ในตอนนี้เอง หยวนฉิงเทียนก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น และถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะนิ่งสงบ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เฉินเฉินลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอาหินแปลกๆก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของเขาแล้ววางมันเอาไว้บนเตียงโดยไม่พูดอะไร
ไม่นานนัก ก็มีเฉินเฉินที่นอนหลับสนิทปรากฎตัวขึ้นบนเตียงและดูเหมือนกำลังหลับอย่างสงบ
ตราบใดที่ผู้สืบทอดสำนักชิงหลิงไม่บุกขึ้นมาบนเตียงของเขาในช่วงกลางดึก เธอก็จะไม่มีวันรู้ และเขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้
หินที่สร้างภากแปลกๆขึ้นมานี้มีชื่อเรียกว่าหินภาพลวง มันคืออุปกรณ์พิเศษของสาขาลวงตาสาขาที่สามของสำนักอสูร ซึ่งสามารถใช้สร้างภาพลวงตาได้ในพื้นที่ที่ระบุ
เนื่องจากเขาตั้งใจจะมาบุกสำนักอู๋ซิน เฉินเฉินจึงเตรียมพร้อมมาดี
เมื่อคืนก่อน เขาได้ไปเยี่ยมบุคคลที่แข็งแกร่งและมีอำนาจหลายคนของสำนักอสูร
ในตอนที่หยวนฉิงเทียนลอบสังหารฉงเย่ เขาได้พกอุปกรณ์ที่มีพิษอันน่ากลัวมามากมายอย่างเช่น ‘ความพิโรธของมนุษย์’ และเฉินเฉินก็คิดว่าในเมื่อเขาอยู่ในสำนักอู๋ซิน เขาก็ต้องพกอุปกรณ์มาบ้าง
“ศิษย์พี่ พวกเราจะทำยังไงกับยอดฝีมือแก่นทองคำที่อยู่ตรงลานกว้างครับ?” หยวนฉิงเทียนถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แม้ว่าเขาที่ตัวคนเดียวจะไม่สามารถฆ่าผู้อาวุโสแก่นทองคำได้ แต่เขาก็ยังสามารถร่วมมือกับเฉินเฉินได้
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เฉินเฉินพูดในขณะที่เอาห่อของอีกชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของเขา
จากนั้นเขาก็กระจายมันให้ฟุ้งในอากาศ ซึ่งมันก็หายไปอย่างสมบูรณ์หลังจากที่มันผสานเข้ากับอากาศ หัวใจของหยวนฉิงเทียนเต้นรัวเพราะเขารู้สึกกลัว
“นี่คือผงล่อลวงจากสาขาที่หก มันไม่มีสี ไร้รสและมองไม่เห็น ดังนั้นผลกระทบจึงจำกัดอยู่ที่การทำให้คนถูกล่อลวงโดยไม่รู้ตัว”
เฉินเฉินกลั้นหายใจและอธิบายเบาๆ
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด หยวนฉิงเทียนก็เริ่มกลั้นหายใจเหมือนกัน
หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที เฉินเฉินก็พาหยวนฉิงเทียนไปที่ลานกว้างอย่างระมัดระวัง เขาเอาเจ้าถั่วเขียวออกมาและทำลายการยับยั้งที่ลานกว้าง
พวกเขาทั้งสองคนออกไปจากตัวอาคารอย่างเงียบๆ
อาคารส่วนใหญ่ในสำนักอู๋ซินนั้นสว่างในตอนกลางคืน พร้อมกับมีศิษย์คอยเดินลาดตระเวนเป็นพักๆ ในขณะที่มองวังต่างๆ หยวนฉิงเทียนก็ตกตะลึง
‘ข้าควรจะเริ่มยังไงดี?’
“ศิษย์พี่ พวกเราชิงตัวศิษย์มาซักคนแล้วถามหาที่อยู่ห้องสมบัติดีไหมครับ?”
“เจ้าคิดว่าพวกศิษย์จะรู้รึไง?” เฉินเฉินถามอย่างถากถาง พร้อมกับกลอกตา
“ถ้างั้นพวกเราจับตัวผู้อาวุโสดีไหมครับ?”
“เงียบไปซะ!”
หยวนฉิงเทียนปิดปากเงียบในทันที วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้มากขึ้นแล้วพูดให้น้อยลง
“ระบบ สถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่านี้อยู่ตรงไหน?”
เฉินเฉินถามระบบ
“สามสิบเมตรทางขวาไกลๆค่ะ” ระบบตอบอย่างเย็นชา
พูดตามตรง ความหนาแน่นของพลังวิญญาณในรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวเขานั้นแทบจะเหมือนกัน เซียนจะสามารถตรวจจับความแตกต่างเพียงเล็กน้อยได้หลังจากที่ไปถึงขั้นแก่นทองคำ
“ตามข้ามา!”
เฉินเฉินเดินนำหยวนฉิงเทียนไปทางขวาอย่างระมัดระวัง และมันก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาถึงลานกว้างอีกแห่งหนึ่ง
ไม่มีการยับยั้งอยู่ในลานกว้างนี้และมันก็ดูเหมือนกับที่พักอาศัยของศิษย์
ในขณะที่เฉินเฉินแอบเข้ามาอย่างเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆดังมาจากข้างใน
“ฉงเย่ตายแล้ว! วิเศษจริงๆ! เพียงเท่านี้ข้าก็จะมีโอกาสได้กลายเป็นผู้สืบทอดคนใหม่ของสำนักอู๋ซิน! และเมื่อเวลามาถึง ศิษย์พี่หญิงเฉียนก็มีแต่จะต้องยอมจำนนต่อข้า!”
ผ่านแสงสลัว เฉินเฉินเห็นศิษย์ผู้ชายหน้าตาดีคนนึงอยู่ข้างในกำลังช่วยตัวเองด้วยมือขวาในขณะที่ส่งเสียงครางด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
“ธาตุแท้ของมนุษย์จะแสดงให้เห็นแค่ช่วงกลางดึกสินะ…” เฉินเฉินพูดไม่ออกและจากนั้นก็มองไปทางหยวนฉิงเทียนด้วยสายตาคุกคาม
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยวนฉิงเทียนก็แอบเข้าไปในห้องของเขาและฆ่าศิษย์สำนักอู๋ซินด้วยการโจมตีเดียว
เมื่อรู้สึกว่ากลิ่นเลือดเริ่มฟุ้งกระจาย เฉินเฉินก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยิบขวบใบหนึ่งออกมาและเทสารที่อยู่ข้างในลงบนตัวศพ
ในตอนนี้เอง ศพก็หายไปและกลิ่นเลือดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย แถมมันยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นฉากนี้ หยวนฉิงเทียนก็ตกตะลึง
“มัวมองอะไรอยู่!? นี่คือผงละลายศพมืออาชีพของสาขาปรับแต่งศพ มันเป็นเครื่องมือที่จำเป็น!” เฉินเฉินพูดอย่างใจเย็นในขณะที่เขาเก็บขวดที่ว่านี้
“ไม่ครับ…ไม่มีอะไร ข้าก็แค่คิดว่าท่านเชี่ยวชาญมากจนทำให้ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย” หยวนฉิงเทียนส่ายหัว ดวงตาของเขามีความหวาดกลัวเล็กน้อย
เฉินเฉินจ้องเขาแล้วเก็บเบาะนั่งสมาธิที่ศิษย์สำนักอู๋ซินนั่งอยู่ แล้วเขาก็ถามขึ้น “เจ้าเป็นนักฆ่า เจ้าจะกลัวอะไร? เมื่อเทียบกันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำแบบนี้เพื่อสำนักอสูรและตอนนี้มโนธรรมของข้าก็กำลังเจ็บปวดอยู่ เจ้าเข้าใจบ้างไหม?”
ในทันทีที่เฉินเฉินพูดแบบนั้น เขาก็เอาหุ่นเชิดขนาดเท่ามนุษย์ออกมาจากแหวนเก็บของ มันมีร่างกายแข็งแรงและตัวใหญ่พอๆกับคนสองคน
“นี่มัน…นี่คืออะไรเหรอครับ?” หยวนฉิงเทียนถามถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากพูดก่อนเพราะเขาไม่สามารถเก็บความสงสัยเอาไว้ได้
“เครื่องขุดของสาขาหุ่นเชิด ข้างหน้าของสว่านเป็นวัตถุวิญญาณที่สามารถดูดซับดินได้อย่างเงียบๆ รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า!”
ในตอนที่เฉินเฉินพูด เครื่องจักรก็ได้ขุดหลุมแล้วและหยวนฉิงเทียนก็กำลังตกตะลึงอยู่
ภายใต้แรงจูงใจของพลังวิญญาณ เครื่องขุดก็รีบเจาะผิวดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และในตอนที่มันจมเข้าไปในพื้น เฉินเฉินก็เดินออกมาจากเครื่องขุดและใช้หมอนปิดรูเอาไว้ จากนั้นก็กลับไปหาเครื่องจักร
“ระบบ ในรัศมี 30 เมตรพื้นที่ตรงไหนมีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุด?”
“ดินตรงสามสิบเมตรทางใต้ค่ะ!”
เฉินเฉินทำตามคำแนะนำของระบบและทำการขุดไปตามนั้น เขาต้องยอมรับเลยว่ามันมีประโยชน์มาก
วัตถุวิญญาณที่กลืนกินดินอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมาที่ด้านหลัง ทั้งกระบวนการนี้เงียบเชียบและมีประโยชน์กว่าเครื่องขุดดินที่เสียงดังน่ารำคาญหลายเท่า!
“ศิษย์พี่ พวกเรากำลังจะไปที่ไหนครับ?”
“จุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซิน” เฉินเฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ณ ขณะนี้ เขาไม่มีโอกาสตรวจจับพื้นที่ขนาดใหญ่เลย ดังนั้นเขาจึงพึ่งพาได้แค่การตรวจจับขนาดเล็กด้วยการเดินทางไปยังสถานที่ที่ที่มีพลังวิญญาณใต้ดินหนาแน่นที่สุดของสำนักอู๋ซินด้วยความหวังที่ว่าเขาจะไปถึงสถานที่ที่มีจุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซินตั้งอยู่ในที่สุด
“เอ๊ะ! จุดพลังวิญญาณสูงสุด! ถ้าเกิด…”
ดวงตาของหยวนฉิงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจและเขาก็ไม่กล้าคิดต่อเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาด สภาพแวดล้อมทั้งหมดของสำนักอู๋ซินจะเปลี่ยนไปและนั่นก็จะทำลายรากฐานของสำนักอู๋ซิน!
เขาจินตนาการถึงภาพที่ถูกสำนักอู๋ซินไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ำ
ถึงยังไง ผู้สืบทอดและเจ้าสำนักก็ยังสามารถชุบเลี้ยงใหม่ได้แต่เมื่อรากฐานถูกทำลาย มันก็จะเลวร้ายมาก
ในขณะที่เขาจินตนาการถึงมันอย่างต่อเนื่อง เครื่องขุดก็หยุดเหมือนกันและเฉินเฉินก็หยุดเหมือนกันแล้วเขาก็เดินออกจากมันเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่
มีกำแพงหินอยู่ตรงหน้าพวกเขา
พูดให้ถูกก็คือมันเป็นกำแพงหินวิญญาณขนาดยักษ์!
“พวกเราเจอโชคเข้าแล้วสิ…. เจ้านี่จะต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 หินวิญญาณแน่ ๆ!” หยวนฉิงเทียนอุทานด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่เขาก็แทบจะเสียศูนย์
เฉินเฉินจ้องเขาอย่างดูถูกและจากนั้นก็เอาดาบยาวออกมาสองเล่มจากแหวนเก็บของ ซึ่งเขาได้โยนเล่มนึงไปทางหยวนฉิงเทียน
“เริ่มขุดได้แล้ว นี่คือดาบทำลายวิญญาณที่ใช้ในการขุดหินวิญญาณ”
หลังจากที่พูดเช่นนั้น เฉินเฉินก็ไม่รอช้าเหมือนกันแล้วเขาก็ใช้ดาบฟันกำแพง
ดาบทำลายวิญญาณนั้นทรงพลงมากและมันก็สามารถฟันหินวิญญาณได้ง่ายเหมือนกับหั่นเต้าหู้ ไม่นานนัก เฉินเฉินก็ฟันจนเกิดเป็นทางเดินขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าหยวนฉิงเทียนยังคงขุดตรงอื่นอยู่ เฉินเฉินก็ตำหนิ ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะดีขึ้นกว่านี้ “เจ้าช่วยทำตัวไร้ประโยชน์ให้น้อยลงอีกหน่อยได้ไหม? จะมาขุดหินวิญญาณระดับต่ำอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร? ตามข้าเข้าไปส่วนลึกสุดได้แล้ว!”
“ได้ครับ…ได้เลยครับ!” หยวนฉิงเทียนตอบอย่างลนลาน ณ ตอนนี้ เขาถูกเฉินเฉินโน้มน้าวแล้วและวิธีเดียวที่เขาจะแสดงความเคารพได้ก็คือการทำตามคำสั่ง
ชายสองคนได้ขุดหินวิญญาณไปเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงและขุดเป็นทางเดินไปได้ลึกประมาณ 50 เมตร ตอนนี้รอบตัวพวกเขาประกอบไปด้วยหินวิญญาณ
ตอนนี้หยวนฉิงเทียนมือชาแล้ว
เหมืองใต้ดินของสำนักอู๋ซินมีหินวิญญาณซ่อนอยู่ข้างในนับไม่ถ้วน เท่าที่เขาเห็นมาตลอดการเดินทางนั้นมันน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านแล้ว
ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ คุณภาพของหินวิญญาณก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นและตอนนี้ พวกเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยหินวิญญาณระดับกลางที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม!
“มีจุดขุดหินวิญญาณระดับกลางอยู่แค่แห่งเดียวในรัฐจิน… ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงและถูกควบคุมโดยสำนักอู๋ซิน ข้าไม่นึกเลยว่าสำนักอู๋ซินจะมีแหล่งที่ดีกว่านั้นอีก!”
เฉินเฉินอุทานในขณะที่ขุด
ในตอนที่เขาค้นหาภูเขาเทียนหยุน เขาก็ได้เจอกับจุดพลังวิญญาณสูงสุดซึ่งเป็นเหมืองหินวิญญาณระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับจุดพลังวิญญาณสูงสุดของสำนักอู๋ซินนี้ มันก็ดูด้อยไปเลย ไม่แปลกใจเลยที่สำนักอู๋ซินสามารถคงสภาพการทำงานของค่ายกลได้ตลอดทั้งปี
หลังจากที่ถอนหายใจ เฉินเฉินก็ขุดเข้าไปเจอพื้นที่ว่าง ในตอนนี้เองเขาก็ได้พบพื้นที่แก่นกลางขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา
“พลังวิญญาณที่นี่หนาแน่นมาก!” หยวนฉิงเทียนอดอุทานออกมาไม่ได้หลังจากที่เข้ามาในพื้นที่นี้
อันที่จริง พลังวิญญาณในพื้นที่แห่งนี้ไม่สามารถใช้คำว่าหนาแน่นได้ เพราะมันเปลี่ยนสภาพเป็นหมอก และทั้งพื้นที่ก็เต็มไปด้วยหมอกพลังวิญญาณที่ทำให้การมองเห็นของพวกเขาพร่ามัว
เฉินเฉินเองก็ก้าวเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้เหมือนกันและภายใต้การชี้นำของระบบ เขาก็มาถึงศูนย์กลางของพื้นที่นี้อย่างรวดเร็ว
เบื้องหน้าเขา มีคริสตัลโปร่งแสงที่มีขนาดใหญ่เท่าบ้านอยู่ ที่ใจกลางของคริสตัล มีแสงหลากสีส่องประกายระยิบระยับซึ่งดูเหมือนจะบดบังของที่มีค่ามากๆเอาไว้อยู่
เฉินเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามในใจ “ระบบ ของที่มีค่าที่สุดในละแวกนี้อยู่ที่ไหน?”
“มีคริสตัลปฐพีอยู่ในแก่นกลางของจุดพลังวิญญาณสูงสุดที่ระยะสามเมตรตรงหน้าท่านเจ้าของค่ะ”
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 125: พลังแห่งวิถีสำนักอสูร
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”