เสียงการฆ่าฟันดังขึ้นในสนามรบอย่างไม่หยุดหย่อน
ในขณะที่บินอยู่บนฟ้า เฉินเฉินตกใจในตอนที่เขาเห็นภาพด้านล่างจากที่ไกลๆ
มันคือชายแดนระหว่างรัฐโจวและรัฐจิน แล้วก็ยังเป็นชายแดนระหว่างสาขาที่หกของสำนักอสูรกับสำนักชิงหลิงด้วย
มีคนทั้งหมดอย่างน้อย 100,000 คนในกองทัพและผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์หลายพันคน
เมฆสีดำเคลื่อนตัวอยู่เหนือทหารของสาขาพิษและพื้นดินด้านล่างก็ไม่มีหญ้า
กองทัพของสำนักชิงหลิงตั้งอยู่ในเขตฝนตกปรอยๆ และหยาดฝนที่ตกลงมาใส่ทหารธรรมดานั้นก็จะช่วยขจัดพิษและรักษาบาดแผลของพวกเขา
นอกจากนี้ ด้วยการผนึกกำลังกันของเซียนจากสำนักอู๋ซิน กองทัพอสูรจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับสำนักชิงหลิงเลย
สาขาที่หกของสำนักอสูรมีเซียนที่อยู่ขั้นต้นของก่อกำเนิดวิญญาณอยู่ แต่สำนักอู๋ซินได้ส่งเซียนแก่นวิญญาณสองคนมาช่วยสำนักชิงหลิง
ในขณะที่สัมผัสถึงความผันผวนในอากาศ เฉินเฉินก็ถอนหายใจออกมา ‘สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเยอะจริงๆ”’
เมื่อเทียบกับสาขาแรกของสำนักอสูร สำนักอู๋ซินมียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเยอะกว่ามาก แต่สาขาอื่นๆของสำนักอสูรก็มียอดฝีมือระดับก่อกำเนิดวิญญาณเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม สำนักอื่นใน 36 สำนักไม่มีเลย
นี่คือการสร้างความสมดุลขึ้นมา
เมื่อเห็นว่ากองทัพของสาขาพิษกำลังจะพ่ายแพ้ ชายแก่หลายสิบคนก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
พวกเขาไม่ได้ตรงไปข้างหน้าเพื่อทำการต่อสู้ แต่เริ่มร่ายรำอยู่กับที่ในขณะที่พึมพำบางอย่างออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากที่สวดไปได้ประมาณสิบวินาที ชายแก่ก็เอาหุ่นกระดาษออกมาจากแขนของพวกเขาและเริ่มแทงพวกมัน
ในขณะที่ทำเช่นนั้น พวกเขาก็ทำการสาปแช่งอย่างไม่หยุดหย่อนอีกครั้ง
ในท้ายที่สุด คนของสำนักชิงหลิงก็เริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน ไม่นานนัก พวกเขาหลายคนก็ตายลง และฝนวิญญาณจากฟากฟ้าก็ไม่มีผลกับพวกเขา
“คนพวกนี้คือกำลังเสริมจากสาขาคำสาปของสำนักอสูร”
เฉินเฉินเอาลิ้นแตะเพดานปาก มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนแทงหุ่นกระดาษเพื่อฆ่าศัตรู
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โจวฉางกับโจวเฟิงก็เริ่มช่วยเหลือนายน้อยสาขาและสถานการณ์การต่อสู้ก็กลับมาคงที่ในเวลาไม่นาน
ไม่นานนัก กำลังเสริมจากสาขาที่สามที่เป็นสำนักลวงตาก็มาถึงเหมือนกัน
สำนักพยัคฆ์ขาว สำนักวิหคสีชาด และสำนักอื่นๆไม่ได้ต่อต้านสำนักอสูรเลย ดังนั้น สำนักจึงไม่สามารถจัดหากำลังคนที่มากพอไปสนับสนุนสำนักอื่นได้
กองทัพสำนักชิงหลิงเริ่มถอยกลับไปด้วยความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พวกเขาก็ถอยเข้าไปในเมืองที่พวกเขาเปิดค่ายกลขนาดใหญ่คลุมเอาไว้
“ศิษย์พี่ พวกเราควรเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยไหมครับ?”
ในความว่างเปล่า หยวนฉิงเทียนรู้สึกกระหายการต่อสู้
“นี่ไม่ใช่สนามรบของเรา” เฉินเฉินตอบกลับ จากนั้นก็กลับไปยังพื้นที่ตั้งค่ายของสาขาพิษ
ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้รับข้อมูลมากมาย
ในตอนที่เขาออกมา สายตาของเฉินเฉินก็เต็มไปด้วยประกาย
“ฉิงเทียน ไปที่สำนักชิงหลิง”
“หา!? แบบนั้นมันก็เหมือนกับสั่งให้ไปตายไม่ใช่เหรอครับ?” หยวนฉิงเทียนถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าสามารถหายตัวได้ แล้วเจ้าจะต้องกลัวอะไรอีก?”
เฉินเฉินสบถ จากที่ไกลๆ เขาดูหมดหนทางในตอนที่เขาเห็นภาพนี้
‘แต่ว่า นายน้อยสาขาคิดจะทำอะไรกันแน่? มันไม่ปลอดภัยไม่ใช่รึไง?’
ก่อนที่เขาจะคิดออก เฉินเฉินก็ได้ลากตัวหยวนฉิงเทียนไปแล้ว
…
ภูเขาชิงหลิงเป็นสถานที่ที่มีจิตวิญญาณอันงดงาม
เฉินเฉินเหลือบมองด้วยความรู้สึกประทับใจจากที่ไกลๆ
พลังปราณของหญ้าและป่าไม้นั้นอุดุมสมบูรณ์ และจากที่ไกลๆ พวกมันก็จะเปล่งแสงสีเขียวชอุ่มออกมา มันคือป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกตน!
แน่นอนว่า สาเหตุหลักๆก็คือสวนสมุนไพรจำนวนมากที่อยู่ในภูเขาชิงหลิง ด้วยความที่สำนักมุ่งเน้นการฝึกตนไปทางสายการรักษาและการล้างพิษ สวนสมุนไพรจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ครั้งนี้หยวนฉิงเทียนได้โผล่มารายงานกับเฉินเฉิน “ศิษย์พี่ ข้าไปดูลาดเลามาแล้วครับ ตอนนี้สำนักชิงหลิงเปิดค่ายกลป้องกันภูเขาเอาไว้อยู่ ซึ่งไม่สามารถทำลายได้ถ้าไม่ใช่การโจมตีของระดับก่อกำเนิดวิญญาณขึ้นไป นอกจากนี้ ข้าเห็นศิษย์จำนวนนึงกำลังปรุงยาวิญญาณอยู่ข้างในและกำลังลำเลียงออกนอกภูเขา ส่วนที่ทางเข้าภูเขานั้น มียอดฝีมือระดับจุดสูงสุดของแก่นทองคำไม่ต่ำกว่าสองคนคอยคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา พวกเขาเคลื่อนไหวเข้าออกภูเขาอย่างต่อเนื่องครับ”
เขาพึ่งจะไปหาข้อมูลวงในมาและได้ข้อสรุปเช่นนี้
เฉินเฉินพยักหน้าหลังจากที่รับรู้แล้ว
ฝนวิญญาณที่อยู่แนวหน้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่เพียงแค่มันจะต้องใช้การผสานวิถีเซียน แต่มันยังต้องใช้ยาวิญญาณจำนวนมหาศาลด้วย
ในอีกด้านนึง สำนักชิงหลิงเป็นสายสนับสนุน
ถ้าเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณพยายามเข้ามาโจมตี แค่ให้เซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณของสำนักอู๋ซินเข้ามาช่วยก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะไม่ให้เขาทำลายค่ายกลป้องกันภูเขา
ในส่วนของเซียนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นก่อกำเนิดวิญญาณ พวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลภูเขาได้ และถ้าพวกเขาอยากจะเข้าสำนักชิงหลิง พวกเขาก็ทำได้แค่ทะลวงผ่านภูเขามาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประตูทางเข้าภูเขาได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ดังนั้นเซียนที่อยู่ต่ำกว่าก่อกำเนิดวิญญาณจะฝ่าเข้าไปได้ยังไงล่ะ?
ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าให้พูดจริงๆแล้ว การป้องกันของสำนักชิงหลิงนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ
เฉินเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องรีบไป พวกเราจะเคลื่อนไหวทีหลัง”
…
ช่วงกลางดึก ดวงจันทร์ส่องแสงสดใส และดวงดาวก็ระยิบระยับ
เฉินเฉินกับหยวนฉิงเทียนแอบลอบเข้าไปถึงริมภูเขาชิงหลิง
“ศิษย์พี่… มีค่ายกลป้องกันอยู่ที่นี่ครับ…”
“หยุดพูด! แล้วดูข้าก็พอ!” เฉินเฉินตำหนิ แล้วเอาเจ้าถั่วเขียวออกมาจากกระเป๋าหนังสัตว์วิญญาณ จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่แสงตรงหน้าเขา
เจ้าถั่วเขียวมองเฉินเฉิน
“ทำลายค่ายกล เจ้าเข้าใจใช่ไหม?” เฉินเฉินสั่ง
ดวงตาแวบวับของเจ้าถั่วเขียวเต็มไปด้วยความตระหนักรู้ในขณะที่มันอ้าปากเล็กๆออกมา หลังจากนั้นไม่นานกระแสน้ำสีดำก็พุ่งเข้าใส่ม่านแสง
ตูม!
ด้วยเสียงดังสนั่น ม่านแสงก็เริ่มสั่นสะเทือน!
“ไม่นะ!”
“เวรเอ๊ย!”
เฉินเฉินกับหยวนฉิงเทียนตื่นตระหนก
เขาอุ้มเจ้าถั่วเขียวขึ้นมาแล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว และหายไปจากที่เกิดเหตุในเวลาไม่นาน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ศิษย์สำนักชิงหลิงกลุ่มหนึ่งก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่ค่ายกลถูกโจมตีด้วยความเร่งรีบ พวกเขาเริ่มตรวจสอบมันอย่างละเอียด และคอยระวังรอบข้างอย่างเต็มที่
…
ครู่ต่อมา เฉินเฉินก็ได้พาหยวนฉิงเทียนไปที่อีกฝั่งนึงของภูเขาชิงหลิง
“เจ้าถั่วเขียว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งนึง เจ้าต้องนุ่มนวล! อย่ารีบร้อน! ถ้าเจ้าใช้วิธีห่ามๆอีก พรุ่งนี้ข้าจะจับเจ้าไปต้มซุปบำรุงร่างกาย”
โชคดีที่ บริเวณพื้นผิวที่เจ้าถั่วเขียวโจมตีนั้นเล็กนิดเดียว ไม่อย่างนั้น ทั้งสำนักชิงหลิงคงจะส่งเสียงเตือนภัยแล้ว
ด้วยความรู้สึกผิด เจ้าถั่วเขียวคลานต้วมเตี้ยมไปยังค่ายกล และพยายามยื่นกรงเล็บของมันออกมาก่อนที่จะแตะม่านแสงเบาๆ
ไม่นานนัก อักษรรูนลึกลับก็ปรากฏขึ้น ซึ่งมันเริ่มเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ประมาณหนึ่งนาทีต่อมา การเปลี่ยนแปลงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน และอักษรรูนก็ผสานเข้ากับค่ายกล
ทันใดนั้นเอง ก็มีรูปรากฎขึ้นในค่ายกล
“เจ้าเต่าตัวนี้เก่งกาจมาก!” ดวงตาของหยวนฉิงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกน แต่สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจของเขา
เฉินเฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขากล้าแสดงวิธีพวกนี้ให้ดูเมื่ออยู่ต่อหน้าหยวนฉิงเทียนเท่านั้น ถ้าโจวฉางอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงจะไม่กล้าใช้เจ้าถั่วเขียวอย่างแน่นอน
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เฉินเฉินสั่ง จากนั้นก็นำหน้าเข้าไปในภูเขาชิงหลิงผ่านทางเข้าถ้ำ หลังจากนั้นในทันที พลังปราณของป่าไม้อันหนาแน่นก็ซึมซับเข้ามาในร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกสดชื่น
พวกเขาบังเอิญเข้ามาในสวนสมุนไพรแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรชำระวิญญาณ
สมุนไพรชำระวิญญาณเป็นยารักษาพิษ เฉินเฉินเคยมีสมุนไพรชำระวิญญาณอายุ 10,000 ปีอยู่ แต่เขาใช้มันไปในระหว่างการต่อสู้กับหยวนฉิงเทียน
“ศิษย์พี่… พวกเราจะเก็บสมุนไพรวิญญาณไหมครับ?”
เมื่อเห็นสมุนไพรชำระวิญญาณ หยวนฉิงเทียนก็พูดตะกุกตะกัก เขารู้สึกไม่ปกติเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโอกาสดีๆแบบนี้
เฉินเฉินเห็นเขากำลังจะเดินผิดทางและรีบดึงเขากลับมา
“สมุนไพรวิญญาณที่ปลูกจำนวนมากพวกนี้จะไปมีประโยชน์อะไรกัน? นอกจากนี้ พวกเราเป็นระดับสูงของสำนักอสูร พวกเราจะทำตัวเหมือนโจรได้ยังไง?”
ในขณะที่มองริมฝีปากของเฉินเฉิน หยวนฉิงเทียนก็รู้สึกไม่เต็มใจและขุ่นเคืองอย่างมาก มีสมุนไพรชำระวิญญาณอยู่ตั้งมากมาย เขาจะต้องใช้ขนมกับของเล่นมากมายขนาดไหนกันถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนมันได้?
ในตอนที่เขาอยากจะแอบเก็บขึ้นมาต้นนึงใส่เอาไว้ในแขนเสื้อของเขานั้นเอง เขาก็ได้ยินคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันจากที่ไกลๆ
“ท่านเซียนหญิง ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับค่ายกลทางฝั่งเหนือ และผู้อาวุโสใหญ่ก็สงสัยว่ามีขโมยแอบเข้ามา เพราะฉะนั้นเขาเลยขอให้พวกเรามาตรวจสอบดูว่าสมุนไพรวิญญาณยังอยู่ดีรึเปล่าค่ะ”
“เข้าใจล่ะ ไปกันเถอะ นี่เป็นการต่อสู้สำคัญ และสมุนไพรวิญญาณจะได้รับความเสียหายไม่ได้เด็ดขาด เคยมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กลายเป็นหนอนบ่อนไส้ เขาใส่ยาพิษลงในยารักษาของพวกเรา และทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
เมื่อได้ฟังบทสนทนานี้ หัวใจของเฉินเฉินก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิด ‘ช่างบังเอิญจริงๆ!’
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกับเซียนหญิงของสำนักชิงหลิงที่นี่!
เขาเคยเจอเซียนหญิงคนนี้มาก่อน ในตอนที่เธออยู่ในเมืองหลวงโดยไม่ได้ทำตัวเด่นอะไร เธอไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เลยและอยู่อันดับที่ 30 ในกลุ่มยอดฝีมือ
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ และมันก็ถือว่าน่าประทับใจแล้วที่สามารถไปถึงอันดับที่ 30 ได้
“พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ?” ร่างกายของหยวนฉิงเทียนค่อยๆหายไปในความว่างเปล่า มีความสนุกอยู่ในดวงตาของเขา แต่เขาแค่บอกใบ้กับเฉินเฉินด้วยการพูดออกมา
เมื่อเห็นว่าคนสองคนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เฉินเฉินก็รวบรวมความกล้าแล้วตอบ “ขโมย… ไม่สิ ชิงตัวเธอ!”
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 121: ร่วมมือครั้งแรก
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”