ตัดสินใจจะให้สมาชิกชมรมต้องทรมานพวกเขาได้เจอเรื่องนั้นมากับตัวเมื่อวันอาทิตย์ เหตุผลเดียวที่พวกเขายังทนความเผด็จการของมิโซได้คงมีแค่
ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถ
เธอเริ่มชมรมจากศูนย์ และเข้าชนะงานประกวดแข่งขันระดับประเทศ ไม่ใช่แค่นั้นเธอยังได้เป็นที่ปรึกษาชมรมการแสดงระดับมหาวิทยาลัยพวกปีสองอาจจะไม่ค่อยชอบวิธีการของเธอแต่พวกเขาไม่มีอะไรจะค้านความสามารถอันล้นเหลือของเธอ เพราะพวกเขาเองก็บ้าบ้าที่จะอยู่ในชมรมต่อหลังจากทุกคนออกไปหมดแล้ว พวกเขารักชมรมนี้รักเสียยิ่งกว่าใคร ๆ
บางที่มิโซกับพวกปีสองอาจจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาต่างรักชมรมด้วยกันทั้งนั้นและนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่พวกเขายอมรับวิธีการสอนของเธอได้ก็ได้พวกเขาเดินไปทางซ้ายมืออย่างไม่ลังเลมิโซยืนอยู่ตรงกลางและมีเหล่าปีหนึ่งยืนอยู่ทางขวามือ
“จะขอพูดอีกครั้งนะวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นแค่เศษเสี้ยวที่ฉันจะสอน นั่นคือวิธีที่โหดสุดที่ฉันจะใช้ฝึกร่างกายพวกเธอแต่ยังไงพวกเธอก็ต้องเตรียมตัวไว้ ฉันน่ะมีนิสัยค่อนข้างรุนแรงอย่างที่หลายๆคนอาจจะพอเดาได้ถึงหน้าตาฉันจะสวยขนาดนี้ก็เถอะ”
มิโซยิ้มเธอนั้นมีใบหน้าที่สวยท่าทางเองก็ดูดีแม้แต่ร่างกายก็ได้รูปสัดส่วน แต่ตอนนี้ทุกคนในห้องไม่มีใครมองเธอว่าสวยได้เลยมารุหันไปมองรอบๆตัวและทุกอย่างก็เป็นไปตามคาดทุกคนต่างยืนตัวแข็งที่อ
ยกเว้นคนหนึ่ง
เกนซุคเดินไปยืนทางขวามือเสียตั้งแต่ก่อนมิโซจะพูดจบ เขาหันไปมองมิโซ และมิโซก็พยักหน้ารับรู้
“คนที่คิดจะร่วมทางไปกับฉัน จงเตรียมตัวบอกลาวันหยุดและช่วงพักของตัวเองไปได้เลยคิดดีๆก่อนนะพวกเราจะไม่ได้ไปต่อกันเล่นๆ ฉันต้องการแค่คนที่บ้าการแสดงเท่านั้นถึงจะมาเป็นนักแสดงของฉันได้”
มิโซหันไปมองทางซ้าย
“ฉันจะทรมานพวกคนที่อยู่ทางซ้ายของฉัน แม้จะเป็นผู้กํากับเวทีก็ตาม เพราะการที่บอกว่าจะเป็นผู้กํากับเวทีไม่ได้หมายความว่าจะได้ตําแหน่งนั้นในชมรมไปตลอด”
และเธอหันไปมองทางขวา
“ส่วนคนที่อยู่ทางขวาฉันจะมีขอให้มาช่วยงานบ้าง ทํานี่ให้หน่อยได้ไหม? อันนี้ล่ะ? เรื่องทั่วๆไปพวกนั้นฉันสัญญาเลยว่าพวกเธอจะได้มีชีวิตมัธยมอย่างสนุกสนาน นานๆ ทีก็จะได้มาดูเพื่อนๆแสดงกันบ้างฟังดูไม่เลวใช่ไหม?”
ใบหน้าของเธอนั้นยิ้มแย้ม แต่สายตานั้นไม่ เธอจัดชนชั้นของนักเรียนอย่างชัดเจน คนที่อยู่ทางซ้ายคือสมาชิก “ตัวจริง”คนที่เหลือก็แค่ตัวประกอบ
เหล่าปีหนึ่งต่างมองหน้ากันไปมาเดมยังและโดจินมองหน้ากันและหันมาหามารุ
“ฉันเอานะ เดมยังก็เอา แกล่ะ?”
“ไม่รู้ว่ะ”
“ หมายความว่าไงวะ ไม่รู้ว”
โดจินเดินไปทางซ้ายพร้อมถอนหายใจยาว เดมยังเองก็ค่อยๆเดินไปเช่นกันเหล่าปีหนึ่งต่างพากันทยอยเดินไปทีละคนอิเซเดินไปตามด้วยแทจูนยูริมดูท่าทางลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็เดินตามโซยอนไปจนเหลือมารุอยู่แค่คนเดียว
เขาหันไปมองอีกฝั่ง ทุกคนต่างมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง ละคร จริงๆแล้วเขาค่อนข้างชอบละครเลยเขาได้ดูมันมามากมายหลายเรื่องสมัยที่ยังเป็นผู้จัดการอยู่ เขาถึงขนาดถามนักแสดงหลายๆคนถึงเส้นทางการมาเป็นนักแสดง เขานั้นสนใจเรื่องนี้แน่
แต่แล้วทําไม”
มารุลองมองพิจารณาตัวเองเขาอยากใช้ชีวิตแบบไหน? ชมรมมันน่าจะสนุก สมาชิกเองก็ดูดีเขาจะได้อยู่กับเพื่อนๆแต่การมาเสียเวลาอันมีค่าไปกับชมรมมันจะถูกต้องเหรอ? เขาหันไปหาเพื่อนทั้งสองพวกนี้คงไม่รู้หรอกว่าชีวิตจากนี้ไปมันจะลําบากแค่ไหน
ใบปริญญาน่ะไม่มีค่า ถ้าเราไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยดังๆมา แถมตอนทํางานยังต้องฝึกภาษานั่นทีภาษานี้หน่อย เผื่อไว้ว่าจะได้ใช้มัน
การที่ได้รู้ผลจากการฝึกงานในสัปดาห์สุดนรกว่าคุณไม่ผ่านงานมันเป็นยังไง ได้รู้ว่า “ความฝัน”มันเป็นเรื่องที่โง่เง่าแค่ไหน
นั่นคือชีวิตที่กําลังรอคอยเพื่อนของเขาอยู่
ตอนนี้มารุเองก็พยายามจะอ่านหนังสือเพิ่มหลังจบวัน ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะเป็นนักวิชาการหรืออะไรเพราะเขามีสมองไม่พอจะไปด้านนั้น เขาแค่รู้ว่าเกรดดีๆจะช่วยเพิ่มเส้นทางในชีวิตให้เขา