ข้ามเวลาล่าฝัน – บทที่ 7 ตอนที่ 2

มารุรับรู้ได้ว่า ตัวเขาใช้ชีวิตครั้งใหม่นี้ไม่เหมือนเดิม ในอดีต เขาอาจจะรู้สึกสนใจในชมรมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดที่จะไปดูและใช้คำพูดประมาณว่า ‘ดูน่าสนุกนะแต่ท่าจะลำบาก’ และก็ปฏิเสธไป แต่มารุในตอนนี้… นี่คือช่วงเวลาในชีวิตที่เขาสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะหากเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยไปแล้ว เขาก็ต้องมากังวลกับการเตรียมตัวใช้ชีวิตในสังคม และเพราะแบบนั้น ตอนนี้เขาก็ควรจะใช้ชีวิตให้มันสนุกเต็มที่ไปเลยไม่ใช่เหรอ?

 

รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนในหน้าของมารุ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้วจึงโยนรายชื่อชมรมทิ้งไปจากหัว เพราะเขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว

 

“อ่า ฉิบ คาบโฮมรูม”

 

ออดดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของใครบางคน มารุหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะเสียงนั้น เขาจะมานั่งหลับในคาบนี้ไม่ได้ การโดนไม้เรียวฟาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะโดนเท่าไหร่นัก

* * *

 

คาบเรียนจบลง นักเรียนต่างพากันไปทำเวรความสะอาดยังจุดที่ตัวเองรับผิดชอบ ส่วนคนที่ไม่มีเวรก็มุ่งหน้าไปที่ประตูหน้าทันที ยูนจังนั้นกลับวิ่งไปทางห้องชมรมของตัวเองแทน เธอนั้นคิดในใจ ว่าจะมีคนมาดูชมรมมากแค่ไหนกัน

 

เธอหวังว่าจะมีมาบ้าง

 

เธอขึ้นไปที่ห้องชมรมที่อยู่บนชั้นสี่ ไฟในห้องยังมืดสนิท ยูนจังค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก

 

“ต้องทำความสะอาดก่อนละ” เธอพูดออกมา

 

ห้องชมรมนั้นค่อนข้างจะใหญ่พอตัว แต่ถึงจะใหญ่แค่ไหน เหล่าฉากและอุปกรณ์ต่าง ๆ นา ๆ ต่างวางระเกะระกะจนทำให้ห้องดูแคบลงถนัดตา มีแม้กระทั้งราวเก็บชุดอยู่ถึงสี่ราว

 

“น่าจะต้อง… ทำความสะอาดหน่อยแล้วล่ะ”

 

เมื่อไหร่จะเสร็จกัน? แค่คิดถึงก็ทำเอายูนจังแทบจะหน้ามืดแล้ว ที่ผ่าน ๆ มาเธอคุ้นชินกับมัน จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าสมาชิกใหม่มาเห็นแล้วล่ะก็…

 

[สกปรก ไม่เข้าหรอก]

 

[ดูยุ่งจัง ไม่เอาดีกว่า]

 

[กลิ่นอะไรเนี่ย ขอผ่านล่ะ]

 

เสียงของสมาชิกใหม่ในจินตนาการดังอยู่ในหัวเธอ เธอจึงติดสินใจดึงแขนเสื้อขึ้นพร้อมรบ

 

ทำได้น่า

 

จากนั้นห้องชมรมก็เกิดเสียงลากถูดังขึ้นสนั่น

* * *

 

ขณะที่ ลิม เดนมิ เดินออกมาจากห้องเรียนของตัวเองพร้อมกับกระเป๋าในมือ เธอก็ถูกเพื่อนเรียกเอาไว้

 

“นี่ เดนมิ เราจะไปร้องคาราโอเกะกัน อยากไปด้วยกันไหม?”

 

เดนมิกลับส่ายหัวเพื่อปฏิเสธอย่างทันควัน

 

“ขอโทษที วันนี้ต้องไปชมรม” เธอตอบ

 

“การแสดงน่ะเหรอ?”

 

“ใช่”

 

“คิดว่าจะมีคนมาเข้าบ้างไหม?”

 

“ไม่รู้สิ ก็ได้แต่หวังแหละ”

 

“เหลืออยู่กันแค่สี่คนใช่ปะ?”

 

“อืม ถึงนาน ๆ ทีจะได้ยินว่าพวกรุ่นพี่แวะมาช่วยงานบ้างก็เถอะ แต่พวกเขาเองก็คงยุ่ง ๆ กันแหละ”

 

และ… ยังมีอีกเหตุผล แต่มันไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เหล่าเพื่อน ๆ ต่างพากันโบกมือลาแล้วบอกทิ้งท้ายว่า ‘ไว้ไปด้วยกันคราวหน้านะ’

 

เดนมิ ลองมองดูตัวเองในตอนนี้ที่ทุ่มเทให้กับชมรมเสียเหลือเกิน เมื่อก่อนนั้น เธอแค่ใช้ห้องชมรมการแสดงนั่งเล่นกับเพื่อนเวลาคนอื่น ๆ กลับบ้านกันหมดแล้ว ก็เท่านั้นเอง ตอนแรกที่เธอเข้าชมรมมา เธอไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าตัวเองจะทุ่มเทให้กับมันได้ขนาดนี้

 

เดนมิเดินขึ้นไปบนชั้น 4 ของตึกผ่านทางบันไดหลัก นี่เป็นบันไดที่พวกพี่ปีสามใช้เพื่อเดินทางกลับบ้าน เดนมิเลี้ยวที่หัวมุมด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ

 

“ให้ตาย” เธออุทานออกมา

 

เบื้องหน้าเธอนั้นมีภาพโถงทางเดินที่ถูกกองไว้ด้วย… ขยะ? ใครกันนะที่เป็นคนทำแบบนี้ เธอยื่นหน้าเข้าไปมองในห้องจากหน้าต่างที่โถงทางเดินด้วยท่าทางกลัว ๆ ทำให้เธอเห็นสภาพของยูนจังที่กำลังคลุกฝุ่นอยู่ในห้อง แน่นอนว่าต้องเป็นยูนจัง เพราะไม่มีใครที่ไหนจะเข้ามาทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก

 

“อะไรเนี่ย?” เดนมิได้ยินเสียงคนพูดมาจากด้านหลัง

 

“ชมรมการแสดง?”

 

“ค้นขยะในห้องอีกแล้วแน่ ๆ”

 

เธอได้ยินรุ่นพี่ปีสามคุยกันจากด้านหลัง ทำให้เธอหันหลังไปก้มหัวขอโทษผงก ๆ ก่อนจะโดดเข้าไปในห้องด้วย

 

“ลี ยูนจัง” เธอตะโกนเรียก

 

“อ่ะ เดนมิ พอดีเลย มาช่วย…”

 

“อีบ้า”

 

เดนมิเดินเข้าไปหยิกแก้มของยูนจัง ทำให้หญิงสาวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

“โอ้ย” ยูนจังตะโกนพร้อมปัดมือของเดนมิออก

 

“ดี ให้มันเจ็บเสียบ้าง”

 

เดนมิหันไปมองรอบ ๆ ห้อง ห้องนี้เต็มไปด้วยความทรงจำเก่า ๆ หลายสิบปี ความทรงจำที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ฉากและอุปกรณ์ประกอบทุก ๆ ชิ้นถูกเก็บไว้ที่นี่ปีแล้วปีเล่า แน่นอนว่าเดนมิเองก็คิดจะเก็บกวาดมันเข้าสักวัน เพราะเธอก็ไม่อยากให้ห้องนี้ ต้องกลายเป็นห้องเก็บของไป

 

แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย?

 

“คิดว่าสมาชิกใหม่เขาเข้ามาเห็นสภาพแบบนี้เขาจะคิดยังไง?” เธอถาม

 

“ก็ ฉันพยายามจะเก็บกวาดห้องให้มันดูดีน่ะ แต่ยิ่งเก็บมันยิ่งดูรก ก็เลย…”

 

“เลยตัดสินใจเอาของไปวางไว้ที่ทางเดิน?”

 

ยูนจังพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา เดนมิรู้สึกปวดจี้ดขึ้นที่ศีรษะ ถ้าแค่เธอได้ลองเปิดหัวสมองของยัยเพื่อนคนนี้ออกดูสักครั้งล่ะก็…

 

“แล้วคิดจะทำเองเนี่ยนะ? จำได้ไหม? เราตกลงกันว่าจะมาช่วยกันตอนวันหยุดนะ”

 

“รู้น่า ๆ แต่ถ้าเด็กใหม่มาเห็นสภาพแบบนี้เข้า…”

 

ยูนจังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อารมณ์ของเธอนั้นแปรเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเวลาเป็นเรื่องแย่ ๆ ด้วยแล้ว เธอมักจะหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีแรงจะทำอะไรราวกับเป็นตุ๊กตาที่หมดถ่าน

 

“ทำฉันปวดหัวมากเลยนะรู้ตัวไหม?”

 

“ช่วยหน่อย”

 

“แน่นอนสิ ไม่เห็นรึไงว่าพวกรุ่นพี่เขาว่ายังไงกันข้างนอกน่ะ?”

 

“อ่า… นั่นสินะ”

 

“โอ้ รู้ด้วยเหรอ ทางเดินโดนของบังไว้หมด ถ้ามีครูมาเห็น…” ขณะที่เดนมิกำลังพูดได้ไม่ทันจบประโยค ก็มีคนพูดขัดขึ้นมาจากด้านหลัง

 

“อะไรเนี่ย ตาย ๆ”

 

ยูนจังและเดนมิหันไปมองต้นเสียงด้วยท่าทางตกใจ

 

“บอกแล้วไม่ใช่รึไง? ว่าต้องเก็บกวาดเสียบ้าง”

 

คนที่พูดขึ้นนั้น คือครูฮันจา เขาสวมใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองที่มีการตัดแปลงเล็กน้อยพร้อมด้วยถุงความร้อนในมือ ตาตี่ ๆ ของเขาจ้องมองไปรอบห้องชมรมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาเดาะลิ้นขึ้นด้วยความไม่พอใจ

 

ในบรรดาครูทั้งหลายในโรงเรียน ทำไมต้องมาเป็นฮันจาด้วย? เดนมิได้แต่ถามตัวเอง ครูคนนี้คือหนึ่งในคณาจารย์ที่ไม่ชอบชมรมการแสดงเลยแม้แต่น้อย ครั้งก่อนเธอเองก็เคยโดนดุเพราะทางเดินหน้าห้องชมรมสกปรก แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่รับผิดชอบทำความสะอาดส่วนนั้นคือเด็กจากห้องบี เพราะเธอก็รู้อีกว่าครูคนนี้เกลียดเด็กขี้เถียงเอามาก ๆ

 

“เราจะทำความสะอาดมันเองค่ะ” เดนมิกล่าว ยูนจังเองก็พูดตามขึ้นมาติด ๆ

 

“ขอโทษค่ะ”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset