ในทันทีที่เฉินเฉินมาถึงหมู่บ้าน เขาก็เห็นคนกลุ่มนึงที่อยู่บนหลังม้า
พอมองไปที่พวกคนที่อยู่บนม้า เฉินเฉินก็คิดในใจ ‘พวกนั้นมาที่นี่แล้วหรอ? ใจร้อนจังเลยนะ’ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฝีเท้าของเขาก็เร็วขึ้น และไปถึงบ้านของเขาในเวลาไม่นาน
ในครั้งนี้ มีผู้คนมากมายได้มารวมตัวกันที่ประตูบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบด้วย
ศพของนักฆ่าเมื่อวานได้ถูกย้ายจากศาลบรรพบุรุษและมาวางไว้ที่หน้าประตู
เจ้าหน้าที่ที่มีหนวดกำลังตรวจสอบศพด้วยมีดบนหลังของเขา
เฉินเฉินแทรกเข้ามาในฝูงชนอย่างเงียบๆ แล้วเฝ้ามองฉากที่อยู่ตรงหน้าเขา
“หมูฆ่าเขาหรอ? ไร้สาระ ข้าทำงานไล่ล่าคนมาหลายปียังไม่เคยได้ยินว่ามีคนถูกหมูที่เลี้ยงในบ้านฆ่ามาก่อนเลย” เจ้าหน้าที่หนวดพูดเย้ย ในขณะที่กำลังจับดูที่หน้าอกของศพ
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรของเขาแล้ว เฉินเฉินก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้มีเจตนาดี จากนั้นพอมองเข้าไปในฝูงชน เขาก็สังเกตเห็นชายแก่คนนึงที่สวมเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมในทันที เขามีใบหน้าที่ซีดเซียวแล้วไม่มีหนวดเครา เขากำลังมองดูศพด้วยสีหน้ามืดมน…
เฉินเฉินรู้จักคนๆนี้ เขาเป็นพ่อบ้านของตระกูลหวัง ชื่อหวังเอ้อ เขาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการเก็บค่าเช่าที่ดินรายปี
‘นักฆ่าเมื่อคืนเป็นฝีมือของตระกูลหวังจริงๆสินะ’ เฉินเฉินคิดในใจ เขาพอเดาได้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ตอนนี้เขาแทบจะมั่นใจร้อยเปอร์เซนต์แล้ว
สาเหตุที่หวังเอ้อทำหน้าตาบูดบึ้งนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ
มีความเป็นไปได้ว่าที่ชายคนนี้มาพร้อมกับพวกเจ้าหน้าที่ก็เพื่อเก็บศพครอบครัวของเขา เขาคงคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอศพของนักฆ่าในตอนที่มาถึง สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก
“ข้าคิดว่านี่คงเป็นนักเดินทางที่ผ่านทางมา เขาน่าจะแค่อยากพักที่นี่สักคืน แต่ครอบครัวนี้กลับมีเจตนาที่ชั่วร้ายและทำการสังหารเขา!” หวังเอ้อพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
แน่นอนว่าเขารู้จักศพนี้ เขาเป็นคนจ้างเองกับตัว
งานที่เขาเสียเงินไปไม่กี่ตำลึงเงิน ตอนนี้มันได้สูญเปล่าไปด้วยความตาย เขาต้องหาวิธีใช้คุณค่าจากมันให้ถึงที่สุด
คิ้วของเจ้าหน้าที่มีหนวดกระตุกกับคำพูดเหล่านี้
แม้ว่าเขาจะถูกตระกูลหวังซื้อตัวไปแล้ว แต่เรื่องราวของหวังเอ้อมันฟังดูปลอมเกินไป
นักเดินทางหรอ? นักเดินทางที่ไหนเขาจะสวมชุดนักฆ่ากัน?
“พ่อบ้านหวัง ถ้ามีนักเดินทางเดินผ่านมาในหมู่บ้าน พวกเขาก็มักจะพักที่บ้านของข้า เพราะบ้านข้าหลังใหญ่กว่ามาก”
ห่างออกไปไม่ไกล หัวหน้าหมู่บ้านฝืนยิ้มออกมา
“ใช่ครับ บ้านของเฉินชานอยู่ใจกลางหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีนักเดินทางไปที่บ้านของเขา แถมการแต่งตัวของเขาก็ดูไม่น่าจะเป็นคนดีด้วย เขาสมควรตายแล้ว!” ชาวบ้านบางส่วนชี้แจง
สีหน้าของหวังเอ้อบิดเบี้ยวขึ้นในตอนที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วตะโกนด่าทอ “ไอ้พวกโง่ อย่างพวกแกจะไปรู้อะไร!? ถ้าไม่ทำตัวให้ดูร้ายเข้าไว้ในตอนที่อยู่ข้างนอก แล้วเกิดไปเจอคนไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง?”
คำพูดที่ไร้เหตุผลของหวังเอ้อก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนนึงก็วิ่งเข้ามา เขาตะโกนในขณะที่วิ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ารู้ตัวตนของชายคนนั้นแล้ว! ชื่อของเขาคือเว่ยเหลาซาน! เขาเป็นหัวหน้าแกงค์ในมณฑล และทำงานฆ่าคนเพื่อหาเลี้ยงชีพ!”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนก็มองไปที่หวังเอ้อด้วยสายตาแปลกๆ
หวังเอ้อรู้สึกว่าแก้มของเขาร้อนฉ่าขึ้นมาแต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทีที่แข็งกระด้างเอาไว้
“คนที่เชี่ยวชาญด้านการลอบสังหารจะถูกฆ่าตายในหมู่บ้านนี้ได้ยังไง? หรือว่ามีคนที่แข็งแกร่งอยู่ในกลุ่มพวกน่าสมเพชนี่? ช่างน่าขันซะจริง!”
เจ้าหน้าที่หนวดรีบกระพริบตาให้หวังเอ้อ และด้วยรอยยิ้มบนหน้าเขาก็พูดกับเฉินชาน “เฉินชาน เจ้าก็ดูเป็นคนที่ใช้ได้นะ เอาแบบนี้เป็นไง… ครอบครัวของเจ้าไปที่ว่าการกับข้าเพื่อสะสางเรื่องวุ่นวายนี้ ถ้าผลลงเอยว่าเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ ทางการก็อาจจะตบรางวัลให้ครอบครัวของเจ้าด้วยนะ”
เฉินชานตอบกลับด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด “ลูกชายของข้าออกจากบ้านไปเมื่อคืนยังไม่กลับมาเลย ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเขาจะกลับ”
สีหน้าของหวังเอ้อเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อได้ฟังเช่นนี้
“ไอ้เจ้านั่นคงหนีไปแล้วหล่ะสิ!? กล้าดียังไง!”
คำสั่งของหวังหู่คือฆ่าทั้งตระกูล แต่ตอนนี้มีคนนึงหนีไปได้! แล้วเขาควรทำยังไงดี?
ครู่ต่อมา ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วน้ำเสียงของเขาก็ดุดันขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“ข้าคิดว่าเจ้านั่นฆ่าชายคนนี้ จากนั้นก็หนีไปเพราะความกลัว! ไม่อย่างนั้นเขาจะออกไปข้างนอกกลางดึกทำไมกัน?”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในที่สุดหวังเอ้อก็พูดเรื่องที่สามารถตั้งข้อสังเกตได้
“พูดอะไรไร้สาระ! ลูกชายของข้าบริสุทธิ์! ไก่ในหมู่บ้านเขายังไม่กล้าฆ่าเลย นับประสาอะไรกับคนเป็นๆเล่า!?” ฉินโหลวแผดเสียงออกมาอย่างโกรธเคืองในขณะที่พยายามอธิบาย
ในสายตาของเธอ เฉินเฉินเป็นเด็กดีมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เขายังเด็กแล้ว เขาเป็นเด็กที่มีเหตุผลที่สุดในโลก แล้วเด็กดีแบบนั้นจะฆ่าคนได้ยังไงกัน?
“บริสุทธิ์หรอ? เหอะ! ใครจะไปรู้ว่าเจ้านั่นคิดอะไรอยู่? ถ้ามันไม่ได้ฆ่าเขา แล้วมันจะหนีออกไปกลางดึกทำไมกัน? เจ้าหน้าที่โจว ตอนนี้ไอ้เจ้าเด็กนั่นทำการสังหารคนแล้วหนีไป ข้าคิดว่าพวกเรารีบออกหมายจับเลยดีกว่า ในส่วนของสองคนนี้ ในเมื่อพวกเขาปกป้องอาชญากรและยอมให้เขาหนีไป พวกเขาก็ควรจะถูกจับขังเข้าคุกในทันที!”
ในขณะที่หวังเอ้อพูด เขาก็รีบโบกมือให้เจ้าหน้าที่หนวด ครั้งนี้ เขารู้สึกมั่นใจมาก ใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาดูค่อนข้างมีความชอบธรรมจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้นมา
“อะไรกันเนี่ย? ข้าออกไปแค่แปบเดียว ตอนนี้กลายเป็นอาชญากรไปแล้วหรอ? พ่อบ้านหวัง ข้าไม่สมควรได้รับข้อกล่าวหานั้นนะ”
ในตอนที่ชาวบ้านได้ยินเสียงของเขา พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าเฉินเฉินมายืนอยู่ในกลุ่มพวกเขาซักพักนึงแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ดูประหลาดใจ
เขารู้ว่าเฉินเฉินโตแล้ว แต่ท่าทีของเด็กหนุ่มในวันนี้ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง มันแตกต่างมากจนก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตว่าเป็นเฉินเฉิน
“เจ้า! นี่เจ้า!”
ความชอบธรรมบนหน้าของพ่อบ้านหวังหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาชี้ไปที่เฉินเฉินอย่างไม่พอใจ ในขณะที่พูดไม่ออก
พวกเขาบอกว่าออกไปเมื่อคืนแล้วยังไม่ได้กลับมาไม่ใช่หรอ? หรือว่าพวกเขากำลังหลอกเขา?
เฉินเฉินไม่สนใจเขา เขารีบเดินไปหาพ่อแม่ของเขาแล้วปลอบโยนพวกเขา “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ลูกเฉิน เจ้าไม่น่ากลับมาเลย” เฉินชานถอนหายใจ
ตอนนี้หวังเอ้ออาจจะแพ้แล้ว แต่ตระกูลที่ทรงอำนาจอย่างหวังนั้น สามารถฆ่าล้างตระกูลของพวกเขาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
เขาก็แค่ยังรักษาหน้าตัวเองและยังไม่จนมุมเฉยๆ
“ถ้าข้าไม่กลับมา พวกท่านก็จะถูกทิ้งไว้สิครับ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” เฉินเฉินยิ้ม เหมือนกับว่าเขาไม่ได้จริงจังกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย
เฉินชานและภรรยาถอนหายใจออกมาด้วยความตื่นตันกับคำตอบของเขา
เมื่อเห็นว่าหวังเอ้ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง เจ้าหน้าที่โจวก็พูดขัดขึ้นมา”
“เอาเถอะ ในเมื่อทั้งสามคนมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ช่วยตามไปที่ว่าการมณฑลกับข้าด้วย พอไปถึงที่นั้นแล้ว ค่อยสะสางเรื่องทั้งหมดกัน”
เขาทนร่วมงานกับหวังเอ้อไม่ได้จริงๆ เขาหัวแข็งเกินไป ถ้าขืนปล่อยให้หวังเอ้อพูดต่อ เขาก็จะสร้างความอับอายให้ตัวเองด้วย
พวกเขาเป็นแค่ชาวนา พวกเขาจะต้องถูกลงโทษในที่ว่าการ
หรือถ้าพวกเขาไม่อยากรอ จะให้ตระกูลเฉินถูกฆ่าในระหว่างทางแล้วโบ้ยความผิดไปให้โจรก็ยังได้
มันไม่มีประเด็นอะไรให้พยายามใช้เหตุผลที่นี่อีกแล้ว
หวังเอ้อเข้าใจเจตนาของเจ้าหน้าที่โจว แล้วส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองไปยังตระกูลเฉินเหมือนกับว่าพวกเขาตายไปแล้ว
ชาวนาพวกนี้ไม่ควรค่าแก่ความพยายามของเขาแล้วจริงๆ
ฉินโหลวมองสามีของเธอในตอนที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่
เฉินชานขมวดคิ้วแล้วไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ไปพักนึง
อย่างไรก็ตามเฉินเฉินยิ้มแล้วพูดออกมา “เอาสิครับ พวกเราจะไปที่ว่าการกับท่าน”
เจ้าหน้าที่โจวตบไหล่ของเฉินๆเบา แล้วชื่นชมเขา “หนุ่มน้อย เจ้าเป็นคนมีเหตุผลดีนี่ อนาคตของเจ้าจะต้องได้เป็นคนใหญ่คนโตแน่!”
เขาพูดออกมาเช่นนี้แม้ว่าในใจของเขาจะเต็มไปด้วยคำดูถูกที่มีให้เฉินเฉิน
‘เจ้าเด็กโง่…ด้วยIQเท่านี้คงไม่มีอนาคตหรอก แกสมควรเป็นชาวนาไปทั้งชีวิต! อ้ะเดี๋ยวนะ ฮ่าฮ่า! ตอนนี้แม้แต่เรื่องนั้นก็ทำไม่ได้แล้วนี่หว่า!’
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 10: ไปที่ว่าการกับข้า!
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”