ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 36: โลกที่ชอบธรรม

“ป..เป็นอสูรจริง ๆด้วย!”
 
นักรบที่นั่งบนหลังม้าเมื่อครู่ก่อนเริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อได้เห็นสายลมอันชั่วร้าย พวกเขาสับขาวิ่ง แล้วหนีเตลิดไปทุกทิศทาง
 
“ทำไมถึงพยายามหนีข้าซะแล้วหล่ะ? อยู่ที่นี่แล้วพาข้าไปด้วยต่อสิ~”
 
เสียงที่น่าหลงไหลดังกล้องไปทั่วอีกครั้ง แล้วดวงตาของนักรบที่พร้อมจะหนีเมื่อครู่ก่อนก็พร่ามัวขึ้นมา จากนั้นเหล่านักรบที่มีจิตใจอ่อนแอก็เริ่มมุ่งหน้าไปที่รถม้าหรูแล้ว
 
แม้กระทั่งคนดูแลม้าและคนคุ้มกันของจางที่ถูกมัดอยู่เองก็เริ่มพยายามจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
 
“เจ้าทนไหวไหม?” เฉินเฉินถามจางจีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดและมืดมน
 
“พอได้อยู่ครับ…” จางจีส่ายหัวในขณะที่สายตาของเขาค่อย ๆถูกเติมเต็มด้วยความมุ่งมั่น
 
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กัดฟันแน่น แล้วเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของเขา ซึ่งเขาได้โยนไปทางรถม้าหรู
 
เมื่อเห็นเปลวเพลิงกำลังจะเผารถม้า นักรบคนนึงก็วิ่งเข้ามายืนขวางหน้ารถม้าเอาไว้
 
ด้วยเสียงตูมดังสนั่น ชายคนนั้นก็ถูกไฟคลอก ก่อนที่จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในเวลาไม่นาน
 
“มีเซียนสองคนเลยหรอ? อืม แต่คนนี้ใช้ไม่ค่อยได้เลยนะ” น้ำเสียงที่ยั่วยวนและชั่วร้ายดังขึ้นอีกครั้ง และแฝงไปด้วยความดูถูกอย่างชัดเจน
 
ในตอนนี้คนธรรมดาที่อยู่รอบ ๆได้เสียสติไปแล้ว พวกเขาเริ่มโจมตีใส่เฉินเฉินและจางจี
 
“พี่ใหญ่ พวกเราจะเอายังไงดีครับ?” จางจีตื่นตระหนก
 
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนธรรมดาที่จะกระวนกระวายในตอนที่พวกเขาได้เจอกับอสูรเป็นครั้งแรก ดังนั้นการที่พวกเขาไม่หนีเอาชีวิตรอดก็ถือว่ามีความกล้าหาญแล้ว
 
“อย่าตื่นตระหนกไป!”
 
เฉินเฉินตะโกน เขารีบเปิดถุงย่ามแล้วหยิบหนังสือเล่มนึงออกมา
 
ซึ่งหนังสือเล่มนั้นก็คือ ‘การไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐาน’
 
พอเปิดไปที่หน้าแรก ม่านตาของเฉินเฉินก็บีบลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เวลามาลังเล เฉินเฉินเริ่มท่องบทไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐานอย่างตั้งใจหลังจากที่ตกใจไปชั่วขณะ
 
“มันคือโลกแห่งความชอบธรรม ชีวิตทั้งมวลในโลกนี้ขึ้นอยู่กับมันเพื่อความอยู่รอดและเจริญเติบโต!”
 
“เหนือขึ้นไปข้างบน มันแจ่มแจ้งเหมือนภูผา ลึกลงไปข้างล่าง มันแจ่มแจ้งเหมือนผืนปฐพี!”
 
เขาท่องไปได้แค่สีบรรทัดในตอนที่คนธรรมดาทุกคนที่อยู่รอบ ๆได้หยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขา พวกเขาดูเหมือนกับว่ากำลังดิ้นรนอยู่ พวกเขาพยายามปลดปล่อยตัวเองจากสภาพสับสน
 
“ในทางโลก มันถูกเรียกว่าความสมบูรณ์ มันประกอบด้วยสวรรค์ ผืนปฐพี และจักรวาลทั้งปวง จางจี ท่องบทในหนังสือนี้ด้วยกันกับข้าซะ”
 
พอได้ยินคำสั่งของเฉินเฉิน จางจีก็รีบดึงสติกลับมาจากความตกใจในทันที เขาเริ่มทวนที่เฉินเฉินพูดในขณะที่เริ่มท่องบทการไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐาน
 
“มันคือโลกแห่งความชอบธรรม ชีวิตทั้งมวลในโลกนี้ขึ้นอยู่กับมันเพื่อความอยู่รอดและเจริญเติบโต เหนือขึ้นไปข้างบน มันแจ่มแจ้งเหมือนภูผา ลึกลงไปข้างล่าง มันแจ่มแจ้งเหมือนผืนปฐพี…”
 
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จางจีรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขาได้ถูกเติมเต็มในขณะที่เขาท่องประโยคเหล่านี้ออกมา มันเหมือนกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และผืนดินอันเกรียงไกร ที่กำลังมอบความมั่นใจที่สูงส่งให้กับเขา
 
ในระหว่างนั้น ความกลัวที่เขามีต่ออสูรที่อยู่ในรถม้าหรูก็ได้หายไปโดยสิ้นเชิง
 
อสูรมันจะซักเท่าไหร่กันเชียวเมื่อได้เผชิญหน้ากับท้องฟ้าและผืนดิน?
 
ด้วยเหตุนี้เองน้ำเสียงของเขาจึงดังขึ้นเรื่อย ๆในขณะที่ท่อง และออร่าที่ไม่รู้จักก็เริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
 
ณ เวลานี้ คนธรรมดาที่อยู่ในพื้นที่ได้หลุดพ้นจากการล่อลวงแล้ว เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า พวกเขาก็ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนด้วยความตกตะลึง
 
พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลย
 
“พวกเจ้าสองคน หุบปากซักที!”
 
น้ำเสียงยั่วยวนในรถม้าไม่มีความเยือกเย็นและความสงบอยู่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธ
 
และก็แน่นอน เฉินเฉินกับจางจีไม่ได้หยุดท่อง แต่พวกเขากลับเพ่งสมาธิในการท่องมากขึ้นเรื่อย ๆ และออร่าที่ไม่รู้จักนี้ก็รุนแรงและหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
 
“ช่างหัวโลกที่ชอบธรรมซะเถอะ! พวกเจ้าสองคนทำให้ข้าโกรธจนได้นะ!”
 
ด้วยเสียงคำรามที่เกรี้ยวกราด รถม้าหรูก็ระเบิดออกแล้วสิ่งที่รูปร่างเหมือนคนก็พุ่งออกมาจากข้างใน ร่างนั้นได้เปลี่ยนไปกลางอากาศ และในตอนที่มันมาถึงพื้น มันก็ได้เปลี่ยนเป็นปีศาจจิ้งจอกสองหางที่มีสีขาวบริสุทธิ์ยาวประมาณห้าเมตรและสูงประมาณสองเมตร
 
“อสูร!”
 
นักรบที่อยู่ใกล้ ๆกรีดร้องออกมาสุดเสียงในขณะที่เขาพยายามหนีหลังจากที่ร้องโหยหวน อย่างไรก็ตาม ปีศาจจิ้งจอกสองหางได้ตบเขาอย่างรุนแรง และเขาก็ถูกขยี้ ณ ตรงนั้นเลย
 
“ข้าจะฉีกพวกเจ้าทุกคนให้เป็นชิ้น ๆ!”
 
ปีศาจจิ้งจอกพูดภาษามนุษย์ เหมือนกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย มันพุ่งเข้าใส่เฉินเฉินและจางจีในทันที
 
แต่กระนั้น ก่อนที่มันจะได้พุ่งไปถึงก้าวที่สอง ออร่าที่ไม่รู้จักก็ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงตรงหน้าเฉินเฉินและจางจี
 
ปัง!
 
ด้วยเสียงดังกระหึ่ม อสูรจิ้งจอกก็ถูกกำแพงที่มองไม่เห็นอัดกระเด็นไปข้างหลัง และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็หลุดมาจากลำคอของมัน
 
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ เฉินเฉินกับจางจีก็ไม่ได้อยู่ในสภาพดีเหมือนกัน โดยเฉพาะจางจี ที่กระอักเลือดออกมาประมาณนึงแล้ว
 
แม้จะมีปัญหา แต่เฉินเฉินก็ท่องบทไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐานต่อ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปที่กระเป๋าแล้วหยิบเห็ดหลินจือสีม่วงออกมา ซึ่งเขาได้ยัดเข้าไปในปากของจางจี
 
จางจีเป็นคนพบเห็ดหลินจือสีม่วงนี้ ซึ่งในตอนที่จางจีไปทำขาของตัวเองหักเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็ฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาไม่กี่วันด้วยการกินเห็ดหลินจือสีม่วง
 
ในตอนนี้ เห็ดหลินจือสีม่วงยังคงทำงานได้เป็นอย่างดี หลังจากที่กินมันเข้าไป ใบหน้าที่ซีดเผือดของจางจีก็เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นในทันที
 
เมื่อเห็นอาการของจางจีแล้ว เฉินเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดี ๆนั้นอยู่ได้ไม่นาน ทันใดนั้นเอง อสูรจิ้งจอกก็คลั่งขึ้นมาจากการโดนยั่วยุหนักเกินไป เพราะมันเริ่มฟาดกำแพงที่มองไม่เห็นด้วยหางของมันไม่ยอมหยุด
 
ปัง! ปัง! ปัง!
 
เสียงการปะทะดังขึ้นเป็นชุด และลมโหมกระหน่ำรุนแรงก็กระจายไปทั่วบริเวณ คนธรรมดาที่อยู่ใกล้ ๆไม่สามารถยืนติดพื้นได้ก่อนที่พวกเขาจะถูกพัดกระเด็นไปด้านข้าง
 
“พวกเราปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้”
 
เฉินเฉินคิดในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยื่นมือออกมา แล้วเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้น
 
เมื่อเทียบกับไฟเล็ก ๆของจางจี ไฟของเฉินเฉินสามารถมองว่าเป็นบอลเพลิงได้เลย
 
โดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว เฉินเฉินก็โยนบอลเพลิงใส่อสูรจิ้งจอก
 
หลังจากที่ขว้างลูกแรกไปแล้ว เฉินเฉินก็ปล่อยลูกต่อไป ขว้างออกไปลูกแล้วลูกเล่า เขากำลังกระหน่ำบอลเพลิงใส่อสูรจิ้งจอกเหมือนกระแสระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
จางจีที่มองจากด้านข้างรู้สึกตกตะลึง เขาต้องผลาญพลังปราณแทบทั้งหมดเพื่อสร้างลูกไฟขนาดเล็ก ๆเพียงลูกเดียว แต่เฉินเฉินดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยหลังจากที่ปล่อยไปขนาดนั้น
 
“ตอนนั้น ข้าแค่รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก แต่ตอนนี้พอข้าได้เข้าสู่หนทางแห่งเซียน ก็ได้มีความเข้าใจใหม่แล้วว่าพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากนัก”
 
ในตอนนี้ จางจียิ่งชื่นชมเฉินเฉินขึ้นไปอีก
 

 
“ลูกไม้ไร้สาระหน่า!”
 
อสูรจิ้งจอกคำรามอย่างดุดัน จากนั้นมันก็หยุดโจมตีกำแพงล่องหน แล้วอ้าปากที่ใหญ่โตของมันแทนจากนั้นมันก็พ่นลมกรรโชกออกมา แล้วลูกบอลเพลิงทั้งหมดก็ถูกดับลงในทันที
 
“อสูรตัวนี้มีระดับการฝึกตนสูงกว่าข้ามาก ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการจัดการมันโดยเฉพาะ ข้าคงจะถูกจัดการในไม่กี่กระบวนท่า”
 
เฉินเฉินอดรู้สึกกลัวกับปัญหานี้ไม่ได้ มันถือว่าโชคดีแล้วที่เขาไม่ถูกจับได้ตั้งแต่เมื่อคืน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่รอดแล้ว
 
“พี่ใหญ่ พวกเราจะเอายังไงดี? ท่านหนีไปก่อนดีไหมครับ….” จางจีพูดอย่างลำบากใจ
 
“ทำไมข้าต้องไปด้วย? นี่มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และมันก็เป็นแค่อสูร มันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหนกัน?”
 
เฉินเฉินตำหนิจางจี จางจีนั้นก็ท่องบทไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐานต่อ ในระหว่างนั้น เขาก็แอบเอาชิ้นส่วนสมบัติออกมา
 
เขายังมีอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับจัดการอสูรอยู่จำนวนนึงในย่ามของเขา ไม่มีทางที่ตอนนี้เขาจะโค่นอสูรตัวนี้ไม่ได้!
 
ครู่ต่อมา เฉินเฉินก็ปล่อยบอลเพลิงไปอีกสองสามลูก
 
ในตอนที่อสูรจิ้งจอกเห็นเฉินเฉินใช้พลังปราณอย่างเปล่าประโยชน์ ความผิดหวังก็แสดงออกมาทางดวงตาที่ใหญ่โตของมัน หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มขยายตัว
 
ในตอนที่มันอ้าปาก ลมอสูรที่รุนแรงกว่าเดิมสิบเท่าก็ถูกปล่อยออกมา
 
ในการเผชิญหน้ากับลมอสูร บอลเพลิงของเฉินเฉินถูกดับไปในทันที เหมือนกับเปลวเทียนที่อยู่ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ หลังจากนั้นไม่นาน ลมอสูรก็ปะทะกับกำแพงล่องหนอย่างรุนแรง
 
ตูมม!
 
ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น จางจีก็ทรุดลงกับพื้น เฉินเฉินโดนพลังย้อนจนถอยไปสองสามก้าว แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขา
 
อย่างไรก็ตาม อสูรจิ้งจอกก็ไม่ได้อยู่ในสภาพดีเหมือนกัน ชิ้นส่วนสมบัติที่เฉินเฉินซ่อนเอาไว้ในบอลเพลิงได้ทะลวงลมอสูรแล้วเจาะเข้าไปในขาขวาของมัน
 
แม้ว่าชิ้นส่วนสมบัติจะดูค่อนข้างธรรมดา และบาดแผลที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ใหญ่อะไร แต่อสูรจิ้งจอกเริ่มดิ้นพล่านไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เสียงโหยหวนที่เล็ดลอดมาจากลำคอของมันได้ส่งความหวาดกลัวไปทั่วทั้งป่า และนกฝูงใหญ่ก็พากันบินหนีออกไป
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset