ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 104: ข้าแพ้ส่วนเจ้าตาย ความเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ

ผู้สืบทอดต่างพากันหวาดหวั่นกันหมด พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น หยวนฉิงเทียนที่ดูเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นได้ตบหน้าฉงเย่เข้าจริงๆ!
 
ยิ่งไปกว่านั้น พลังตบของเขายังเหนือกว่าพวกเขาทุกคนด้วย
 
บนสังเวียน ม่านตาของฉงเย่หดลงและเขาก็ไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป ความตกใจแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา
 
หยวนฉิงเทียนได้เริ่มฝึกในสำนักอู๋ซินตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน แต่ศักยภาพโดยทั่วไปของเขาไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แล้วเขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
 
มันเหมือนกับการที่หมาบ้านซึ่งถูกเลี้ยงมาเป็นสิบปีจู่ ๆก็คำรามเหมือนกับเสือ มันน่าหัวเราะและน่าทึ่งอย่างแท้จริง!
 
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะตกใจ เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก
 
ต่อให้เป็นเสือ เขาก็ไม่กลัว
 
พูดให้ถูกก็คือเขาไม่กลัวใครทั้งนั้น ต่อให้คนๆนั้นจะแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อก็ตาม นี่คือความมั่นใจที่เขามีในฐานะสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งรัฐจิน
 
ในเวลาต่อมา ฉงเย่ก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด และท่าทีของเขาก็กลับเป็นปกติอีกครั้ง
 
หลังจากนั้นในทันที ออร่าอันน่าหวาดหวั่นก็ปะทุขึ้นจากร่างกายของเขา มันคือแรงกดดันที่มากกว่าครั้งก่อนๆหลายเท่าตัว
 
ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินจินหรือเย่หวู่เชิงนั้น เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ตอนนี้ เขากำลังปล่อยพลังทั้งหมดออกมาโดยไม่ยับยั้งเอาไว้เลย
 
โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์กับหยวนฉิงเทียน ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวอยู่ในหัวของเขา
 
เขาต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้!
 
ตูม!
 
มีเสียงระเบิดดังสนั่น!
 
ความหนาวเย็นมารวมกันที่ฝ่ามือของฉงเย่ และออร่าอันน่าหวาดหวั่นก็ปะทุขึ้น หยวนฉิงเทียนไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับเขา เพราะเขาถูกอัดกระเด็นไปหลายสิบเมตรจนเกือบจะตกจากสังเวียน
 
หยวนฉิงเทียนที่รักษาสมดุลของตัวเองได้ทันเวลา อุทานขึ้นมาด้วยความประทับใจในดวงตาของเขา “พี่ใหญ่ฉง สมแล้วที่ท่านมีชื่อเสียงในฐานะสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งรัฐจิน ข้าด้อยกว่าท่าน แต่ว่าข้ามีการเคลื่อนไหวที่อยากจะขอการชี้แนะจากท่าน”
 
หลังจากที่พูดจบ ร่างกายของหยวนฉิงเทียนก็ค่อยๆเลือนหายไปจนไร้ซึ่งร่องรอยในที่สุด
 
“วิชาลอบเร้นเหรอ?”
 
เฉินเฉินที่อยู่บนแท่นสูงเองก็ตกใจในตอนที่เขาเห็นฉากนี้
 
มันเป็นเพราะเขามองไม่เห็นเลยว่าหยวนฉิงเทียนอยู่ที่ไหน
 
‘ถ้าเขามีทักษะการลอบเร้นที่เก่งขนาดนั้น แล้วคนที่อยู่ระดับเดียวกันจะต่อสู้กับเขาได้ยังไง?’
 
เฉินเฉินเห็นแม้กระทั่งความสับสนในดวงตาของผู้อาวุโสแก่นทองคำที่เป็นผู้ตัดสิน แม้กระทั่งผู้อาวุโสแก่นทองคำก็ยังไม่เห็นตัวหยวนฉิงเทียน… มีวิชาลอบเร้นที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
 
แบบนี้ก็หมายความว่าเขาสามารถถ้ำมองได้โดยที่ไม่ถูกจับได้หน่ะสิ?
 
‘เอ้ะ! นี่ข้าคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!?’
 
เฉินเฉินส่ายหัวแล้วมองไปที่สังเวียนต่อ
 
ในขณะที่พวกผู้สืบทอดกำลังอึ้งกันอยู่ หยวนฉิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างกะทันหันเหนือฉงเย่แล้วทุบหมัดลงมาที่กะโหลกของเขา
 
ฉงเย่ตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ขยับเลย เขาแค่ซัดหยวนฉิงเทียนกระเด็นไปข้างหลังด้วยแรงกดดันวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
 
หลังจากที่หยวนฉิงเทียนถูกส่งกระเด็นไปข้างหลัง เขาก็หายตัวไปอีกครั้ง
 
เมื่อเห็นแบบนี้ ใบหน้าของฉงเย่ก็ค่อยๆหดหู่
 
เขารู้ว่าหยวนฉิงเทียนฝึกวิชาสายลมกำบังมา แต่ว่ามันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
 
วิชาลอบเร้นที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้อาจจะน่ากลัวว่าวิชาเต๋าหวังฉินระดับสุดยอดด้วยซ้ำ!
 
‘หยวนฉิงเทียนรู้วิธีทำแบบนี้ได้ยังไง?’
 
ฉงเย่หลับตาและไม่คิดอะไรอีก
 
เขาฝึกวิชาเต๋าหวังฉินระดับสุดยอดมาและสามารถตรวจจับอารมณ์ของคนอื่นได้ ดังนั้น ต่อให้ไม่เห็นตัวหยวนฉิงเทียน เขาก็ยังสามารถจับร่องรอยของเขาได้อยู่
 
“ไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความรัก ไม่มีความหลง… น่าประหลาดใจจริงๆ นี่คืออีกคนที่ไม่มีอารมณ์อ่อนไหวใดๆสินะ”
 
หัวใจของฉงเย่หนักอึ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกปั่นป่วนที่ปรากฎขึ้นข้างหลังเขา
 
หลังจากที่สัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ฉงเย่ก็หันหลังกลับแล้วกระแทกฝ่ามือออกไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเงาที่มองไม่เห็นกระถูกกระแทกถอยกลับไปหลายสิบเมตร พร้อมกับมีเลือดกระจายในอากาศ
 
อย่างไรก็ตาม ร่างของหยวนฉิงเทียนไม่ได้ปรากฎขึ้น
 
เมื่อเห็นเลือดสดๆ สายตาของฉงเย่ก็เป็นประกายและจมูกของเขาก็กระตุกเล็กน้อย
 
ด้วยกลิ่นเลือด เขาก็พบอีกร่องรอยของหยวนฉิงเทียน เขากระแทกฝ่ามืออีกครั้ง แล้วความหนาวเย็นก็กระจายออกมา
 
ครั้งนี้ หยวนฉิงเทียนไม่โดน แต่เลือดถูกโปรยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนัก มันก็กระจายไปทุกทิศทาง
 
ด้วยวิธีนี้ ฉงเย่จึงไม่สามารถพึ่งพากลิ่นเลือดในการหาตำแหน่งของหยวนฉิงเทียนได้อีกต่อไป
 
“ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ”
 
เมื่อเห็นฉากนี้บนแท่นสูง เฉินเฉินก็ตกใจ
 
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาเองก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของฉงเย่ด้วย แม้ว่าเขาจะมีระบบอยู่กับตัว ทำให้เขาสอนบทเรียนที่แสนสาหัสกับหยวนฉิงเทียนได้ในเวลาไม่กี่นาที แต่เขาก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยวนฉิงเทียนถ้าเขาไม่มีระบบ
 
ถึงยังไง วิชาหายตัวนั่นก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
 
“พี่ใหญ่ฉง ท่านแข็งแกร่งจริงๆ”
 
เสียงที่แหบแห้งของหยวนฉิงเทียนดังก้องไปทั่วสังเวียน ฉงเย่เงยหน้ามองขึ้นไปเหนือหัวของเขาอย่างกะทันหัน
 
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง พื้นดินก็แตกออก จากนั้นเงาล่องหนก็พุ่งออกมาจากพื้น
 
สีหน้าของฉงเย่แข็งทื่อในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งความตื่นเต้นอย่างสุดขีด
 
โดยไร้ซึ่งความลังเล ฉงเย่ก็ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวในขณะที่ออร่าในร่างกายของเขาปะทุด้วยพลังเต็มที่ จากนั้นเขาก็กระแทกมือไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าเขา!
 
ตูม!
 
ด้วยเสียงระเบิด ร่างของหยวนฉิงเทียนก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ร่างของเขากระเด็นออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ และกระแทกกับแท่นสูงของสำนักอันดับหนึ่งอย่างรุนแรง
 
แท่นสูงถล่มลงมาและหยวนฉิงเทียนก็ร่วงมาที่พื้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
 
“ฉงเย่แห่งสำนักอู๋ซินเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้!” ผู้อาวุโสแก่นทองคำรีบประกาศ ด้วยความรู้สึกโล่งอกอย่างมากในเวลาเดียวกัน
 
เขารู้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถตรวจจับร่องรอยของหยวนฉิงเทียนได้เลย แต่ผู้สืบทอดสามารถทำได้ ดังนั้น เขาจึงนับถือฉงเย่จริงๆ
 
“หึหึ…ฮ่าฮ่าฮ่า!”
 
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาประกาศอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากซากของแท่นสูง
 
เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ และค่อยๆแสดงให้เห็นถึงความโรคจิต ในท้ายที่สุดนั้น ทุกคนในสนามประลองก็อดสั่นกับเสียงที่พวกเขาได้ยินไม่ได้
 
ด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง ฉงเย่ก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วถามอย่างเย็นชา “หยวนฉิงเทียน เจ้าเป็นใครกันแน่?”
 
ไม่ว่าเขาจะโง่แค่ไหน เขาก็รู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องกับหยวนฉิงเทียนคนนี้ ในเมื่อเขาเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของเขามาตั้งหลายปี ก็แสดงว่าเขาต้องปิดบังเรื่องใหญ่บางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน!
 
เมื่อได้ฟังคำถาม เสียงหัวเราะก็หยุดลงในทันที และถูกแทนที่ด้วยคำตอบอันแสนโหดร้าย
 
“ข้าหยวนฉิงเทียน ว่าที่หัวหน้าสาขาที่ 2 ของสำนักอสูรรัฐโจว”
 
ผู้สืบทอดทุกคนมองหน้ากันเอง พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
 
สาขาที่ 2 ของสำนักอสูรเป็นที่รู้จักกันในฐานะสาขาทมิฬ ที่มีหน้าที่ในการลอบสังหาร พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยของสาขาที่สองนี้จะลอบเข้ามาในรัฐจิน นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่มานานแล้วด้วย
 
ในตอนนี้เอง เฉินเฉินก็ได้ข้อสรุปขึ้นมา
 
เขาได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับสำนักอสูรมามากมายจากอาจารย์
 
มีข่าวลือว่าสาขาที่ 2 ของสำนักอสูรมีวิชาลอบเร้นที่น่าเหลือเชื่อซึ่งไม่มีใครเรียนรู้ได้ในเวลาหลายร้อยปี
 
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าสิ่งจำเป็นในการฝึกฝนวิชานี้มันมีความเฉพาะอย่างมาก
 
มันต้องการมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งกลางๆและคนที่จะถูกหลงลืมในตอนที่อยู่ร่วมกับฝูงชน
 
ข่าวลือบอกเอาไว้ว่าที่จุดสูงสุดของวิชานี้ แม้แต่สวรรค์ก็จะหลงลืมคนผู้นั้น
 
การหายตัวเป็นแค่ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย ในตอนที่ฝึกตนไปถึงระดับที่ลึกซึ้ง ภัยพิบัติจากสวรรค์ก็คงไม่ปรากฎขึ้นในระหว่างการทะลวงขั้นการฝึกตนของเซียน
 
‘นี่คือวิชากำบังศักดิ์สิทธิ์ที่หายสาบสูญไปนานสินะ…ไม่แปลกใจเลยที่มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆที่คนหล่อเหลาอย่างข้าไม่ได้ถูกกำหนดให้มีโอกาสฝึกฝนวิชาที่น่าประทับใจนี้’
 
ในขณะที่เฉินเฉินครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ร่างกายของฉงเย่ก็ซวนเซอย่างกะทันหัน และถูกกลืนกินด้วยควันสีดำในขณะที่หยวนฉิงเทียนหัวเราะคิกคัก
 
“ฉงเย่ เจ้าพึ่งโดนมีดกลืนกินวิญญาณจากสาขาทมิฬของข้าเฉือนเนื้อไป มีดเล่มนี้ถูกอาบด้วยพิษหนึ่งพันปีของสาขาที่ 6 เวทมนตร์คำสาปของสาขาที่ 8 และศพตายโหงอายุ 10,000 ปีของสาขาที่ 12!
 
“ฮ่าฮ่า นี่แหล่ะคือสุดยอดพิษทั้งสาม ซึ่งข้าเรียกว่าความพิโรธของมนุษย์! มันถูกออกแบบมาเพื่อฆ่ายอดฝีมืออย่างเจ้า! ข้าอาจจะแพ้ในการประลองนี้ แต่เจ้า ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของรัฐจินจะต้องตาย! ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าไม่ได้แทรกซึมเข้ามาในรัฐจินอย่างสูญเปล่าแล้ว!”
 
คำพูดที่จองหองพวกนี้ดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลอง และก่อให้เกิดความโกลาหลในทันที
 
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ออร่าที่น่ากลัวและน่าเกรงขามต่างๆได้ปรากฏขึ้นเหนือสังเวียนอย่างกะทันหัน
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset