หลังจากออกไปจากภูเขา เฉินเฉินถอนหายใจออกมา
การไล่เซี่ยวอู่โยวออกไปคือบททดสอบที่โจวเหรินหลงมีให้กับเขา
ถ้าเขาข้องเกี่ยวกับสำนักอู๋ซิ่นแล้ว เขาจะก่อความวุ่นวายขึ้นและป้องกันไม่ให้เซี่ยวอู่โยวกลับไปยังรัฐจิน ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ดีกับสำนักอู๋ซิ่น
ยังไงก็ตาม โจวเหรินหลงคงไม่ได้คาดคิดว่าลูกศิษย์ที่เขารับมาจากรัฐจินจะไม่เกี่ยวข้องกับสำนักอู๋ซิ่น แต่กลับมาจากสำนักเทียนหยุนแทน
ยังไงก็ตามมันก็ยังเป็นบททดสอบของสำนักอสูรอยู่ดี
“จางเฉิน เจ้าสำนักอาจจะยังไม่เชื่อใจเจ้า แต่มันยังไม่ถึงระดับที่จะต้องพาผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดวิญญาณสองคนคอยตามเจ้าแบบนี้ พูดตามจริงแล้ว โจวฉานและข้าต่างเป็นผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดวิญญาณที่เจ้าสำนักส่งออกไปดูแลเจ้าเท่านั้น มันเป็นเพราะว่าเขากังวลในความปลอดภัยของเจ้า” โจวเฟิงพูดปลอบออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นการก้าวเดินของเฉินเฉินมันดูหนักอึ้งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
เฉินเฉินหยุดและถามออกมาอย่างเบาๆ “มันมีศัตรูคู่อาฆาตกับสาขาขัดเกลาร่างกายเหรอครับ? ไม่อย่างงั้นแล้วมันจะจำเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
“พวกเรามีศัตรูคู่อาฆาตอยู่จริง! เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวกับตอนที่เจ้าออกไปนะ” โจวฉานพูดขัด
เฉินเฉินพูดไม่ออก เขาตกลงไปในกับดักเสียแล้ว
…
ด้านในอาณาเขตของสาขาสองของรัฐอสูร เฉินเฉินและทั้งสองคนต่างได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
คนที่รับหน้าที่จัดการดูแลสาขาสองคือผู้อาวุโสอันเฉินและอันฉิง ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุด
ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางที่จะจัดการกับเซี่ยวอู่โยวได้เลย มันทำให้พวกเขาทั้งสองคนหงุดหงิดมาก
ยังไงก็ตาม หยวนฉิงเทียนไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรเลยสักนิด หลังจากที่เขากลับมาเขาก็เอาแต่หันหน้าเข้ากำแพงและพึมพำกับตัวเอง
เฉินเฉินได้ยินชื่อเขาอยู่บ้างและตาของเขาก็กระตุก เขาหันไปมองอันเฉินและอันฉิง ก่อนที่จะถามออกมา “เซี่ยวอู่โยวอยู่ที่ไหน?”
“มันมีเมืองสิบหกเมืองในอาณาเขตสาขามืดของข้า เขาได้ปรากฏตัวขึ้นทั้งสิบห้าเขต ในแต่ละเมืองเขาอออกมาสังหารลูกศิษย์สำนักอสูรหลายต่อหลายคนเพื่อระบายความโกรธของเขา”
“พูดตามตรงแล้ว นายน้อยของสาขาเป็นแบบนี้เพราะว่าเฉินเฉิน ถ้าเฉินเฉินตายลงไปแล้ว พวกเราจะดีใจกันมาก แต่การตายของเขาไม่ใช่พวกเราเป็นคนทำ การมายังสาขาของพวกเราเพื่อระบายความโกรธของเขานี่มันเห็นได้ชัดว่าเขากำลังดูถูกพวกเราอยู่ ถ้าเจ้าสาขายังอยู่….”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผู้อาวุโสอันเฉินรู้สึกเศร้าสร้อยและแทบจะระเบิดน้ำตาออกมา
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สาขาสองจะกลายเป็นที่รองรับความโกรธของคนอื่นแบบนี้กัน?
สำนักอู๋ซิ่นนั้นหงุดหงิดมากกับการต่อสู้ในเมือง แต่สาขาสองก็ได้รับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว ตาของเฉินเฉินดูเย็นยะเยียบและเขาก็ตบไปที่ไหล่ของอันเฉิน ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนที่สละเลือดให้กับสำนักอสูรผิดหวัง! ถ้าเซี่ยวอู่โยวไม่ถอยกลับไป เขาก็ลืมที่จะได้กลับออกไปอีกเลย!”
อันเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่งและร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณมากครับ นายน้อยสาขา!”
เมื่อได้ยินคำแทนตัวที่เขาเรียกแล้ว เฉินเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
‘ข้าไม่ใช่นายน้อยของสาขา ข้าเป็นแค่ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของสาขาขัดเกลาร่างกายต่างหาก มันไม่เหมือนกัน’
“ข้าไม่ควรที่จะช้าไปกว่านี้แล้ว ข้าจะพาผู้อาวุโสโจวฉานและโจวเฟิงไปยังเมืองสุดท้าย”
เฉินเฉินลุกขึ้นยืน เขาดูจริงจังและดูกล้าหาญ
“ขอบคุณมากครับ นายน้อยสาขา!” อันเฉินและอันฉิงต่างก้มหัวให้พร้อมกัน
โดยปราศจากการพูดอะไรออกมาต่อ เฉินเฉินหันหลังและเดินจากไป
…
“ระบบ เซี่ยวอู่โยวอยู่ใกล้กับพวกเราไหม?” เฉินเฉินถามกับระบบอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาอยู่ด้านบนเหนือเมืองเมฆดำ
ถ้าผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นก่อกำเนิดวิญญาณระดับกลางต้องการที่จะซ่อนตัวแล้ว มันจะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหาตัวเขาพบ แม้ว่าจะเป็นโจวฉานและโจวเฟิงก็ตาม
ยังไงก็ตามเฉินเฉินนั้นแตกต่างออกไป เขามีระบบอยู่กับตัวเขาและตราบเท่าที่เขาบินวนไปวนมาด้านบนเมืองเมฆดำด้วยระดับความสูงที่ไม่สูงมากนัก พร้อมกับถามระบบอย่างต่อเนื่องแล้ว เขาก็จะหาเซี่ยวอู่โยวพบอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เขายังอยู่ในเมืองนี้
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ระบบก็ได้ตอบกลับด้วยคำตอบที่แตกต่างออกไป
“28 เมตรด้านล่างค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้แล้ว เฉินเฉินหยุดพูดต่อทันที
มันมีโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งมันไม่ใหญ่เลยสักนิด ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น มันเต็มไปด้วยลูกค้า ท่ามกลางพวกเขาแล้วมันมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดขาวนั่งอยู่บนโต๊ะและดื่มเหล้าคนเดียวอย่างเงียบๆ โดยเขาไม่มีพลังปราณไหลออกมาเลยสักนิด
‘เขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย’
‘อาจารย์อยู่ในเมืองนี้จริงด้วย!’
เฉินเฉินตื้นตันใจมาก
อันเฉินและอันฉิงไม่เข้าใจเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยวอู่โยวถึงได้ก่อความวุ่นวายไปทั่วแบบนี้ แต่เมื่อเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว เฉินเฉินเข้าใจ
ดูจากภายนอกแล้ว มันอาจจะเป็นเพราะว่าเซี่ยวอู่โยวดูเหมือนจะระบายความโกรธ แต่ความจริงแล้วเซี่ยวอู่โยวนั้นคาดเดาว่าเฉินเฉินติดอยู่ในสำนักอสูร ดังนั้นเขาจึงออกไปยังเมืองใหญ่เพื่อตามหาเขา
เขาได้บอกกับสาธารณะว่าเฉินเฉินได้พลาดท่าตายไป เพื่อปกป้องเฉินเฉิน
ถ้าเขาบอกว่าเฉินเฉินหายตัวไปและสำนักอสูรได้รับยอดฝีมือคนใหม่ขึ้นมาแบบฉับพลันเช่นนี้แล้ว โจวเหรินหลงที่ชาญฉลาดก็จะต้องเดาว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปกับลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน
ด้วยการสืบหาเบาะแสแล้ว เขาจะหาต้นตอเบาะแสได้อย่างแน่นอนและเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เฉินเฉินก็จะตกอยู่ในปัญหา
‘อาจารย์มีเจตนาที่ดีเช่นนี้…’
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังที่กว้างขวางของเขาแล้ว เฉินเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนจนพูดไม่ออก
ถึงแม้ว่าอาจารย์จะไม่ได้สอนเขาได้มากสักเท่าไหร่ เขาก็ดีกับเฉินเฉินมากและในช่วงยามคับขันเช่นนี้แล้ว เขายังออกมาตามหาเขาอีก
สัมผัสของเซี่ยวอู่โยวแม่นยำมากและในเวลานี้เองร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ เขาหันกลับไปและมองไปยังเฉินเฉินที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับสวมหน้ากากน่ารังเกียจ
ทั้งสองคนต่างสบตากันเล็กน้อย
ใบหน้าและรูปร่างของคนอาจจะเปลี่ยนไปได้ แต่วิธีการมองในดวงตาของพวกเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป
มันมีความตกตะลึงและไม่สบายใจในดวงตาของเซี่ยวอู่โยว แต่เขาก็รีบซ่อนมันด้วยสายตาที่เย็นยะเยียบ
“เจ้าสมาชิกของสำนักอสูร! เตรียมตัวตายซะ!” เขาคำรามออกมาและแทงดาบสายฟ้าไปที่เฉินเฉิน
ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นบนถนนที่คึกครื้น คนธรรมดาทั่วไปในเมืองต่างวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทั่ว
บึ้ม!
โจวเฟิงและโจวฉานต่างปรากฏตัวขึ้นมาอย่างลึกลับและป้องกันดาบสายฟ้า
“เซี่ยวอู่โยว เจ้ากล้าที่จะโจมตีคนรุ่นเยาว์เนี่ยนะ? เจ้าไม่สมกับเป็นเจ้าสำนักเลยสักนิด!” โจวเฟิงพูดออกมาอย่างเย็นชา
ในอีกด้านหนึ่ง เฉินเฉินรีบถอยกลับก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าสำนักเซียว มันมีคนธรรมดาในเมืองนี้อยู่มาก เจ้ากล้าที่จะออกไปนอกเมืองเพื่อต่อสู้หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เซี่ยวอู่โยวหัวเราะออกมาดังก้องและพูดตอบ “เจ้าทั้งสองคนต่างอยู่ในขั้นกลางของขั้นก่อกำเนิดวิญญาณและเจ้าต้องการให้ข้าไปสู้กับพวกเจ้านอกเมืองอีกเนี่ยนะ? เด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าจะทำ?!”
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินพูดไม่ออก
ชีวิตเหมือนเป็นดั่งการแสดงและมันขึ้นอยู่กับวิธีการแสดงของพวกเขา เซี่ยวอู่โยวอาจจะดูทื่อ แต่ในช่วงยามคับขันเช่นนี้แล้ว เขากลับแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ในขณะที่พูดเช่นนั้น ดาบสายฟ้าของเซี่ยวอู่โยวต่างถูกขว้างเข้าใส่โจวเฟิงและโจวฉาน
ตั้งแต่ที่พวกเขานั้นอยู่ในเมือง ทั้งสองคนจึงไม่กล้าที่จะใช้พละกำลังแบบเต็มกำลัง พวกเขาจัดการมันอย่างระมัดระวัง เพื่อทำให้คนอื่นหวาดกลัวน้อยลง
เซี่ยวอู่โยวไม่มีเจตนาที่จะบังคับให้ทั้งสองคนเอาจริงด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงต่อสู้กันอย่างเรียบง่าย
เฉินเฉินมองการต่อสู้จากระยะไกลและถามออกมาดังก้อง “เจ้าสำนักเซียว ในตอนนี้รัฐจินนั้นตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและสำนักเทียนหยุนตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ ทำไมท่านถึงไม่กลับไปจัดการสำนักตัวเองก่อนละ?!”
“ความตายของลูกศิษย์ข้ามันทำให้ข้ากราดเกรี้ยวเนี่ยสิ ข้าไม่สามารถละทิ้งความโกรธนี้ไปได้!” เซี่ยวอู่โยวตะโกนกลับไป
“คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่สำนักเทียนหยุนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เจ้าสำนักเซียว เจ้าทนได้หรืออย่างไรกับการที่มรดกตกทองของสำนักเทียนหยุนจะถูกกำจัดหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์? นอกจากนี้แล้วนายน้อยของสาขาจากสำนักอสูรของข้า หยวนฉิงเทียนก็ได้สูญเสียสติปัญญาไป เขาถูกทำลายไปโดยลูกศิษย์ของเจ้า เฉินเฉิน ถ้าพวกเราต้องการที่จะชำระแค้นกัน พวกเราก็จะไปจัดการกับเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก!”
เซี่ยวอู่โยวไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นดังนี้ เฉินเฉินพูดต่อ “เจ้าสำนักเซียว ถ้าเจ้าต้องการที่จะสร้างปัญหากับสำนักอสูรต่อไปละก็…”
ร่างกายของเซี่ยวอู่โยวแข็งทื่อขึ้น
เฉินเฉินรีบตีเหล็กที่กำลังร้อนต่อ “ถ้าเจ้าสำนักเซียวปรารถนาที่จะจากไป พวกเราก็จะยื้อสำนักอู๋ซิ่นเอาไว้ให้และยื้อเวลาให้กับสำนักเทียนหยุน สำนักพยัคฆ์ขาว สำนักวิหคสีชาดและสำนักอื่น!”
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวระเบิดอารมณ์ออกมาและตะโกนกลับไป “เจ้าต้องการให้สำนักเทียนหยุนทำงานให้กับสำนักอสูรเนี่ยนะ?!”
“ให้ข้าบอกเจ้าละกัน! แม้ว่าสำนักเทียนหยุนจะถูกสังหารจนเหี้ยนไปก็ตามที พวกเราจะไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับสำนักอสูร!”
เฉินเฉินหัวเราะและส่ายหัว “ทำไมสำนักอสูรต้องร่วมมือกับเจ้าด้วยกัน? พวกเราเพียงแค่ต้องการโจมตีสำนักอู๋ซิ่นเท่านั้น เจ้าสำนักเซียว สิ่งที่เจ้าทำไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักอสูรเลย อา ใช่สิ….ข้าดันเผยข้อมูลสำคัญออกไปแล้วสิ เจ้าสำนักเซียว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไปซะ”
“ฮึ่ม!”
เซี่ยวอู่โยวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและจากไปพร้อมกับดาบ ก่อนที่จะบินหายไป
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว โจวเฟิงและโจวฉานต่างถอยกลับและหันไปมองเฉินเฉินอย่างประหลาดใจ
“นายน้อย ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าท่านจะไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในด้านขัดเกลาร่างกายแล้ว แต่ยังความสามารถในการพูดจาที่ดีแบบนี้อีก”
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินต้องการที่จะโอ้อวดต่อ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของเขาแล้ว สายตาของเขาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง
“คำพูดจามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่าเก็บมันไปคิดครับผู้อาวุโส ยังไงก็ตาม พวกเรายังต้องคอยตรวจดูสำนักอู๋ซิ่นเอาไว้ เผื่อที่จะเกิดเหตุการณ์เร่งด่วนกับสำนักอสูร ดังนั้น ท่านอาวุโส ได้โปรดตามข้าไปยังรัฐจินด้วยครับ”
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 116: อาจารย์และลูกศิษย์ได้พบหน้ากัน
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”