ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 109: อะไรนะ? มีสถานที่แบบนั้นด้วยเหรอ??

นิยาย อ่านนิยาย
เมื่อได้ฟังการแจ้งเตือนของระบบ เฉินเฉินก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา
 
มันปรากฏขึ้นแล้ว! ในที่สุดก็มีโอกาสสำหรับการตรวจจับวางกว้าง และมันก็มีระยะ 20,000 เมตร แถมไม่มีข้อจำกัดด้วย!
 
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเฉินเฉินสามารถไปที่อื่นเพื่อใช้โอกาสนี้ได้
 
พูดตามตรง เฉินเฉินยังค่อนข้างรู้สึกดูถูกสำนักงานใหญ่ของสำนักอสูร
 
แม้ว่าพิษจะเป็นสมบัติประเภทหนึ่งเหมือนกัน แต่มันส่งผลเสียมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เห็ดเวทมนตร์ที่จะลดอายุขัยของคนถ้าเข้าไปใกล้ มันไม่สามารถพกพาไปด้วยได้เลย
 
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง ผู้อาวุโสสำนักอสูรทั้งสองก็คุกเข่าลงพร้อมกัน
 
“พวกเรา อันเฉินกับอันซิง ผู้อาวุโสของสาขาสองแห่งสำนักอสูรมีเรื่องสำคัญอยากจะขอพบเจ้าสำนักครับ!”
 
ในทันทีที่พวกเขาพูดจบ หน้าผาตรงหน้าก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นประตูยักษ์บานนึง
 
ภายในประตูยักษ์นั้นเป็นสีดำสนิท และมีกลิ่นเลือดอ่อนๆโชยมาจากด้านใน ทำให้มันดูวังเวงและน่ากลัวเป็นพิเศษ
 
เฉินเฉินรู้สึกกังวลมากๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน
 
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสจะได้เจอกับเจ้าสำนักอสูรในเร็วๆนี้!
 
เจ้าสำนักอสูรคือคนที่ใหญ่ที่สุดของสำนักอสูร แม้กระทั่งผู้อาวุโสสำนักอู๋ซินและท่านบรรพบุรุษก็ยังด้อยกว่าเขาในแง่ของสถานะและอำนาจ
 
ถึงยังไง เจ้าสำนักอสูรก็ไม่เพียงแค่จะควบรวมทั้ง 36 สาขาของสำนักอสูรให้เป็นปึกแผ่นได้ แต่ยังเป็นพระราชาของรัฐโจวด้วย
 
“อย่ากลัวไป ท่านเจ้าสำนักไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” ผู้อาวุโสสำนักอสูรทั้งสองเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
 
จากนั้นพวกเขาก็เดินนำเฉินเฉินเข้าไป ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ กลิ่นเลือดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
 
ในตอนที่พวกเขามาถึงส่วนลึกสุด กลิ่นเลือดก็ฉุนมากจนแทบอ้วก
 
“เขาไม่ใช่ปีศาจที่ดูดเลือดมนุษย์ใช่ไหมครับ?” เฉินเฉินกังวลและเขาก็กลัวจะถูกกินในตอนที่เข้าไปข้างใน
 
อย่างไรก็ตาม เรื่องมันเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้
 
มันไม่ได้มีภูเขาศพที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ข้างใน หรือมีปีศาจที่ชั่วร้าย มันมีแค่ชายแก่สวมเสื้อคลุมคนนึงที่มีผมยาวพาดบ่าอย่างไม่เป็นทรงนั่งอยู่บนแท่นหิน
 
มีโซ่แสงสี่เส้นอยู่รอบๆแท่นหินซึ่งได้พันธนการชายแก่คนนี้เอาไว้อยู่ โซ่สองเส้นได้เจาะทะลุหัวไหล่ของเขาและกลิ่นเลือดก็แผ่ออกมาจากเขา
 
‘นี่คือโจวเหรินหลง เจ้าสำนักอสูรที่อาจารย์พูดถึงอย่างนั้นเหรอ? เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย’
 
เฉินเฉินบ่นในใจ
 
เซี่ยวอู่โยวเคยบอกเขาว่าเจ้าสำนักอสูรโจวเหรินหลงคือสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสองประเทศที่มีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ แต่เขาไม่ได้บอกว่าโจวเหรินหลงคนนี้เป็นนักโทษ
 
‘ในสองอาณาจักรนี้มีคนที่สามารถพันธนาการเจ้าสำนักอสูรได้ด้วยเหรอ หรือว่าเป็นคนที่อยู่นอกเหนือจากสองอาณาจักรนี้?’
 

 
“ท่านเจ้าสำนัก! ฉิงเทียนทำภารกิจสำเร็จครับ…แต่เขาเจออุบัติเหตุระหว่างทางกลับและทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาก็ถูกทำลาย ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดช่วยฟื้นฟูทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาด้วยเถอะครับ!”
 
ผู้อาวุโสสำนักอสูรที่พาเฉินเฉินมาชี้ไปยังหยวนฉิงเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับคนโง่ และคำพูดของเขาก็น่าเศร้ามาก
 
“ได้สิ แต่ถ้าให้ข้าฟื้นฟูทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา สาขาสองก็จะเสียโอกาสนั้นไปนะ”
 
เฉินเฉินไม่เห็นปากของเจ้าสำนักอสูรขยับเลยแต่เสียงก็ดังมาจากเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม มันน่าขนลุกสุดๆและเขาก็ให้ความรู้สึกเหมือนปีศาจจากนรก
 
อันเฉินกับอันซิงคุกเข่าอีกครั้งด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น
 
“ท่านเจ้าสำนัก! ครั้งนี้ นายน้อยได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเราขอความเมตตาด้วย! โปรดให้โอกาสเขาเถอะ! และครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้กลับมามือเปล่าด้วย พวกเราพาคนๆนี้กลับมาครับ!”
 
หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น ผู้อาวุโสอันเฉินก็ชี้ไปทางเฉินเฉิน
 
ทันใดนั้นเอง โจวเหรินหลงที่ถูกพันธนาการอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปที่เฉินเฉิน
 
เฉินเฉินรู้สึกได้ว่ามีแรงกดดันอันมหาศาลกำลังกดมาที่ร่างกายของเขาในทันทีซึ่งมันรู้สึกหนักเหมือนกับของหลายร้อยกิโล ทำให้เขาอยากจะคุกเข่าลงในทันที
 
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดเขาก็ยืนหยัดสู้เอาไว้ได้และไม่ได้ใช้พลังปราณเลยซักนิด
 
“ท่านเจ้าสำนัก เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อจางเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากรัฐจิน แต่เขามีร่างกายไร้เทียมทานอันหายาก! ถ้าเขาเข้าร่วมสาขาขัดเกลาร่างกาย พวกเราจะสร้างสุดยอดฝีมือในรัฐโจวได้อีกคนนึงแน่นอนครับ!”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สายตาของโจวเหรินหลงมีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็แค่นั้น
 
เมื่อเทียบกับปฏิกิริยาของเซี่ยวอู่โยวในตอนที่เขาพบเฉินเฉิน โจวเหรินหลงนั้นใจเย็นกว่ามาก
 
เห็นได้ชัดว่าเขาคือสุดยอดฝีมือที่จะรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
 
“หืม ร่างกายไร้เทียมทานเหรอ? น่าสนใจ แต่ถึงกระนั้น ฉิงเทียนที่ได้รับการรักษาอาจจะไม่มีความทรงจำเหลืออยู่ก็ได้ เจ้ายังอยากจะให้เขาแข่งชิงบัลลังก์ของเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐโจวในสภาพนั้นอยู่อีกเหรอ?”
 
“ครับ!”
 
ทั้งสองคนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน
 
หยวนฉิงเทียนได้ทำการเสียสละเป็นอย่างมากเพื่อลอบสังหารฉงเย่ ถึงขนาดที่เขายอมแทรกซึมเข้าไปในรัฐจินเป็นเวลากว่าสิบปี ดังนั้น ต่อให้อายุจิตของหยวนฉิงเทียนจะกลับไปเป็นเด็กทารก พวกเขาก็ยังจะปล่อยให้เขาต่อสู้เพื่อบัลลังก์
 
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าทั้งสองกลับไปได้แล้วทิ้งฉิงเทียนไว้ที่นี่ซะ” โจวเหรินหลงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
ผู้อาวุโสอันเฉินกับอันซิงมองหน้ากันก่อนที่จะบินออกไป
 
ไม่นานนักก็เหลือแค่โจวเหรินหลง เฉินเฉิน และหยวนฉิงเทียนที่ไม่ได้สติอยู่ในภูเขาลึก และบรรยากาศก็อึมครึมขึ้นมาอย่างกะทันหัน
 
เฉินเฉินได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจเต้นของตัวเอง
 
ในขณะที่มองเฉินเฉินซึ่งถูกครอบงำด้วยความกังวล โจวเหรินหลงก็พูดอย่างเฉยเมย “คนของรัฐจินที่เข้าร่วมสำนักอสูรของเราจะต้องสาบานต่อหน้ารูปปั้นเทพอสูรเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ”
 
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นเฉินเฉินก็สังเกตเห็นรูปปั้นเทพอสูรขนาดยักษ์อยู่ข้างหลังโจวเหรินหลง
 
ในขณะที่มองรูปปั้น หัวใจของเฉินเฉินนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
 
‘เขาอยากให้ข้าสาบานอะไรกัน?’
 
‘โจวเหรินหลงไม่ได้บอกข้าด้วย เขาพยายามกดดันให้ข้าตกอยู่ในจุดที่ยากลำบากเหรอ?’
 
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศอึมครึมขึ้นเรื่อย ๆ เฉินเฉินผู้มีจิตใจที่กล้าแกร่งให้คำสาบานต่อรูปปั้นเทพอสูรอย่างจริงจัง “ท่านเทพอสูร ข้า จางเฉินขอสาบานเอาไว้ ณ ที่นี้ว่าจะทำลายสำนักอู๋ซินให้หมดสิ้นภายในเวลาสิบปี ไม่อย่างนั้นขอให้ข้าตายโดยไม่มีแม้แต่ที่ฝังและจะไม่มีวันกลับมาเกิดใหม่ตลอดกาล!”
 
เมื่อได้ฟังคำสาบานนี้ โจวเหรินหลงที่อยู่บนแท่นก็ตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ เขาก็พูดออกมาในที่สุด “คำสาบานของเจ้ามันมากเกินไปหน่อยนะ การทำลายสำนักอู๋ซินไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สิบปีเหรอ? คำกล่าวอ้างของเจ้าช่างกล้าหาญจริงๆ”
 
เฉินเฉินยิ้มแล้วเกาหัว เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแนวคิดของเวลาซักเท่าไหร่ เอาเถอะ ก็เข้าพึ่งฝึกตนมาได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง
 
ถ้าเขามีเวลาซักสิบปี เขาจะไม่กลายเป็นผู้ไร้เทียมทานเลยเหรอ? แบบนั้นการทำลายสำนักอู๋ซินก็เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขาไม่ใช่รึไง?
 
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาทำได้แค่สาบานโดยใช้สำนักอู๋ซินเท่านั้น ถึงยังไง พวกนั้นก็เป็นพวกเลวทรามอยู่แล้วดังนั้นการฆ่าพวกเขาคงไม่มีอันตรายอะไร
 
“ข้าแก้คำสาบานดีไหม? ซักสิบสองปีเป็นยังไงครับ?” เฉินเฉินพูด ด้วยความมั่นใจที่น้อยกว่าตอนแรก
 
ในตอนที่ได้ยินเช่นนี้ปากของโจวเหรินหลงขยับจริงๆ เขาดูค่อนข้างโกรธ
 
“เจ้าคิดว่าการสาบานต่อหน้าเทพอสูรเป็นเรื่องตลกรึไง? ถ้าเจ้าผิดคำสาบาน เจ้าจะถูกเทพอสูรสาปแช่ง”
 
เขาเคยเห็นพวกที่สาบานจะยอมภัคดีด้วยมาก่อน แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนที่สาบานว่าจะทำลายสำนักอู๋ซินภายในสิบปี
 
‘นั่นมันก็แค่การหาเรื่องตายเท่านั้น’
 
เฉินเฉินมีสีหน้าบูดบึ้ง ‘คำสาบานมีผลจริงๆเหรอ? มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้’
 
เขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
 
“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้ากล้าสาบานถึงขนาดนั้น อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าเจ้าเกลียดสำนักอู๋ซิน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว นับจากนี้ไป เจ้าจะเป็นศิษย์อนาคตไกลของสายขัดเกลาร่างกายแห่งสำนักอสูร”
 
“สำนักอสูรนั้นแตกต่างจากรัฐจิน ไม่ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เจ้าก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าคนอื่น เจ้าจะต้องสรรหาทุกอย่างด้วยตัวเอง”
 
“แม้กระทั่งเรื่องตำแหน่งเจ้าสำนักอสูร ข้าเองก็จะต้องยอมสละมันถ้ามีคนจากสาขาอื่นที่แข็งแกร่งกว่าข้า”
 
คำพูดของโจวเหรินหลงทำให้เฉินเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
 
เขาคิดว่าเขาจะได้รับยศผู้สืบทอดเจ้าสำนักหรืออะไรประมาณนั้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะเพ้อฝันมากเกินไปเพราะสถานที่โกโรโกโสแบบนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับอัจฉริยะอย่างเขาจริงๆ
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โจวเหรินหลงพูดถัดจากนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้เขา!
 
“สามสาขาแรกของสำนักอสูรล้วนมีดินแดนลับของตัวเอง ซึ่งเก็บมรดกต่างๆเอาไว้ มรดกพวกนี้ต้องการการทดสอบที่แตกต่างกัน และศิษย์เริ่มต้นทุกคนจะได้เข้าไปในสถานที่นั้นเป็นเวลาสิบวันเพื่อหาวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด”
 
“ตอนนั้น หยวนฉิงเทียนได้ผ่านการทดสอบต่างๆและได้พบวิชาซ่อนเร้นศักดิ์สิทธิ์จนสร้างความตกใจให้กับทั้งสาขาที่ 2 และในทำนองเดียวกัน เจ้าเองก็ต้องหาวิชาของตัวเอง”
 
“แต่ว่า ข้าคงต้องขอเตือนเจ้าหน่อยว่าพื้นที่ลับของสาขาขัดเกลาร่างกายนั้นยับยั้งพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด ใครก็ตามที่เข้าไปจะกลายเป็นมนุษย์เพื่อที่จะตามหาวิธีฝึกตนที่เหมาะสมที่สุด ปัจจัยทางกายภาพเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเจตจำนงค์ที่ไม่ย่อท้อของเจ้า! ในระหว่างการฝึกตน พลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายมนุษย์ แต่เจ้าจะสามารถสังหารยอดฝีมือได้ตราบใดที่จิตใจของเจ้าแน่วแน่!”
 
“อะไรนะครับ? มีสถานที่แบบนั้นด้วยเหรอครับ?”
 
เฉินเฉินยิ่งกว่าตกตะลึง มรดกทุกรูปแบบอยู่ในดินแดนลับ มีสถานที่แบบนั้นด้วย!
 
‘หรือว่านี่คือสถานที่ที่ข้า…ใฝ่ฝันเอาไว้?’
 
“แน่นอนว่ามีสิ ถ้าเจ้าไม่ได้มรดกอะไรกลับมาเลย มันก็หมายความได้แค่ว่าเจ้าไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่ง และถ้าเจ้าไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง เจ้าก็จะเป็นแค่ก้อนหินให้คนอื่นเหยียบเพื่อกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอนาคต แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายไร้เทียมทานก็ตาม! และถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็หมายความว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นศิษย์สาขาขัดเกลาร่างกายของสำนักอสูร”
 
น้ำเสียงของโจวเหรินหลงฟังดูเข้มงวด และในท้ายที่สุด มันก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
 
หลังจากที่เขาพูดจบ รูปปั้นเทพอสูรก็ขยับไปทางขวาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นประตูบานนึง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset