ตอนนั้นเองที่มารุเห็นว่าสมาชิกชมรมการแสดงทั้งสามคนหันไปมองที่คนดั้งแหมบ ราวกับว่าพวกเขานั้นตั้งใจฟังทุกคำพูดของเด็กหนุ่ม ใครจะไปคิดล่ะว่าเด็กคนหนึ่งจะสามารถทำให้เพื่อนของตัวเองมีท่าทีแบบนี้ได้
‘เขาอาจจะมีบทบาทสำคัญในชมรมกว่าผู้หญิงคนที่สองนั่นก็ได้’ มารุคิดในใจ
คนพวกนี้ดูน่าสนใจจริง ๆ คนดั้งแหมบนั้นดูท่าทีจะเป็นคนที่ชอบมองการณ์ไกล แต่ทำไมคนแบบนั้นถึงได้มาเป็นผู้กับกำเวทีล่ะ? เขาเองก็น่าจะมีเรื่องของตัวเองเหมือนกัน และด้วยจำนวนคนในชมรมแค่ 4 คน มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยน แม้ว่าพวกเขาจะอยากสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน
“เพราะงั้นมาลองดูก่อนนะ เดี๋ยวจะอธิบายอะไรต่าง ๆ ให้ฟังอีกที” เด็กหนุ่มกล่าว
ทั้งสี่คนโค้งตัวลงขอบคุณ น่าเสียดายที่คนในห้องดูไม่ค่อยจะสนใจชมรมนี้เลย
“ไม่ใช่ทางว่ะ” เด็กคนหนึ่งกล่าวหลังทั้งสี่เดินออกจากห้องไป
“มันจะยากขนาดไหนกัน? ถึงขนาดที่มาเตือนตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าแบบนี้น่ะ”
“ขอของง่าย ๆ ดีกว่า”
ดูเหมือนว่าคนทั้งสี่จะไม่สามารถดึงความสนใจของใครไปได้ และเมื่อมารุหันไปดู เขาก็เห็นว่าทั้งสี่คนกำลังพยายามให้กำลังใจกันเองอยู่ พวกเขาคงคิดจะทำแบบนี้ไปให้ครบทุกห้อง
“ว่าไง มารุ” โดจินถาม มารุหันมามองที่หน้าเพื่อนของตัวเอง
“ว่า?”
“ดูน่าสนุกดีนะ ว่าไหม?”
“ชมรมการแสดงอะนะ?”
“ใช่”
“จะเข้าเหรอ?”
“ยังไม่รู้ว่ะ…”
ขณะที่โดจินกำลังจะพูดต่อ ครูภาษาอังกฤษของพวกเขาก็เคาะที่กระดานหน้าห้องเบา ๆ
“เอาล่ะ ๆ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เปิดไปหน้า 15 วันนี้วันที่เท่าไหร่นะ?”
“วันที่ 11 ครับครู”
“งั้นเลขที่ 11 ยืนขึ้นอ่านบรรทัดแรก”
การเรียนการสอนดำเนิดต่อไป โดจินเองก็รีบปิดปากเงียบทันทีและหันไปสนใจการเรียนแทน มารุเหลือบสายตาไปมองที่รายชื่อชมรมที่ด้านหน้า ‘ชมรมการแสดง’ ตัวอักษรอื่น ๆ ในกระดาษค่อย ๆ เล็กลง ๆ จนจางหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงคำว่า ‘ชมรมการแสดง’
‘ชมรมการแสดง’ มารุครุ่นคิด
รายชื่อนั้นอยู่ติดกับชมรมวิจารณ์ภาพยนตร์ ชมรมที่ถ้าเข้าไปแล้วเขาคงได้มีชีวิตสบาย ๆ
‘สบาย ๆ’ สบาย เขาพูดคำเดิมซ้ำ ๆ กับตัวเอง ชีวิตในวัย 45 ปีของเขาเป็นยังไงกันนะ? คำถามเดิมผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาอยากจะใช้ชีวิตนี้ยังไง?
“…สนุก” คำตอบหลุดออกมาจากปากของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
* * *
‘ดูสภาพอย่างกับซอมบี้’ มารุคิดหลังเห็นสภาพห้องในตอนนี้
สภาพของห้องเรียนในคาบเรียนที่ 5 นั้น ราวกับว่าพวกเขาเป็นเหล่าซอมบี้ที่พยายามจะลืมตาตื่นไว้ สมเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ช่างแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ายานอนหลับใด ๆ
“ไง มารุ อยากลองไปดูชมรมการแสดงปะ?” โดจินถาม
“หมายถึงห้องชมรมเขาน่ะเหรอ?”
“พวกนั้นบอกว่าจะไปดูก็ได้ใช่ไหมล่ะ? แกเองก็บอกว่ายังไม่ได้เลือกชมรมนี่?”
“ใช่”
“งั้นก็ลองไปกันดู”
โดจินมีท่าทีที่ค่อนข้างตื่นเต้น หรือเอาจริง ๆ เขาอาจจะตื่นเต้นมากก็ได้
[เยี่ยม ขอบใจว่ะมารุ ทีนี้ก็ไม่ต้องไปคนเดียวแล้ว]
กล่องคำพูดลอยขึ้นบนหัวของโดจิน ก่อนจะหายวับไป
“งั้นไว้ไปหลังเลิกเรียน” มารุบอก
“ได้”
โดจินกำลังฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ ส่วนมารุนั้นเริ่มเข้าใจวิธีการทำงานของเจ้ากล่องคำพูดแล้ว
‘ต้องมองตาก่อน’
เขามักจะมองเห็นกล่องคำพูดหลังจากสบตากับคนอื่นเข้า เรื่องนี้น่าจะเป็นเงื่อนไขข้อแรก อย่างที่สอง คน ๆ นั้นต้องกำลังคิดถึงเขาหรืออย่างน้อย ๆ ก็เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะความคิดของโดจินที่เขาเห็น ก็เป็นความคิดที่มีต่อเขา
‘ตอนเดมยังก็เหมือนกัน’ มารุนึกขึ้นได้
มารุเรียกโดจิน และจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา โดจินดูจะงงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้หันหน้าหนีไป หลังผ่านไปได้ประมาณ 10 วินาที…
“มีไร?” โดจินถาม
“เปล่า” มารุกล่าว พร้อมกับเอามือมาค้ำไว้ที่คางตัวเอง
โดจินคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ๆ ประมาณว่า ‘อะไรของมัน?’ แต่คำพูดแบบนั้นกลับไม่ปรากฏออกมา
“นี่โดจิน”
“ว่า?”
“ตอนที่ฉันมองอยู่แกคิดอะไรบ้างปะ?”
เด็กหนุ่มทำหน้างงกับคำถามนั้น แต่ก็ส่ายหัว
“ไม่นะ จะไปคิดเรื่องอะไรล่ะ?”
อ่า ในที่สุดมารุก็เข้าใจ เพราะเพื่อนกันคงไม่คิดอะไรประมาณว่า ‘อะไรของไอ้เด็กนี่’ ใส่กันหรอก ไม่สิ เดิมทีแล้วคนเราเวลาใช้ชีวิตปกติคงไม่ได้คิดอะไรมากมายอยู่แล้ว มารุก้มลงมองที่มือของตัวเอง เขากำลังเล่นปากกาแดงอยู่ และแน่นอนว่าเขาคงไม่ได้คิดออกมาว่า ‘มาเล่นปากกานี้กันเถอะ’ หรอก เขาแค่ทำแบบนี้เพราะมันติดเป็นนิสัย
“นี่ โดจิน” เขาถาม
“ว่าไง?”
“ลุกหน่อยดิ”
“อะไรของเอ็งวะ?” โดจินถาม แต่ก็ยังลุกขึ้นตามคำขอ
“เมื่อกี้คิดอะไรปะ?”
“คิดอะไร? ก็แค่ยืน”
“เนอะ?”
“อะไรวะ โกรธเรื่อง MP3 ปะเนี่ย?”
มารุหันไปมองโดจิน แต่ก็ไม่มีกล่องคำพูดออกมา หรือมันมีเงื่อนไขอย่างอื่นด้วย?
[อ่า มันคงลำบากอยู่เหมือนกันสิเนี่ย อือ สงสัยต้องไปบอกแม่แล้ว]
กล่องคำพูดลอยขึ้นมา ทำให้มารุได้ข้อสรุปทันทีว่ากล่องคำพูดจะออกมาเมื่อคน ๆ นั้นคิดถึงเรื่องอะไรที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
“ไม่ต้องไปบอกแม่แกหรอก ฉันไม่เป็นไร” มารุตอบกลับ
“ไม่ แต่ถ้ายังมอง… ด-เดี๋ยวนะ หะ? ทำไมแก…”
“ทำไมถึงรู้? แค่เดาน่า”
“…ความคิดฉันมันออกนอกหน้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ต้องคิดมาก จะว่าไปขอลูกอมหน่อยดิ เรื่อง MP3 น่ะ ช่างมันเถอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแกยังคิดถึงมันอยู่อีก”
“พ่อฉันสอนมาว่าถ้าอยากให้ความสำคัญกับใคร ก็ต้องปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพ แกน่ะเพื่อนฉัน แกสมควรได้รับมัน” โดจินพูดพลางโยนลูกอมมาให้
มารุรับไว้พร้อมรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าโดจินจะมีพ่อที่ดี เพราะตัวเขาเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้นอย่างสุดใจ ยิ่งเห็นค่าในตัวใครมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องเคารพเขาให้มากขึ้นเท่านั้น
“ประโยคดี” เขากล่าว
“ใช่เลย ยังไงก็เถอะ จะไปไหมเนี่ยชมรมการแสดงน่ะ?”
“ไปสิ”