“ฟิ้ว!”
เฉินเฉินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้สึกได้ถึงพลังเซียนที่เพิ่มขึ้นมากในร่างกายของเขา
หลังจากหยุดไปพักนึง เขาก็ยื่นมือออกมา ที่ปลายนิ้วของเขา มีไฟปรากฏขึ้น ซึ่งมันใหญ่กว่าไฟเล็ก ๆที่เขาเคยมีถึงสองเท่า
“ข้าน่าจะไปถึงขั้นฝึกพลังปราณระดับสองหรือไม่ก็สามสินะ ดูเหมือนว่ายาจะได้ผลสำหรับผู้ฝึกตนมากกว่า” เฉินเฉินคิดกับตัวเองในขณะที่มองเปลวเพลิง
ณ ตอนนี้ จางจีเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเพราะเขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขา
พอสังเกตเห็นความตื่นเต้นของจางจี เฉินเฉินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เป็นยังไงบ้างหล่ะ? เจ้าอยู่ระดับฝึกพลังปราณขั้นแรกแล้วใช่ไหม?”
“ข้าก็ไม่มั่นใจครับ แต่ข้ารู้สึกได้ถึงอากาศที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของข้า และข้าก็ยังสามารถควบคุมทิศทางการเคลื่อนไหวของมันได้ด้วย! นี่มันมหัศจรรย์มากเลย!”
จางจีตอบกลับด้วยน้ำเสียงงึมงำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาไฝ่ฝันที่จะเดินบนหนทางผู้ฝึกตนมาเนิ่นนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พอความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา เขาก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย
“นั่นแหล่ะคือฝึกพลังปราณขั้นแรก มานี่สิ ข้าจะสอนเคล็ดควบคุมเพลิงให้”
“ย…เยี่ยมเลย ขอบคุณครับพี่ใหญ่!”
…
ทั้งสองเดินพูดคุยกันด้วยหนังสือบนหลังของพวกเขา เคล็ดวิชาเพลิงมันเป็นวิชาที่ง่ายจริง ๆ; หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่กิโลเมตร จางจีก็สามารถสร้างเปลวไฟเล็ก ๆที่ปลายนิ้วของเขาได้แล้ว
แม้กระนั้น เปลวไฟของเขาก็ยังคงอยู่ได้แค่ช่วงสั้น ๆ
“พี่ใหญ่ ในร่างกายของข้ามีพลังปราณที่จำกัด และไฟก็อยู่กับข้าได้ไม่นาน ถ้าเป็นการต่อสู้จริง ข้าคิดว่าข้าคงใช้มันได้แค่เจ็ดหรือแปดครั้ง”
“แค่นั้นก็ดีถมเถแล้วละ ถ้าเจ้าฝึกตนต่อไปเรื่อย ๆ เจ้าจะมีพลังเซียนมากขึ้นอย่างแน่นอน”
เฉินเฉินปลอบโยนความกังวลของจางจี
แม้ว่าจางจีจะมีคุณสมบัติสำหรับการฝึกตนสู่การเป็นเซียน แต่เขาก็ยังคงห่างไกลจากร่างบรรพกาลแห่งสวรรค์
ซึ่งผลก็คือ เขามีความเร็วในการฟื้นฟูพลังปราณที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเฉินเฉิน
ในตอนนี้เอง เฉินเฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่าตราบใดที่มีแหล่งพลังปราณอยู่ใกล้ ๆ เขาก็สามารถรักษาไฟเอาไว้ได้เรื่อย ๆในตอนที่ใช้วิชาเพลิง
“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาจากคนในสำนักเทียนหยุนว่ามันต้องใช้เคล็ดบางอย่างในการเข้าสู่ขั้นฝึกพลังปราณ แล้วพวกเราหล่ะครับ….”
“พวกจากสำนักเทียนหยุนเป็นคนธรรมดา พวกเราไม่ใช่คนธรรมดา เพราะฉะนั้นพวกเราไม่ต้องทำตามคำแนะนำของพวกเขาหรอก”
“…”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดทั้งสองก็กลับมาถึงจุดที่แยกกับคนของเขา ที่ซึ่งพวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยฉากเกวียนโดนล้อมอยู่
สีหน้าของจางจีหม่นหมองในทันทีที่เห็นฉากตรงหน้า และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็วิ่งเข้าไปหาเกวียน
“เจ้าเป็นใครกัน?”
แม้ว่าตรงหน้าเขาจะเป็นกลุ่มนักรบบนหลังม้า แต่จางจีก็ไม่มีความกลัวอยู่เลย
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมา พวกเราถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรครับ!”
“ใช่ครับนายท่าน โปรดช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเราด้วย!”
ใบหน้าของคนเลี้ยงม้าและคนคุ้มกันบวมปูดจากการถูกอัด และถูกมัดติดอยู่กับเกวียน เมื่อเห็นจางจี พวกเขาก็เริ่มร้องไห้เหมือนกับว่าพวกเขาเจอพ่อแม่ของพวกเขา
ในทันทีที่เขาเห็นจางจี หัวหน้านักรบก็พูดด้วยความเดือดดาล “เจ้าคือหัวหน้าของไอ้พวกนี้สินะ? ข้าขอถามหน่อย เจ้าฆ่านายน้อยของเราได้ยังไง!”
สีหน้าของหัวหน้านักรบนั้นโหดร้าย เขาชักดาบแล้วเล็งไปที่จางจีในทันที
เมื่อเห็นการกระทำของหัวหน้านักรบสีหน้าของจางจีก็หม่นหมอง จากนั้นเขาก็รีบพูดออกมา “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายน้อยของเจ้าเป็นใคร แล้วข้าจะฆ่าเขาได้ยังไง?”
“เจ้ามาถามข้าแบบนี้ แล้วข้าจะไปถามใครได้? ถ้าเจ้าไม่ได้ฆ่าเขา แล้วทำไมถึงรีบร้อนออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่แบบนั้นหล่ะ?”
“วันนี้ ถ้าเจ้าไม่อธิบายเรื่องให้พวกเราฟัง พวกเจ้าก็ต้องเอาหัวมาให้เพื่อเป็นข้อแก้ต่างให้พวกเรา!”
ในตอนนั้นเอง จางจีก็มองเฉินเฉินที่พึ่งเดินมาอยู่ข้าง ๆ เขา
เฉินเฉินไม่ได้รีบร้อน เขาเอาหนังสือไปวางในเกวียน แต่เหลือย่ามใบนึงเอาไว้บนหลังของเขา
ด้วยการเหลือบมองรถม้าหรูหราที่อยู่ไกลออกไป เฉินเฉินก็พูดออกมาอย่างราบเรียบ “นายน้อยของพวกเจ้าตายยังไง?”
คำพูดที่เฉินเฉินทิ้งไว้ทำให้หัวหน้านักรบเดือดอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ตะคอกด้วยความโกรธ “เขาถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”
“เพราะแบบนั้นเจ้าก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสินะ นายน้อยของเจ้าตายจากการถูกอสูรดูดพลังชีวิต”
เฉินเฉินพูดในขณะที่เขามองรถม้าหรูสีขาวที่อยู่ไกล ๆ เขายังไม่รู้ว่าอสูรจิ้งจอกอยู่ข้างในรึเปล่า
แต่ตอนนี้ ด้วยสถานะฝึกตนที่พัฒนาขึ้นมากและของวิเศษยี่สิบชิ้นสำหรับต่อกรกับอสูรที่อยู่ในย่าม เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเมื่อคืน
“อสูรหรอ? ลูกน้องของเจ้าพูดทฤษฎีนี้ให้ข้าฟังเป็นร้อยรอบแล้ว แต่ไม่เห็นมีอสูรตัวไหนอยู่ในที่พักเลย! ข้าคิดว่ามันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหล่ะ!”
สีหน้าของหัวหน้านักรบแดงก่ำจากที่หมดความอดทน
ตอนนี้นายน้อยที่เขาสมควรจะปกป้องได้ตายไปแล้ว ถ้าเขาหาตัวฆาตรกรไม่ได้ เขาจะจบภารกิจได้ยังไง?
เขาตัดสินใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าสาเหตุการตายของนายน้อยจะเป็นยังไง เขาก็จำเป็นต้องให้กลุ่มของเฉินเฉินเป็นคนรับผิดชอบ
ถึงยังไง มันก็ไม่น่าจะมีใครรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นข้างในป่าลึกแบบนี้
“อสูรอยู่ที่ไหนหรอ? นายน้อยของเจ้าไปเจอผู้หญิงคนนึงในระหว่างทางใช่ไหมหล่ะ?” เฉินเฉินพูด
พอได้ฟังคำถาม พวกนักรบก็หันไปมองรถม้าหรูโดยไม่รู้ตัว หลายคนถึงกับพยายามตีตัวออกห่างจากมัน
รถม้านั้นเป็นของนายน้อย และนายน้อยก็ซื้อผู้หญิงมาจริง ๆ ซึ่งผู้หญิงที่เขาซื้อมานั้นมีเสน่ห์มากจนไม่สามารถปล่อยไปได้ แม้ว่านายน้อยของพวกเขาจะตายไปแล้วก็ตาม
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นหน่ะหรอ? มันก็เพราะว่าเจ้านายของพวกเขานั้นเป็นคนตัณหาจัด และด้วยการหาผู้หญิงดี ๆไปให้เจ้านาย พวกนักรบก็อาจจะได้รับการลดโทษ
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอ้างว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอสูรใช่ไหม?
พอคิดถึงความจริงที่ว่าพวกเขาอาจจะพาอสูรติดมาด้วย นักรบหลายคนก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่น
“กระซิก…. ข้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งนาน หลังจากที่ทนมามากขนาดนั้น ในที่สุดข้าก็ได้เจอคนที่ต้องการข้า แต่ว่าเขากลับถูกฆ่าในเวลาไม่นาน! แล้วตอนนี้ข้ายังถูกกล่าวหาว่าเป็นอสูรอีกหรอ!”
“ทำไมข้าถึงได้อาภัพขนาดนี้? ที่รัก ข้าน่าจะตายไปกับท่าน….”
เสียงร้องไห้ดังมาจากรถม้าหรู
คำพูดที่ดังออกมานั้นดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ในตอนนั้นเอง พวกนักรบก็ดูอับอายกับความคิดของพวกเขา พวกเขาเริ่มจ้องมองเฉินเฉินอย่างโกรธเคือง
“เจ้ากล้ามากล่าวหานายหญิงได้ยังไง!”
“เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน!”
ในตอนนี้เอง พวกนักรบก็เริ่มชี้นิ้วไปที่เฉินเฉิน หลายคนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับเขาด้วยมีดและดาบของจริง
ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และลึกลับก็แผ่ออกไปทุกทิศทางจากตัวเฉินเฉิน
“ข้าจะโกหกมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเจ้าไปทำไม?”
“เซียน!”
สีหน้าของหัวหน้านักรบเปลี่ยนไปในทันที แม้กระทั้งม้าของเขาก็ถอยไปสองสามก้าว
ในฐานะสมาชิกของตระกูลใหญ่ เขาคงไม่ได้แค่คุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตา
“ฮ่าฮ่า พวกเราได้เจอกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ซะแล้วสิ แต่แรงกดดันแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมาจากเซียนอย่างเดียวนะ มันยังมาจากอสูรได้ด้วย”
เสียงสะท้อนดังมาจากรถม้าด้วยเสน่ห์ที่มากขึ้น ตอนนี้ความเศร้าได้หายไปหมดแล้ว
อัศวินแต่ละคนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงในขณะที่พวกเขาทุกคนเริ่มถอยห่างไปด้วยความกลัว
หลังจากที่เงียบไปครู่นึง หญิงสาวในรถม้าก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เห้อ ข้าตั้งใจจะใช้เวลาเล่นกับพวกเจ้าอีกซักหน่อยนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้ข้าได้อยู่กับผู้ฝึกตนแล้ว แก่นชีวิตจากผู้ฝึกตนคงจะยอดเยี่ยมกว่าขยะเมื่อคืนเยอะ”
“ตอนนี้ข้าชักอยากลิ้มรสมันแล้วสิ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าหมดประโยชน์แล้ว”
วินาทีต่อมา สายลมอสูรก็พัดมาจากทุกทิศทาง ทันใดนั้นเอง ม้าของพวกนักรบก็เริ่มส่งเสียงร้องแล้วล้มลงไปกับพื้นทีละตัว ปากของพวกมันมีฟองสีขาวไหลฟอดออกมา
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 35: หมดเวลาเล่นกับพวกเจ้าแล้ว
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”