‘น-น่ากลัว’
เด็กโรงเรียนอาชีวะนี่มันคนละเรื่องกันเลย เด็กคนที่นั่งข้าง ๆ เขาเอาบุหรี่มาโรงเรียนตั้งแต่วันที่สอง อีกคนก็เอาแต่ถามหาที่ซื้อเหล้าอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างแปลกใหม่และน่ากลัวสำหรับเขา ราวกับว่าถ้าเขาปริปากพูดออกไปเขาจะต้องถูกต่อยเข้าแน่ ๆ
และก็มีเรื่องนี้ด้วย
“เฮ้ย เปลี่ยนที่กัน” เด็กคนหนึ่งที่ดูหน้าตาดุดันมาขอแลกที่กับเดมยัง แน่นอนว่าเขาได้แต่เก็บกระเป๋าและย้ายไปนั่งด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ
“ไอ้ขี้ขลาดเอ้ย” เขาได้ยินเสียงไล่หลังมา
ตอนนั้นเองที่เดมยังหวนนึกถึงนรกในตอนมัธยมต้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่สิ คราวนี้มันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าก็ได้ เพราะมีสายตาของเพื่อนนักเลงคอยดูถูกอยู่ตลอด
ทำไมเขาถึงได้เลือกมาเรียนที่โรงเรียนอาชีวะกันนะ? เขาน่าจะเลือกเรียนต่อโรงเรียนสายสามัญ ถ้าทำแบบนั้นอาจจะยังพอหาเพื่อนได้บ้างก็ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“เอ๋ เหี้ย แค่ 500 วอน เอาจริงดิ?”
“ไปไกลตีนไป”
คนรอบ ๆ ตัวเขาสบถคำหยาบกันเป็นเรื่องปกติ แค่ได้ยินก็ทำให้เขาเสียวสันหลังแล้ว เพราะตัวเขาเองไม่เคยพูดสบถมาก่อนเลย
‘ต้องใช้ชีวิตอีกสามปีเหมือนเมื่อก่อนเหรอ?’ เขาคิด
สามปีที่โดนรังแกในวัยประถม สามปีที่โดนรังแกในวัยมัธยมต้น นี่เขาต้องมาใช้ชีวิตที่ถูกรังแกในช่วงมัธยมปลายอีกเหรอ
“รู้ที่เก็บเวลดี ๆ ปะ? ดันกระดูกที่ 8 แม่งอย่างขยะ คนโคตรเยอะ” เด็กคนหนึ่งบ่น
“ก็บอกว่ามันไม่มีที่ไหนดีกว่านั้นแล้ว”
เขาได้ยินเด็กกลุ่มหนึ่งพูดเรื่องเกมที่ด้านหลังของเขา พวกนั้นพูดเรื่องเกมที่เขาเล่นอยู่ แถมเขายังรู้ด้วยว่ามีที่เก็บเลเวลที่ดีกว่า ถ้าเขาพูดออกไปตอนนี้… เขาจะเป็นเพื่อนกับพวกนั้นได้รึเปล่านะ
แต่เขาก็ไม่กล้าจะทักออกไป เพราะเขากลัวจะถูกเมินใส่หลังเข้าไปคุยด้วย ที่สำคัญคือเด็กพวกนั้นดูหน้าตาเหมือนนักเลง พวกนั้นต้องเมินเขาแน่ ๆ ถ้าเขาเข้าไปคุยด้วย
‘อ่า ไว้ทีหลังแล้วกัน…’ เขาคิดหาข้ออ้างขึ้นในหัวตัวเอง
เดมยังรู้ดีว่ามันไม่มี ‘ทีหลัง’ แต่การจะหลุดพ้นจากการถูกกลั่นแกล้งมาตลอด 6 ปีนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นไปไม่ได้ เขาคิดและคิดและคิด ก่อนจะพบว่าพลังงานในตัวเองค่อย ๆ เหือดหายไป…
“นี่” เขาได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง มีคนเรียกเพื่อนเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่เขาแล้วล่ะ
“เออ เดมยัง ปะ?”
“เอ๋ อ่ะ?”
มีคนเรียกชื่อเขา? ไม่มีใครเรียกชื่อเขามานานมาก เดมยังหันกลับไปมองอย่างตกใจ และที่ด้านหลังของเขาก็มีเด็กตัวสูงคนหนึ่งยืนอยู่ ฮาน มารุ ใช่ไหม? เขาจำได้เพราะชื่อแปลก ๆ นั่น
‘หมอนี่เองก็ดูเหมือนเป็นนักเลง…’ เดมยังเริ่มกังวลขึ้นมา
* * *
[หมอนี่เองก็ดูเหมือนเป็นนักเลง…]
และแล้วกล่องข้อความก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง มารุได้แต่กลั้นขำหลังเห็นกล่องคำพูดนั้น มันมีส่วนไหนของเขาที่ดูเหมือนเป็นนักเลงกัน?
“ปาร์ค เดมยัง ใช่ไหม?” เขาถาม
“อ่า ใช่”
“เล่นเวิลด์แครชปะ?”
World Crash เป็นชื่อของเกมที่เด็กอีกกลุ่มกำลังพูดถึงกันอยู่ และแน่นอนว่ามารุเองก็เคยเล่นเช่นกัน ทำไมจะไม่เคยเล่นล่ะ? เพราะเกมน่ะแทบจะเป็นอย่างเดียวที่เขาทำให้ช่วงวัยเรียนเลย ถึงจะไม่ค่อยได้เล่นเกมที่ว่านี้มากเท่าไหร่ก็ตาม
“อ่า เล่น” เดมยังตอบ
“เลเวลเท่าไหร่ละ?”
“ฉันเหรอ? 23น่ะ”
พระเจ้า เกมเพิ่งเปิดมาได้แค่ 3 วันแท้ ๆ แต่เลเวล 23 เข้าไปแล้ว? หมอนี่มันเล่นมากแค่ไหนกันเนี่ย
“นี่” มารุหันไปเรียกเด็กที่คุยกันอยู่ใกล้ ๆ “พวกนายก็เล่นเวิลด์แครชใช่ปะ?”
“แน่สิ กำลังคุยกันอยู่เลยเนี่ย” เด็กคนหนึ่งตอบมา
“เลเวลเท่าไหร่กัน?”
“15”
“พวกนายล่ะ?” มารุถามอีกสองคน
“16”
“14”
พวกเขาล้วนเลเวลต่ำกว่าเดมยัง เอาล่ะ เท่านี้มารุก็จัดฉากให้อย่างสวยงามแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเดมยังเปิดปากพูด
* * *
เดมยังรู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อ ทั้งสามคนหันมามองที่เขา
‘หรือว่านี่…’ เขาหันไปมองที่มารุ ที่กำลังส่ายหัวไปทางทั้งสามคน หรือว่าหมอนี่ กำลังช่วยเรา? ทำไมล่ะ? ไม่มีเหตุผลให้ต้องช่วยแท้ ๆ
‘อะ คงคิดจะทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกแน่ ๆ’ เรื่องราวเริ่มกระจ่างขึ้น มันคิดจะแกล้งเป็นเพื่อนกับเขาก่อนจะโยนเขาทิ้งออกจากลุ่ม เขาโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
‘แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนั้น’ เดมยังหันไปมองทางมารุ ที่ยังคงทำท่าทางชี้ไปทางกลุ่มสามคน
‘แก… เลิกทำตัวเป็นคนดีสักทีเถอะ’
* * *
[แก… เลิกทำตัวเป็นคนดีสักทีเถอะ]
มารุเห็นกล่องข้อความผุดขึ้นบนหัวของเดมยังหลังจากที่เขาหันไปสบตากับเด็กหนุ่ม นั่นคือความคิดของเด็กหนุ่มในตอนนี้ ด้วยสีหน้าท่าทางหมดอาลัยนั้น มารุไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรกับท่าทางนั้น เขาเพียงแต่คิดสงสาร เพราะไม่รู้ว่าเดมยังต้องเจอเรื่องราวลำบากมามากมายขนาดไหนถึงได้กลายเป็นคนที่ขี้ระแวงขนาดนี้
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เขาจะต้องกลายเป็นคนไม่เข้าสังคมแน่ ๆ มารุเองก็คงไม่คิดจะยุ่งถ้าเจ้าตัวไม่อยากให้ยุ่ง แต่มันจะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ?
“นี่” เขาเรียก
“อ-อะไร?”
“ที่อยู่แบบนี้เพราะชอบอยู่คนเดียวเหรอ?”
เขายื่นหน้าไปพูดใกล้ ๆ เพื่อกันคนอื่นได้ยิน เดมยังตอบกลับมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“แกล้อฉันเหรอ?” เขากล่าว ฟังดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบที่ถูกพูดใส่แบบนั้น
มารุหันไปมองด้านหลัง เด็กทั้งสามคนยังหันมามองทางนี้อยู่
“ฉันไม่ได้มายุ่งไม่เข้าเรื่องใช่ไหม?”
“หา?”
“ฉันนึกว่านายอยากพูดกับพวกนั้น? ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษทีแล้วกัน”
“…”
“ถ้าแค่อยากจะตั้งใจเรียนเฉย ๆ ฉันก็ขอโทษด้วย”
ดวงตาของเดมยังสั่นเครือ มารุรู้ดีอยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มแค่อยากจะมีเพื่อน
“แต่… ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ทำไมไม่ลองไปคุยดูก่อนล่ะ?”
* * *
เดมยังหันหน้าหนีออกจากมารุ มารุพูดถูก เขารู้ดีว่ามารุแค่หวังดี และที่เขาทำท่าทางโกรธใส่ก็ทำไปทั้งที่รู้ตัวเองดี
กลุ่มเด็กสามคนนั้นจะเริ่มหมดความสนใจในไม่ช้า ถ้าเขายังคงนั่งอยู่เฉย ๆ แบบนี้
‘เข้าไปคุยด้วยคงได้ใช่ไหม? พวกนั้นจะไม่ปฏิบัติกับเราแปลก ๆ อีกใช่ไหม? ไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม?’ ความวิตกกังวลมหาศาลไหลผ่านเข้ามาในหัวของเขา เขาเองก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่นี่
‘แย่ล่ะ’ ราวกับว่าเขาลืมวิธีการที่จะพูดไป เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนัก ๆ รอบตัวเขา อ่า จะต้องโดนล้ออีกแน่ ๆ เลย
“จะเตรียมเข้ารับการฝึกรึไง? จะกังวลอะไรนักหนา? พวกนั้นก็เด็กเหมือนกัน แค่ไปคุยเรื่องเกม เลิกห่วงว่าต้องวางตัวยังไง แค่เข้าไปพูดก็พอ” นั่นคือคำพูดที่มารุบอกกับเดมยัง เดมยังไม่เข้าใจว่าการฝึกที่ว่านี่คืออะไร แต่ก็เข้าใจส่วนที่เหลือได้
คำพูดนั้นทำให้เดมยังกล้าขึ้นมา
“ดันกระดูก 8 น่ะก็ดีหรอก แต่ยังมีที่อื่นที่ดีกว่านะ” เขาตัดสินใจที่จะพูดต่อจากที่ค้างไว้
“จริงดิ?” มีเสียงตอบรับเกิดขึ้นทันที
“แกเองก็เล่นเวิลด์แครชด้วยเหรอ?”
“เลเวลเท่าไหร่แล้ว?”
จริงด้วย นี่คือการคุยกันสินะ มันไม่ต้องคิดอะไรให้มาก เดมยังเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที