เฉินเฉินเขินแล้วช่วยดึงจางจีขึ้นมา เขาถามอย่างสับสน “เจ้าไปหาเรื่องตระกูลเจายังไง? ทำไมพวกนั้นถึงอยากฆ่าเจ้าถึงขนาดนี้?”
จางจีลุกขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้อาวุโสคนนึงของสำนักเทียนหยุนได้ผ่านมาที่มณฑลเสฉวน ซึ่งเขาก็ได้พบว่าข้ามีพรสวรรค์ที่จะเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกตน เขาก็เลยให้เหรียญตรากับข้ามาแล้วบอกให้ข้าไปที่รัฐจี่ในวันที่ 1 สิงหาคม
“ในวันนั้น สำนักเทียนหยุนจะคัดเลือกคนเข้าเป็นศิษย์ที่รัฐจี่ และข้าก็น่าจะได้เข้าไปในสำนักเทียนหยุนด้วยเหรียญตานี้
“ด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้ ข่าวนี้ได้เล็ดรอดออกไป
“ตระกูลเจาและตระกูลของข้านั้นเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด แล้วพวกเขาจะยอมให้ข้าไปฝึกตนได้ยังไงกันหล่ะ? ดังนั้นพวกมันก็เลยส่งคนมาสังหารข้า….
“ท่านพ่อของข้าโมโหมากในตอนที่รู้เรื่องและประกาศสงครามกับตระกูลเจา แต่ว่า พวกเราอ่อนแอกว่าพวกมัน หลังจากผ่านศึกแรกมาได้ ข้าก็อ่อนแอลงเล็กน้อย ข้าก็เลยจะไปที่หมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อรวบรวมความช่วยเหลือเพื่อตระกูลของข้า…
“แต่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่รู้ ข้าบังเอิญเจอกับนักฆ่าแทบจะในทันทีที่ออกจากมณฑลเสฉวน”
เฉินเฉินถอนหายใจหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราว
ทำไมถึงเอาแต่พูดว่า ‘ด้วยเหตุอันใดก็ไม่รู้’? มันก็เห็นๆอยู่ว่ามีคนทรยศในตระกูลจาง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาสนใจเรื่องสำนักเทียนหยุนมากกว่า
เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นสำนักฝึกตน
นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะรู้มากที่สุด เขาอยากสมัครเข้าไปเพื่อทำการฝึกตน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ซักพัก เขาก็ถามอย่างอ่อนโยน “สำนักเทียนหยุนนี่แข็งแกร่งรึเปล่า?”
เมื่อได้ฟังคำถามของเฉินเฉิน ดวงตาของจางจีก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจแล้วพูดโพล่งออกมา “พวกเขาต้องแข็งแกร่งอยู่แล้วสิครับ! สำนักเทียนหยุนคือสำนักฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐจี่! มีลัทธิที่อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นสิบๆลัทธิ!
“จะว่าไป พี่เฉิน ท่านอยู่สำนักไหนหรอครับ? ไหงท่านถึงมีเวลามาเยี่ยมแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นเสฉวนของเราได้?”
เฉินเฉินตอบกลับไปอย่างราบเรียบ “ข้าเรียนที่บ้านหน่ะ”
“ว่าไงนะครับ?”
“ข้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“หา!” จางจีอุทาน เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าการฝึกตนนั้นสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ด้วย
ถ้านี่เป็นความจริง พี่เฉินก็ต้องมีพรสวรรค์อย่างมากล้นเลยแน่ๆ!
ถ้าผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนได้พบกับพี่เฉินแทนเขา เขาก็คงจะไม่ได้ทิ้งแค่เหรียญตราเอาไว้ให้แล้วเลือกชวนเขาเข้าสำนัก ณ ตรงนั้นเลยมากกว่า
‘พี่เฉินเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เขาคงไม่โกหกข้าหรอก!’
ด้วยความคิดนี้เอง จางจีก็มองเฉินเฉินด้วยความชื่นชมที่มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นซักพัก เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาแล้วเสนออย่างกระทันหัน “พี่เฉิน ทำไมท่านไม่ไปสำนักเทียนหยุนกับข้าหล่ะ? ด้วยพรสวรรค์ของท่าน ท่านจะได้สร้างชื่อในสำนักอย่างแน่นอน”
“ฟังดูเข้าท่านี่” เฉินเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม คำพูดของจางจีคือสิ่งที่เขาต้องการได้ยินจริงๆ ดังนั้นเขาก็เลยพร้อมใจยอมรับมันอยู่แล้ว
“ถ้างั้นก็ดีเลยครับ!” จางจีตบหน้าแข้งของเขา แต่หลังจากนั้นเขาก็ดูสลด
“พี่เฉินมีพรสวรรค์จริงๆ แต่พรสวรรค์ของข้านั้นกลับน้อยนิด ข้าเกรงว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะไปถึงระดับของท่านในอนาคต”
เฉินเฉินถึงกับพูดไม่ออก ทำไมจู่ๆเขาถึงตัดพ้อตัวเองแบบนี้หล่ะ?
หลังจากถอนหายใจ เขาก็ปลอบจาง “ไม่ต้องห่วง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการฝึกตนก็คือโชค ดวงของเจ้าหน่ะมันดีสุดๆเลยหล่ะ และเจ้าก็ถูกกำหนดมาให้มีอนาคตที่สดใส”
“ครับ? โชคงั้นหรอ?” จางจีคิดว่าเขาฟังผิด
เฉินเฉินรู้ว่าเขาพูดผิดไปแล้วรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกตนก็คือความเพียร อันที่จริง พรสวรรค์ของข้ามันก็ธรรมดาทั่วไปนั่นแหล่ะ ที่ข้าฝึกตนมาได้ถึงขั้นนี้มันเป็นเพราะความอุตสาหะยังไงหล่ะ”
เมื่อได้ฟังดังนี้ จางจีก็มีกำลังใจขึ้นมา พอนึกถึงการที่เฉินเฉินกระโดดจากหน้าผา เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจและเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ในทันที
‘พี่เฉินพูดถูกที่สุด แต่ตอนนี้ข้าต้องไปเรียกกำลังเสริมก่อน ไม่อย่างนั้นตระกูลของข้าได้เสียหายหนักแน่ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ข้าจะเชื้อเชิญพี่เฉินและพวกเราจะได้ร่ำสุราและพูดคุยกันตลอดทั้งคืน’
ในที่สุดจางจีก็นึกถึงภารกิจของเขาขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในตอนที่เขากลับขึ้นไปบนหลังม้าของเขา
เฉินเฉินห้ามเขาแล้วพูด “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงยังไงข้าก็ต้องไปจัดการธุระที่มณฑลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้าจะช่วยเจ้าจัดการตระกูลเจาในระหว่างทางให้ พวกชาวบ้านจะมีความสามารถในการต่อสู้ซักเท่าไหร่กันเชียว? การให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ก็มีแต่จะเอาชีวิตของพวกเขาไปทิ้งเปล่าๆ”
จางจีเงียบไปพักนึง สายตาของเขาแสดงความตื้นตันออกมา
พี่เฉินคนนี้พึ่งเจอเขาแค่สองครั้งเท่านั้น แต่กลับยอมให้ความช่วยเหลือถึงขนาดนี้ ความเมตตานี้มัน…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของจางจีก็แดงก่ำขึ้นมา และคำพูดนึงก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา มิตรแท้นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะค้นหา!
“พี่เฉิน…. ข้าจะให้น้องสาวของข้า….”
จางจีตื้นตันมากจนเขาพูดแทบไม่ออก ประโยคของเขามันข้ามช่วงไปหมด
“ไปที่มณฑลกันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เฉินเฉินยิ้มในขณะที่ขึ้นม้าของเขา
เขาไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยของจางจีในตอนที่เขาเสนอความช่วยเหลือ ไอ้หมอนี่มันเป็นคนที่ดวงดีสุดๆ ดังนั้นเขาน่าจะไม่เป็นอะไร
เขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเจ้านี่มากกว่า จากนั้น เหมือนกับจางอู๋จี ถ้าพ่อแม่ของเขาถูกสังหาร จางก็จะไปซ่อนที่ไหนซักแห่งเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นใครจะพาเขาไปรัฐจี่หล่ะ? เขาไม่ได้มี GPS ซะหน่อย
ในส่วนของตระกูลเจานั้น พวกเขาเป็นคนไม่ดีและควรที่จะถูกทำลายอยู่แล้ว
เขาสามารถปล้นตระกูลนี้ได้เพื่อที่ในตอนที่เขาจากไปแล้ว เขาจะได้มอบชีวิตที่สุขสบายให้พ่อแม่ของเขา ชีวิตที่เป็นอิสระจากการทำนา
ชาวบ้านในหมู่บ้านหินเองก็จะได้หยุดทำนาและฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วย และเจ้าหมูเหลาเฮยก็จะได้รับการดูแลจากคนที่ทุ่มเท และมันก็จะอ้วนขึ้นไปอีก
เฉินเฉินเริ่มหัวเราะในตอนที่เขาคิดถึงแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขา
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็รีบออกเดินทางและไปถึงมณฑลเสฉวนในเวลาไม่นาน
ที่นี่ยังคงไม่ค่อยมีคนอยู่ตามถนน มีแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้นที่อยู่ในสภาพกึ่งเปิดกึ่งปิด
“พี่เฉินมาทำอะไรที่มณฑลหรอครับ? ท่านอยากซื้ออะไรหรอ?” จางจีถามเขาอย่างสงสัย
“เดี๋ยวเห็นแล้วเจ้าก็เข้าใจเองหล่ะ” เฉินเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานนัก เขาก็ไปถึงหน้าคฤหาสน์ทางฝั่งตะวันออก
มีรูปปั้นสิงโตหินสองตัวอยู่ที่หน้าคฤหาสน์และมีคนคุ้มกันคนนึงยืนอยู่ที่ประตู
นี่คือบ้านของตระกูลหวัง
ตระกูลที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักของมณฑลเสฉวน ตระกูลหวังนั้นมีคนอยู่ประมาณห้าสิบถึงหกสิบคนอยู่ในบ้านของพวกเขา
ทันใดนั้นเองสีหน้าของเฉินเฉินก็จริงจังขึ้นมาในขณะที่เขามองคนที่เดินไปมาอยู่หลังประตู
“จางจี ข้าขอถามหน่อย เจ้าจะจัดการกับตระกูลเจายังไง?”
“แน่นอนว่าข้าต้องฆ่าล้างตระกูลอยู่แล้วครับ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถไปสำนักเทียนหยุนได้อย่างปลอดภัย” จางจีตอบกลับอย่างง่ายดาย
เขาอาจจะดูซื่อสำหรับเฉินเฉิน แต่อย่างน้อยเขาก็พอรู้เรื่องรู้ราวบ้างสินะ
การตัดหญ้าโดยไม่ถอนรากถอนโคนออกก็หมายความว่าสายลมฤดูใบไม้ผลิจะช่วยให้พวกมันเติบโตขึ้นมาใหม่ การใจดีกับศัตรูนั้นจะเป็นภัยกับตัวเอง
เฉินเฉินยิ้มให้กับคำตอบของเขา
“พูดได้ดี การจะถอนหญ้ามันก็ต้องจัดการรากของมันด้วย”
ในทันทีที่เขาพูดจบ คนคุ้มกันที่ประตูก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นม้าสีขาวของเฉินเฉิน นัยตาของเขาสั่นเครือเล็กน้อยแล้วเขาก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในในทันที
ในเวลาไม่นาน คนเกือบยี่สิบคนก็วิ่งออกมาจากประตู พวกเขาทุกคนถือมีดเหล็กกล้าเอาไว้ในมือและดูเดือดดาลสุดๆ
หลังจากที่คนพวกนี้ออกมาออกันเต็มประตูบ้านของตระกูลหวัง หวังหู่และชายแก่อีกคนก็เดินออกมา
เมื่อเห็นชายแก่ สีหน้าของจางจีก็เปลี่ยนไปในขณะที่เขาตะโกนออกมา “พ่อบ้านของตระกูลเจา!”
ในช่วงเวลาแบบนี้ การที่พ่อบ้านของตระกูลเจาอยู่บ้านหวังก็หมายความว่าพวกเขากำลังร่วมมือกัน เป้าหมายของการร่วมมือนั้นคือตระกูลจางอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความคิดนี้เอง เหงื่อก็ไหลออกมาบนหน้าผากของจางจี
ถ้าสองตระกูลใหญ่ผนึกกำลังกันต่อกรกับตระกูลจาง ตระกูลของเขาก็คงจะสู้ไม่ไหว
มันเป็นเรื่องดีที่เขาบังเอิญเจอพี่เฉินในวันนี้ ไม่อย่างนั้นตระกูลของเขาคงจะเผชิญกับชะตากรรมที่โหดร้ายยิ่งกว่า
แต่พี่เฉินมาทำอะไรที่ตระกูลหวังหล่ะ?
ด้วยสมองของเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อมโยงคำพูดของเฉินเฉินกับการกระทำอย่างการทำลายตระกูลหวัง ที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลหลัก
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงมีม้าของลูกสาวข้าอยู่?” หวังหู่ตะโกนในขณะที่ชี้ไปที่เฉินเฉิน
เฉินเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย
ช่างน่าขันจริงๆที่หวังหู่ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ เขาไม่เคยจริงจังกับเรื่องครอบครัวของเขาเลยสินะ
ในสายตาของหวังหู่ ครอบครัวของเฉินเฉินคงเหมือนกับรังมด ที่เขาฆ่าได้ตามใจชอบ
พ่อบ้านของตระกูลเจามองจางจี แล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นใคร แต่ตรงนั้นคือลูกชายของตระกูลจาง!”
“ท่านหวัง ตราบใดที่ท่านฆ่าเขาได้ในวันนี้ ตระกูลเจาจะให้ลูกสาวของเราแต่งงานกับลูกชายของท่าน พวกเราจะมอบสิทธิการเป็นเจ้าของร้านค้าสิบแห่งในเมืองให้ท่านเป็นค่าสินสอด ท่านคิดว่ายังไงหล่ะ?”
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 19: มาถึงตระกูลหวัง
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”