ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 28 ตอนที่ 1
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 28 ตอนที่ 1
เรียน คุยเล่น และกลับบ้าน นาน ๆ ที่ก็แวะร้านเกมหรือโรงอาบน้ำกับเพื่อนก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือต่อที่บ้าน กว่ามารุจะอ่านหนังสือเสร็จมันก็เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว เขาจะเขียนบล็อกนิดหน่อย เปิดดูอะไรเล่นไปเรื่อย ก่อนจะเข้านอนตอนเที่ยงคืน เขายังได้ยินเสียงพัดลมคอมพิวเตอร์ทํางานอย่างชัดเจน
มารุจ้องมองไปที่หน้าจอคอม ก่อนจะหยิบหนังสือออกมาจากชั้น มันเป็นของที่เขายืมมาจากห้องสมุดใกล้ ๆ เขาพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับพวก “พัฒนาตัวเอง แต่ก็หาเจอไม่มากนัก จะว่าไป หนังสือพวกนั้นมันยังไม่เป็นที่นิยมในช่วงยุคนี้นี่นา
ตอนที่มารุเริ่มทํางานในบริษัทไปจนถึงช่วงที่เขาไปเป็นคนขับรถโดยสาร เขาได้อ่านหนังสือจํานวนมาก มากจนท่วมหัวตัวเอง และการที่ได้อ่านหนังสือพวกการพัฒนาตัวเองเหล่านี้ทําให้เขาได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง
หนังสือเรื่องการพัฒนาตัวเองน่ะ มันก็แค่หนังสือที่เล่าเรื่องราวชีวิตของคนที่ประสบความสําเร็จเท่านั้น
“แต่เราก็อ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี”
หนังสือเล่มหนึ่งที่เขาจําได้ดีเป็นหนังสือจากญี่ปุ่น ชื่อ คนตื่นเช้า มันเป็นค่านิยมในยุคนี้ว่าคนตื่นเช้ามักจะประสบความสําเร็จในชีวิต มารุเปิดอ่านไป ทั้ง ๆ ที่เขาแทบจะจําทุกคําในหนังสือได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงอ่านมันต่อไป
ตอนที่เขาอ่านมันจบ ก็เป็นเวลาเกือบตี 1 แล้ว เขานั่งลงบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป วันนี้เป็นวันที่มีประสิทธิผลมาก ทั้ง ๆ อย่างนั้นทําไม
“ทําไมมันรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?”
ความรู้สึกราวกับว่าเขากําลังอยู่บนทางด่วนโล่ง ๆ เขารู้ดีว่าทางด่วนจะไม่พาเขาอ้อมไปไหนแน่ ๆ ถึงจะรู้อย่างนั้น เขาก็ยังอดมองลงไปที่คนด้านล่าง ที่กําลังขับรถตามทางคดเคี้ยวไปยังคนที่มองชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างสุขสม ลุยไปตามทางที่ถนนพาพวกเขาไป
การไปถึงจุดหมายช้าไม่ใช่ปัญหาสําหรับพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขายังไปถึง ปัญหาเดียวก็คือ..
“เมื่อน้ำมันหมด”
การต้องนั่งมองคนอื่นขับรถผ่านตัวเองไป ขณะที่ตัวเองได้แต่นั่งอยู่ข้างทาง มารุหลับตาลง คราวนี้เขาหลับตาพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ วันนี้เขาก็ได้รับรู้อีกครั้งว่าการมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนบรรยากาศอันเงียบสงบปกคลุมห้องของเขาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งห้องเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตมัธยมปลายได้แล้ว ไม่มีความยุ่งเหยิงใด ๆ เหลือให้เห็นอีก ตอนนี้ทุกคนต่างจับกลุ่มของตัวเอง กลุ่มที่คงจะอยู่ด้วยกันไปจนหมดปี
ตอนนี้ใกล้จะสิ้นเดือนเมษายนแล้ว มารุมองออกไปนอกหน้าต่างโดนมีเพื่อนสองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ มือข้างหนึ่งถือขนมปังอีกข้างถือมันฝรั่งทอด นักเรียนคนอื่น ๆ มักเข้ามาขอชิมคนละทีสองที แต่โดจินก็ไล่พวกนั้นไปจนหมด
“เบอร์เกอร์นี้ฉันขอมาจากคนขายเขาเลยนะ อะ เอาไปกินนะ”
โดจินยื่นเบอร์เกอร์ครึ่งชิ้นมาให้มารุด้วยรอยยิ้ม มารุหันไปรับพร้อมขอบคุณห้วน ๆ
“ครูฝึกมิโซบอกว่าหมอนี่มันต้องลดน้ำหนักลงหน่อยน่ะ”
“หน่อยเหรอ? หืม”
เดมยังยกน้ำขึ้นดื่มกลบเกลื่อน พวกเขาทั้งสองคนดูจะพยายามกับกิจกรรมชมรมกันอย่างมาก โดจินและเดมยังได้เป็นนักแสดงทั้งคู่ จากที่พวกนี้เล่ามา มิโซบอกให้พวกเขาฝึกบทที่อยากจะเล่น พวกเขาพยายามจะเล่นเป็นตัวประกอบที่ค่อนข้างบนเยอะ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด และกลายเป็นเล่นบทผู้โดยสาร 1 กับพรรคพวกแทน
“ทําไมถึงจําอะไรง่าย ๆ แบบนั้นไม่ได้กันนะ”
“ตอนอยู่ต่อหน้าครูหัวฉันขาวโพลนไปหมด ทําอะไรไม่เป็นเลย”
ครู เหรอ? เหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มสนิทกับเธอมากขึ้นแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะพวกเขาต้องอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน บางทีตอนพักเที่ยงก็ต้องไปซ้อมด้วย แต่มารุไม่รู้หรอกว่าพวกเขาไปทําอะไรกัน เพราะเขาจะโผล่หน้าไปชมรมแค่ช่วงวันเสาร์ ไปอ่านบทสั้น ๆ และช่วยทําฉากประกอบแค่นั้น
[กลับได้แล้วมารุ]
นั่นคือคําพูดแค่อย่างเดียวที่มิโซจะใช้พูดกับเขา 5 โมงเย็นในวันปกติ และ 3 โมงเวลาเรียนครึ่งวัน มิโซจะหันมาบอกเขาเสมอเมื่อนาฬิกาบอกว่าถึงเวลานั้น จนถึงจุดหนึ่งที่มารุไม่ต้องรอให้ใครบอก เขาหยิบกระเป๋าและกลับบ้านทันที คนอื่น ๆ ก็ยังทําอะไรกันต่อในห้องประชุม แต่มารุก็ไม่สนใจ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มันคือสิ่งเดียวที่เขาพูดออกมา ไม่เป็นไรใช่ไหม? เพราะเขาพูดอะไรมากไม่ได้ เขาไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างบนเวที
“จะตายแล้ว”
“เหนื่อย..”
คําตอบของเพื่อน ๆ เขาเองก็มักจะไม่ต่างจากเดิมนัก มักบ่นออกมาว่า “เหนือย” แต่มารุก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขากําลังพัฒนาขึ้น มารุกัดเบอร์เกอร์ในมือ หลังจากวันนั้นมา เขายังคงนึกเสียใจอีกหลายครั้งที่ตัดสินใจอยู่วงนอก ยิ่งพอได้เห็นเพื่อน ๆ ในชมรมหัวเราะกัน เพราะบทที่เขาไม่เคยได้อ่านแล้ว ก็ยิ่งทําให้เขานึกเสียใจมากเข้าไปอีก
แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เขาชินแล้ว
“พยายามเข้าล่ะ เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวแล้วนะใช่ไหม?”
“อ่า อีกเดือนเดียว” โดจินตอบกลับ ก่อนจะยกปลายนิ้วตัวเองขึ้นมาดูด
“อ่า ประหม่าฉิบหายเลย อย่างน้อย ๆ ขอที่ 8 เถอะนะ”