Chapter 23: ไร้สมอง
วินาทีต่อมา ชายที่ดูแข็งแรงแปดคนซึ่งสวมชุดยามพุ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น พวกเขาต่างมีมีดโลหะอยู่ในมือของพวกเขากันทุกคน
นอกจากเฉินเฉินแล้ว ทุกคนในตระกูลจางต่างขมวดคิ้วแน่น
แม้ว่าพวกเขาจะโง่เง่า พวกเขาก็ยังตระหนักได้ว่ามันแปลกไปจากปกติ โดยเฉพาะจางจีซึ่งได้เตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็มั่นใจแล้วว่าเรื่องที่อู๋เว่ยเป็นคนทรยศของตระกูลนั้นเป็นเรื่องจริง
“พี่! ตระกูลจางได้ดูแลพี่เป็นอย่างดี ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะทำเรื่องที่น่ารังเกียจและต่ำทรามเช่นนี้!”
จางจีกราดเกรี้ยวมาก ตัวของเขาสั่นไปทั้งร่าง
ทั้งแปดคนคือลูกสมุนที่อู๋เว่ยไปหามาก่อนหน้านี้ เมื่อดูเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนจากตระกูลเจาอย่างแน่นอน
“เจ้าหมายความว่าอะไรกัน น่ารังเกียจและต่ำทราม? นี่มันเป็นธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของมนุษย์ พวกเราจะต้องแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก”
อู๋เว่ยนั่งลงอย่างองอาจ ใบหน้าของเขาดูใจเย็นอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาได้กำชัยชนะนี้ไว้ในอุ้งมือของเขาไว้แล้ว
จางจีหงุดหงิดกับคำพูดของเขามาก เขาเตรียมที่จะพุ่งเข้าใส่อู๋เว่ยและกระชากคอเสื้อของเขา
ยังไงก็ตาม ในเวลานั้นเอง ความรู้สึกชาด้านก็ไหลผ่านในตัวของเขา เขาโซเซและล้มตัวลงกับพื้น
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น อู๋เว่ยและชายอีกแปดคนต่างหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ! น้องชาย ชาที่เจ้าดื่มไปเมื่อกี้มีผงชาผสมลงไปด้วยยังไงละ ในอีกหลายชั่วโมงต่อจากนี้ เจ้าจะไม่สามารถใช้แรงได้เลย”
ชายร่างโตที่ติดตามเขามาได้ยกยอกับสิ่งที่อู๋เว่ยทำ
“ท่านเว่ยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลยครับในรอบนี้ ข้าพึ่งจะแจ้งคนด้านนอกและให้พวกเขาไปติดต่อกับท่านเจาทันที ข้าคิดว่ามันไม่นานเท่าไหร่หรอก ก่อนที่ท่านเจาจะมาโจมตีที่นี่ด้วยกองกำลังของเขาเอง”
ในเวลาเดียวกัน จางเต๋อก็พบว่าเขาไม่สามารถใช้พละกำลังได้ด้วยเหมือนกัน เขาอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้าจะเลี้ยงดูคนทรยศขึ้นมาแบบนี้… คนที่ทำร้ายตระกูลของเราทั้งตระกูล เสี่ยวหยา ลูกจี มันเป็นความผิดของพ่อเอง”
ทันทที่เขาพูดเสร็จ เสียงที่ดังออกมาจากด้านนอกห้องนั่งเล่นก็ดังเข้ามา มันเห็นได้เด่นชัดว่าผู้คนจากระกูลจางพึ่งจะพบว่ามันมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น วินาทีต่อมา ยามหลายสิบคนก็ล้อมรอบห้องนั่งเล่นไว้
อู๋เว่ยมีใบหน้าที่ดุดัน เมื่อเขาพบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาขู่ออกมา “ข้าจะสังหารทุกคนในตระกูลจาง ถ้าพวกเจ้าขยับตัว!”
ยามต่างสบตากันเอง เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัวเลยแม้แต่คนเดียว
แต่จางเต๋อก็ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอันใดให้กังวลอีก เขาตะโกนกลับไป “พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาด้านในและสังหารเจ้าคนทรยศนี้ให้ข้าซะ ไม่อย่างงั้นแล้ว ถ้าพวกเจามา พวกเราก็คงจะตายกันทั้งหมดอยู่ดี!”
“ไอ้แก่! ถ้าแกกล้าแตะต้องข้า เชื่อข้าสิ ข้าจะฉีกกระชากเสื้อเสี่ยวหยาต่อหน้าทุกคนและจะทำให้เจ้าไม่ตายตาหลับ!”
อู๋เว่ยเดินมาที่ด้านหน้าจางเสี่ยวหยา ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวอย่างมาก
เสี่ยวหยาอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
จางเต๋อหงุดหงิดอย่างมากจนเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของเขา เขาพูดอะไรไม่ออก
“ช่างเป็นชายที่บ้าบิ่นดีแท้”
ในเวลาเดียวกัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น ผู้คนทั้งหมดในห้องนั่งเล่นต่างมองหาต้นกำเนิดของเสียง ซึ่งมันเป็นเสียงของเฉินเฉินที่กำลังเพลิดเพลินกับน้ำชาของเขาอย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาดูไม่ไหวติงต่อสิ่งใด
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น จางจีอดที่จะเตือนเขาออกมาไม่ได้ “พี่เฉิน ชานั่นมียาปนเปื้อนอยู่นะ…”
เฉินเฉินดูไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาจิบน้ำชาต่อ
การเคลื่อนไหวของเขายังคงสง่างามเช่นเดิม บรรยากาศรอบตัวของเขาดูพิเศษกว่าใครอื่น
อู๋เว่ยหัวเราะออกมากับสิ่งที่เขาเห็น “ไอ้เจ้าไร้สมองนี่มัน เจ้ากล้าดียังไงที่ทำตัวหล่อเท่ห์ในช่วงเวลาแบนนี้อีกกัน!”
เฉินเฉินไม่รีบที่จะตอบคำถามของเขา หลังจากจิบน้ำชาไปอีกหนึ่งอึก เขาก็ถามต่อ “อู๋เว่ย เจ้าคิดว่าพวกตระกูลเจาจะทำตามสัญญางั้นเหรอ หลังจากที่กำจัดตระกูลจางไปทั้งหมดหน่ะนะ?”
“เจ้าคิดว่าพวกโจรมันจะรักษาคำพูด?”
ใบหน้าของอู๋เว่ยบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยินคำพูด ด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดของเขา เขาปฏิเสธกลับไป “ถึงแม้ว่าท่านเจาจะมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีการเรียนอะไรมากมาย เขาก็ยังเป็นวีรบุรุษที่ซึ่งทำตามสัญญาที่เขาปฏิญาณไว้ต่อหน้าข้า!”
“ถูกแล้ว หัวหน้าของพวกเราทำตามที่เขาพูดอยู่ตลอด” พวกคนตัวโตเหล่านี้ต่างรีบพูดเพิ่มเติม พวกเขาต่างหวาดกลัวว่าอู๋เว่ยจะเปลี่ยนความคิดของเขาไป
ยังไงก็ตาม ความตื่นตระหนกในสายตาของพวกเขาไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของเฉินเฉิน
โจรยังไงก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ “วีรบุรุษ” ที่พวกเขาพร่ำบอกคืออะไรกัน? เจ้าพวกนี้โง่เง่ากันเสียจริง
บางทีมันอาจเป็นเพราะเขาเริ่มจะรู้สึกกังวลใจแล้ว ใบหน้าของอู๋เว่ยมีเหงื่อเย็นไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เพียงเวลาไม่นาน ความกลัวทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความโกรธเคืองที่มีต่อเฉินเฉินแทน เขามองไปที่เฉินเฉินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“เจ้าโง่นี่พูดจาไร้สาระทำให้เข้าใจผิด ไปฆ่าเขาให้ข้าซะ!”
ทันทีที่เขาพูดเสร็จ ชายหน้าตาน่าเกลียดพุ่งเข้าใส่เฉินเฉิน
จางเต๋อพูดขึ้นทันทีที่เห็น “อู๋เว่ย น้องชายคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจางเลย! ทำไมเจ้าต้องระบายความโกรธใส่เขาด้วยละ? ปล่อยข้าไปและข้าจะสั่งให้ยามที่อยู่ด้านนอกถอยไป เจ้าว่ายังไงกับเรื่องนี้?”
เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินก็เหลือบตาไปมองจางเต๋อ
แม้ว่าเขาจะซื่อตรงและดูดื้อรั้น พ่อของจางจีก็ยังเป็นคนดี เขาเป็นคนที่น่านับถือ
เมื่อเขาถึงวันที่ต้องไปฝึกตน เขาก็จะได้วางใจได้ เขาจะปล่อยพ่อแม่ของเขาให้อยู่ภายใต้การดูแลกับคนแบบเขา
ในความเป็นจริงแล้ว เขาได้วางแผนนี้ไว้ก่อนที่จะมาที่นี่แล้วอีก
ถ้าเขาสามารถช่วยตระกูลจางได้ในครั้งนี้ พวกเขาก็คงจะทำตามสิ่งที่ฉันต้องการ
เมื่อเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดของมณฑลเสฉวน เขาก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอิทธิพลของตระกูลหวังได้โดยการช่วยเหลือจากตระกูลจาง
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไป เขาจะสามารถต่อรองกับตระกูลจางได้
ในอนาคต เขาคงคอยดูแลเจ้าจางจีต่อไป เพราะงั้นในมณฑลเสฉวนแล้ว ตระกูลจางคงจะดูแลพ่อแม่ของเขาไว้ได้
มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
สีหน้าของอู๋เว่ยเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง พูดตามจริงแล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวต่อยามด้านนอกมาก
แม้ว่าท่านจางจะมาพร้อมกับคนของเขา ยามเหล่านี้ก็สามารถที่จะจัดการเขาได้ ผู้ที่ซึ่งเป็นคนทรยศของตระกูลให้ลงนรกไปพร้อมกันกับพวกเขา ถ้าพวกเขาโจมตีอย่างสุดกำลัง
ยังไงก็ตาม ถ้าลบยามเหล่านี้ออกไปได้ เขาก็จะไม่มีความกลัวและก็จะเป็นคนที่ไม่มีใครต้านทานได้อีก
เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้ชายน่าเกลียดนั่นให้หยุด
“ท่านลุง สั่งให้ยามถอยไปก่อน ข้าต้องการแค่ตระกูลจางเท่านั้น ข้าไม่ได้โกหกกับท่านลุงละนะ” อู๋เว่ยพูด
จางเต๋อกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่ออู๋เว่ย แต่หลังจากที่เขาใจเย็นลงง เขาตระหนักได้ว่าหนทางที่ดีที่สุดคือการสั่งให้ยามถอยไป
ไม่อย่างงั้นแล้ว เมื่อตระกูลเจามาถึง ยามเหล่านี้ก็คงจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อไม่มีใครเป็นคนนำของพวกเขาอีกต่อไป
“อู๋เว่ย ถ้าเจ้าโกหกข้าแล้วละก็ข้าจะไม่ลืมหนี้แค้นนี้ไป แม้ว่าข้าจะเปลี่ยนกลายเป็นภูตผีก็ตาม!”
หลังจากนั้นจางเต๋อก็ตะโกนออกมาจากด้านนอก “พวกเจ้าออกไปทั้งหมด! ไปจากมณฆลเสฉวนนี้ซะและไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวของพวกเจ้าเอง หลังจากนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตระกูลจางอีกต่อไป!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงก็ดังเกิดขึ้นมาท่ามกลางเหล่ายาม ไม่มีใครในพวกเขาที่ปรารถนาที่จะไปจากที่นี่
“ถ้าพวกเจาไม่ไป สิ่งที่รอคอยพวกเจ้าอยู่คือความตายเพียงอย่างเดียว! พวกเจ้าเข้าใจไหม?” เมื่อเห็นยามลังเลที่จะไปจากที่นี่ จางเต๋อสั่งพวกเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย
มีเพียงแค่ตอนนั้นเองที่ยามเริ่มจะขยับตัว
ยังไงก็ตามก่อนที่พวกเขาจะเดินไปไหนกัน เหล่ายามต่างคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับสามครั้งทางห้องนั่งเล่น
จางเต๋อไม่สามารถที่จะมองดูได้อีกต่อไป เขาหันหน้าไปทางอื่น
ทันใดนั้นเอง เสียงม้าวิ่งก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล
อู๋เว่ยมีความสุขกับเสียงที่เขาได้ยิน
กองกำลังตระกูลเจาได้มาถึงสักที!
ตระกูลเจานั้นแต่เดิมเป็นพวกโจรขี่ม้ากันซึ่งพวกเขาต่างมีความสามารถในการล่าและโจมตีที่ยอดเยี่ยม แม้ว่ายามเหล่านี้จะสามารถไปจากบ้านตระกูลจางได้ พวกเขาก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอดก็ได้
แม้ว่าจะคิดแบบนั้นก็ตาม เขาก็ยังโล่งใจ หลังจากนั้นก็เหลือบตามองไปที่จางเต๋อ เขาชี้ไปที่เฉินเฉิน
“ไปฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นทิ้งซะ!”
“ไอ้เจ้าปีศาจร้าย เจ้าหลอกข้า!” จางเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธแค้นกับสิ่งที่เขาได้ยิน เขาจับไปที่ถ้วยชาและเล็งไปที่อู๋เว่ย
ยังไงก็ตามเขาไม่สามารถที่จะใช้แรงออกมาได้เลยสักนิด ถ้วยของเขาได้หล่นลงที่เบื้องหน้าตัวเอง
“แล้วยังไง ถ้าข้าหลอกเจ้า? พวกเจ้ามันก็แค่ตระกูลโง่เง่าแค่นั้นแหละ!” อู๋เว่ยมีสายตาดูถูก เขามองไปที่เฉินเฉินอีกครั้งหนึ่ง สายตาของเขาดูชั่วร้ายอย่างมาก
ด้านหลังเขา ชายที่หน้าตาน่ารังเกียจยกมีดของเขาขึ้นและฟันไปใส่เฉินเฉินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แขก
“อ๊า!”
แสงที่ส่องประกายออกมาทำให้จางเสี่ยวหยาอดที่จะร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกไม่ได้ เธออดที่จะจินตนาการถึงภาพที่ชายที่ดูโดดเด่นนั้นถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมไม่ได้!
ยังไงก็ตาม วินาที่ต่อมา เลือดไม่ได้ไหลนองออกมาตามที่คาดคิด
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด เขายังคงนั่งอยู่บนที่นั่งเดิมอย่างผ่อนคลาย เขายังคงจับไปที่แก้วด้วยมือหนึ่ง ในขณะที่มองไปที่อู๋เว่ย ใบหน้าของเขาทั้งใจเย็นและสงบนิ่ง
ในอีกมือหนึ่ง เขาได้จับมีดที่แหลมคมไว้ด้วยนิ้วทั้งสองนิ้วของเขา
ในอีกด้านหนึ่ง ชายที่หน้าตาน่าเกลียดไม่สามารถที่จะดึงมีดโลหะหนีได้เลย ไม่ว่าเขาจะใช้แรงไปมากเท่าไหร่
มันทำให้ห้องนั่งเล่นทั้งห้องต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด มันเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มที่หล่นลงบนพื้นได้เลย
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 23: ไร้สมอง
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”