ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 121: ร่วมมือครั้งแรก

เสียงการฆ่าฟันดังขึ้นในสนามรบอย่างไม่หยุดหย่อน
 
ในขณะที่บินอยู่บนฟ้า เฉินเฉินตกใจในตอนที่เขาเห็นภาพด้านล่างจากที่ไกลๆ
 
มันคือชายแดนระหว่างรัฐโจวและรัฐจิน แล้วก็ยังเป็นชายแดนระหว่างสาขาที่หกของสำนักอสูรกับสำนักชิงหลิงด้วย
 
มีคนทั้งหมดอย่างน้อย 100,000 คนในกองทัพและผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์หลายพันคน
 
เมฆสีดำเคลื่อนตัวอยู่เหนือทหารของสาขาพิษและพื้นดินด้านล่างก็ไม่มีหญ้า
 
กองทัพของสำนักชิงหลิงตั้งอยู่ในเขตฝนตกปรอยๆ และหยาดฝนที่ตกลงมาใส่ทหารธรรมดานั้นก็จะช่วยขจัดพิษและรักษาบาดแผลของพวกเขา
 
นอกจากนี้ ด้วยการผนึกกำลังกันของเซียนจากสำนักอู๋ซิน กองทัพอสูรจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับสำนักชิงหลิงเลย
 
สาขาที่หกของสำนักอสูรมีเซียนที่อยู่ขั้นต้นของก่อกำเนิดวิญญาณอยู่ แต่สำนักอู๋ซินได้ส่งเซียนแก่นวิญญาณสองคนมาช่วยสำนักชิงหลิง
 
ในขณะที่สัมผัสถึงความผันผวนในอากาศ เฉินเฉินก็ถอนหายใจออกมา ‘สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเยอะจริงๆ”’
 
เมื่อเทียบกับสาขาแรกของสำนักอสูร สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเยอะกว่ามาก แต่สาขาอื่นๆของสำนักอสูรก็มียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม สำนักอื่นใน 36 สำนักไม่มีเลย
 
นี่คือการสร้างความสมดุลขึ้นมา
 
เมื่อเห็นว่ากองทัพของสาขาพิษกำลังจะพ่ายแพ้ ชายแก่หลายสิบคนก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
 
พวกเขาไม่ได้ตรงไปข้างหน้าเพื่อทำการต่อสู้ แต่เริ่มร่ายรำอยู่กับที่ในขณะที่พึมพำบางอย่างออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากที่สวดไปได้ประมาณสิบวินาที ชายแก่ก็เอาหุ่นกระดาษออกมาจากแขนของพวกเขาและเริ่มแทงพวกมัน
 
ในขณะที่ทำเช่นนั้น พวกเขาก็ทำการสาปแช่งอย่างไม่หยุดหย่อนอีกครั้ง
 
ในท้ายที่สุด คนของสำนักชิงหลิงก็เริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน ไม่นานนัก พวกเขาหลายคนก็ตายลง และฝนวิญญาณจากฟากฟ้าก็ไม่มีผลกับพวกเขา
 
“คนพวกนี้คือกำลังเสริมจากสาขาคำสาปของสำนักอสูร”
 
เฉินเฉินเอาลิ้นแตะเพดานปาก มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนแทงหุ่นกระดาษเพื่อฆ่าศัตรู
 
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โจวฉางกับโจวเฟิงก็เริ่มช่วยเหลือนายน้อยสาขาและสถานการณ์การต่อสู้ก็กลับมาคงที่ในเวลาไม่นาน
 
ไม่นานนัก กำลังเสริมจากสาขาที่สามที่เป็นสำนักลวงตาก็มาถึงเหมือนกัน
 
สำนักพยัคฆ์ขาว สำนักวิหคสีชาด และสำนักอื่นๆไม่ได้ต่อต้านสำนักอสูรเลย ดังนั้น สำนักจึงไม่สามารถจัดหากำลังคนที่มากพอไปสนับสนุนสำนักอื่นได้
 
กองทัพสำนักชิงหลิงเริ่มถอยกลับไปด้วยความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พวกเขาก็ถอยเข้าไปในเมืองที่พวกเขาเปิดค่ายกลขนาดใหญ่คลุมเอาไว้
 
“ศิษย์พี่ พวกเราควรเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยไหมครับ?”
 
ในความว่างเปล่า หยวนฉิงเทียนรู้สึกกระหายการต่อสู้
 
“นี่ไม่ใช่สนามรบของเรา” เฉินเฉินตอบกลับ จากนั้นก็กลับไปยังพื้นที่ตั้งค่ายของสาขาพิษ
 
ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้รับข้อมูลมากมาย
 
ในตอนที่เขาออกมา สายตาของเฉินเฉินก็เต็มไปด้วยประกาย
 
“ฉิงเทียน ไปที่สำนักชิงหลิง”
 
“หา!? แบบนั้นมันก็เหมือนกับสั่งให้ไปตายไม่ใช่เหรอครับ?” หยวนฉิงเทียนถามด้วยความประหลาดใจ
 
“เจ้าสามารถหายตัวได้ แล้วเจ้าจะต้องกลัวอะไรอีก?”
 
เฉินเฉินสบถ จากที่ไกลๆ เขาดูหมดหนทางในตอนที่เขาเห็นภาพนี้
 
‘แต่ว่า นายน้อยสาขาคิดจะทำอะไรกันแน่? มันไม่ปลอดภัยไม่ใช่รึไง?’
 
ก่อนที่เขาจะคิดออก เฉินเฉินก็ได้ลากตัวหยวนฉิงเทียนไปแล้ว
 

 
ภูเขาชิงหลิงเป็นสถานที่ที่มีจิตวิญญาณอันงดงาม
 
เฉินเฉินเหลือบมองด้วยความรู้สึกประทับใจจากที่ไกลๆ
 
พลังปราณของหญ้าและป่าไม้นั้นอุดุมสมบูรณ์ และจากที่ไกลๆ พวกมันก็จะเปล่งแสงสีเขียวชอุ่มออกมา มันคือป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกตน!
 
แน่นอนว่า สาเหตุหลักๆก็คือสวนสมุนไพรจำนวนมากที่อยู่ในภูเขาชิงหลิง ด้วยความที่สำนักมุ่งเน้นการฝึกตนไปทางสายการรักษาและการล้างพิษ สวนสมุนไพรจึงเป็นสิ่งจำเป็น
 
ครั้งนี้หยวนฉิงเทียนได้โผล่มารายงานกับเฉินเฉิน “ศิษย์พี่ ข้าไปดูลาดเลามาแล้วครับ ตอนนี้สำนักชิงหลิงเปิดค่ายกลป้องกันภูเขาเอาไว้อยู่ ซึ่งไม่สามารถทำลายได้ถ้าไม่ใช่การโจมตีของระดับก่อกำเนิดวิญญาณขึ้นไป นอกจากนี้ ข้าเห็นศิษย์จำนวนนึงกำลังปรุงยาวิญญาณอยู่ข้างในและกำลังลำเลียงออกนอกภูเขา ส่วนที่ทางเข้าภูเขานั้น มียอดฝีมือระดับจุดสูงสุดของแก่นทองคำไม่ต่ำกว่าสองคนคอยคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา พวกเขาเคลื่อนไหวเข้าออกภูเขาอย่างต่อเนื่องครับ”
 
เขาพึ่งจะไปหาข้อมูลวงในมาและได้ข้อสรุปเช่นนี้
 
เฉินเฉินพยักหน้าหลังจากที่รับรู้แล้ว
 
ฝนวิญญาณที่อยู่แนวหน้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่เพียงแค่มันจะต้องใช้การผสานวิถีเซียน แต่มันยังต้องใช้ยาวิญญาณจำนวนมหาศาลด้วย
 
ในอีกด้านนึง สำนักชิงหลิงเป็นสายสนับสนุน
 
ถ้าเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณพยายามเข้ามาโจมตี แค่ให้เซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณของสำนักอู๋ซินเข้ามาช่วยก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะไม่ให้เขาทำลายค่ายกลป้องกันภูเขา
 
ในส่วนของเซียนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นก่อกำเนิดวิญญาณ พวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลภูเขาได้ และถ้าพวกเขาอยากจะเข้าสำนักชิงหลิง พวกเขาก็ทำได้แค่ทะลวงผ่านภูเขามาเท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม ประตูทางเข้าภูเขาได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ดังนั้นเซียนที่อยู่ต่ำกว่าก่อกำเนิดวิญญาณจะฝ่าเข้าไปได้ยังไงล่ะ?
 
ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าให้พูดจริงๆแล้ว การป้องกันของสำนักชิงหลิงนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ
 
เฉินเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องรีบไป พวกเราจะเคลื่อนไหวทีหลัง”
 

 
ช่วงกลางดึก ดวงจันทร์ส่องแสงสดใส และดวงดาวก็ระยิบระยับ
 
เฉินเฉินกับหยวนฉิงเทียนแอบลอบเข้าไปถึงริมภูเขาชิงหลิง
 
“ศิษย์พี่… มีค่ายกลป้องกันอยู่ที่นี่ครับ…”
 
“หยุดพูด! แล้วดูข้าก็พอ!” เฉินเฉินตำหนิ แล้วเอาเจ้าถั่วเขียวออกมาจากกระเป๋าหนังสัตว์วิญญาณ จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่แสงตรงหน้าเขา
 
เจ้าถั่วเขียวมองเฉินเฉิน
 
“ทำลายค่ายกล เจ้าเข้าใจใช่ไหม?” เฉินเฉินสั่ง
 
ดวงตาแวบวับของเจ้าถั่วเขียวเต็มไปด้วยความตระหนักรู้ในขณะที่มันอ้าปากเล็กๆออกมา หลังจากนั้นไม่นานกระแสน้ำสีดำก็พุ่งเข้าใส่ม่านแสง
 
ตูม!
 
ด้วยเสียงดังสนั่น ม่านแสงก็เริ่มสั่นสะเทือน!
 
“ไม่นะ!”
 
“เวรเอ๊ย!”
 
เฉินเฉินกับหยวนฉิงเทียนตื่นตระหนก
 
เขาอุ้มเจ้าถั่วเขียวขึ้นมาแล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว และหายไปจากที่เกิดเหตุในเวลาไม่นาน
 
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ศิษย์สำนักชิงหลิงกลุ่มหนึ่งก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่ค่ายกลถูกโจมตีด้วยความเร่งรีบ พวกเขาเริ่มตรวจสอบมันอย่างละเอียด และคอยระวังรอบข้างอย่างเต็มที่
 

 
ครู่ต่อมา เฉินเฉินก็ได้พาหยวนฉิงเทียนไปที่อีกฝั่งนึงของภูเขาชิงหลิง
 
“เจ้าถั่วเขียว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งนึง เจ้าต้องนุ่มนวล! อย่ารีบร้อน! ถ้าเจ้าใช้วิธีห่ามๆอีก พรุ่งนี้ข้าจะจับเจ้าไปต้มซุปบำรุงร่างกาย”
 
โชคดีที่ บริเวณพื้นผิวที่เจ้าถั่วเขียวโจมตีนั้นเล็กนิดเดียว ไม่อย่างนั้น ทั้งสำนักชิงหลิงคงจะส่งเสียงเตือนภัยแล้ว
 
ด้วยความรู้สึกผิด เจ้าถั่วเขียวคลานต้วมเตี้ยมไปยังค่ายกล และพยายามยื่นกรงเล็บของมันออกมาก่อนที่จะแตะม่านแสงเบาๆ
 
ไม่นานนัก อักษรรูนลึกลับก็ปรากฏขึ้น ซึ่งมันเริ่มเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ประมาณหนึ่งนาทีต่อมา การเปลี่ยนแปลงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน และอักษรรูนก็ผสานเข้ากับค่ายกล
 
ทันใดนั้นเอง ก็มีรูปรากฎขึ้นในค่ายกล
 
“เจ้าเต่าตัวนี้เก่งกาจมาก!” ดวงตาของหยวนฉิงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกน แต่สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจของเขา
 
เฉินเฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขากล้าแสดงวิธีพวกนี้ให้ดูเมื่ออยู่ต่อหน้าหยวนฉิงเทียนเท่านั้น ถ้าโจวฉางอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงจะไม่กล้าใช้เจ้าถั่วเขียวอย่างแน่นอน
 
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เฉินเฉินสั่ง จากนั้นก็นำหน้าเข้าไปในภูเขาชิงหลิงผ่านทางเข้าถ้ำ หลังจากนั้นในทันที พลังปราณของป่าไม้อันหนาแน่นก็ซึมซับเข้ามาในร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกสดชื่น
 
พวกเขาบังเอิญเข้ามาในสวนสมุนไพรแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรชำระวิญญาณ
 
สมุนไพรชำระวิญญาณเป็นยารักษาพิษ เฉินเฉินเคยมีสมุนไพรชำระวิญญาณอายุ 10,000 ปีอยู่ แต่เขาใช้มันไปในระหว่างการต่อสู้กับหยวนฉิงเทียน
 
“ศิษย์พี่… พวกเราจะเก็บสมุนไพรวิญญาณไหมครับ?”
 
เมื่อเห็นสมุนไพรชำระวิญญาณ หยวนฉิงเทียนก็พูดตะกุกตะกัก เขารู้สึกไม่ปกติเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโอกาสดีๆแบบนี้
 
เฉินเฉินเห็นเขากำลังจะเดินผิดทางและรีบดึงเขากลับมา
 
“สมุนไพรวิญญาณที่ปลูกจำนวนมากพวกนี้จะไปมีประโยชน์อะไรกัน? นอกจากนี้ พวกเราเป็นระดับสูงของสำนักอสูร พวกเราจะทำตัวเหมือนโจรได้ยังไง?”
 
ในขณะที่มองริมฝีปากของเฉินเฉิน หยวนฉิงเทียนก็รู้สึกไม่เต็มใจและขุ่นเคืองอย่างมาก มีสมุนไพรชำระวิญญาณอยู่ตั้งมากมาย เขาจะต้องใช้ขนมกับของเล่นมากมายขนาดไหนกันถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนมันได้?
 
ในตอนที่เขาอยากจะแอบเก็บขึ้นมาต้นนึงใส่เอาไว้ในแขนเสื้อของเขานั้นเอง เขาก็ได้ยินคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันจากที่ไกลๆ
 
“ท่านเซียนหญิง ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับค่ายกลทางฝั่งเหนือ และผู้อาวุโสใหญ่ก็สงสัยว่ามีขโมยแอบเข้ามา เพราะฉะนั้นเขาเลยขอให้พวกเรามาตรวจสอบดูว่าสมุนไพรวิญญาณยังอยู่ดีรึเปล่าค่ะ”
 
“เข้าใจล่ะ ไปกันเถอะ นี่เป็นการต่อสู้สำคัญ และสมุนไพรวิญญาณจะได้รับความเสียหายไม่ได้เด็ดขาด เคยมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กลายเป็นหนอนบ่อนไส้ เขาใส่ยาพิษลงในยารักษาของพวกเรา และทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
 
เมื่อได้ฟังบทสนทนานี้ หัวใจของเฉินเฉินก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิด ‘ช่างบังเอิญจริงๆ!’
 
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกับเซียนหญิงของสำนักชิงหลิงที่นี่!
 
เขาเคยเจอเซียนหญิงคนนี้มาก่อน ในตอนที่เธออยู่ในเมืองหลวงโดยไม่ได้ทำตัวเด่นอะไร เธอไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เลยและอยู่อันดับที่ 30 ในกลุ่มยอดฝีมือ
 
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ และมันก็ถือว่าน่าประทับใจแล้วที่สามารถไปถึงอันดับที่ 30 ได้
 
“พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ?” ร่างกายของหยวนฉิงเทียนค่อยๆหายไปในความว่างเปล่า มีความสนุกอยู่ในดวงตาของเขา แต่เขาแค่บอกใบ้กับเฉินเฉินด้วยการพูดออกมา
 
เมื่อเห็นว่าคนสองคนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เฉินเฉินก็รวบรวมความกล้าแล้วตอบ “ขโมย… ไม่สิ ชิงตัวเธอ!”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset