เมื่อเฉินเฉินมองขบวนรถที่กำลังออกไปจากเมือง เขากินข้าวเช้าอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพาทุกคนไปยังที่จอดรถม้า
มันว่างเปล่าตอนนี้ เหลือเพียงแค่รถเกวียนสามคันที่อยู่ตรงมุมเท่านั้น ยามที่ให้อาหารม้านั้นต่างดูขยันขันแข็งกันมาก
“ไม่เลยเลยนี่ พวกเราควรจะให้ทิปกับพวกเขานะ!” เฉินเฉินชื่นชมออกมาจากระยะไกล
จางจีพูดเตือนเขามาด้วยความเขินอาย “พี่ พวกเราได้ใช้เงินไปกว่าหมื่นตำลึงเงินในหอลมใบไม้ผลิแล้วนะครับ พวกเราไม่มีเงินแล้ว”
“งั้นเหรอ?” เฉินเฉินหน้าตึง แต่เขาโบกมือทันที “ถ้าพวกเราใช้มันไปหมดแล้วก็ไม่เป็นไร เงินมันเป็นของที่ยุ่งยากสำหรับพวกเรา ผู้ฝึกตนอยู่แล้วละนะ”
หลังจากพูดเสร็จ เฉินเฉินเดินเข้าไปในรถเกวียนและค้นของอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบโสมออกมาโยนให้กับยาม
“ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว มันเหมือนกับว่าเจ้ามีปัญหากับไตนะ นี่คือโสมมังกรไฟตะวันตก มันเป็นของขวัญสำหรับเจ้า”
“ข้าเหนื่อยกับการที่จะได้รับมันมาอยู่นะ แต่มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับคนที่ยอดเยี่ยมอย่างข้าอยู่ดี เพราะข้าเป็นคนที่มีสุขภาพดี”
เฉินเฉินตั้งชื่อขึ้นมามั่วๆตรงนี้เลย แต่ยามก็รู้สึกขอบคุณอย่างมาก
เขามีปัญหาด้านไตจริงๆ ในตอนนี้เขาก็ได้รับรางวัลจากชนชั้นสูง ดังนั้นเขาจึงมีความสุขมาก เหมือนกับว่าเขาได้รับทิปที่เหมือนกับเงินยังไงยังงั้น
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถเกวียนสามคันได้ขับออกไป
ไปจากเมืองสายลมสีคราม แทนที่จะไปยังบนถนนที่กว้างขวางและถนนหลัก พวกเขาต่างเลือกที่จะไปบนเส้นทางเล็กๆแทน
เส้นทางนี้ได้ผ่านภูเขาและป่ามากมาย ซึ่งปกติแล้วมันต่างเต็มไปด้วยกองโจร
คนส่วนใหญ่ไม่มีทางที่จะเลือกเส้นทางนี้ แต่เฉินเฉินและกลุ่มของพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรสักนิด
ตลอดทาง เฉินเฉินก็ลงจากรถเกวียนเป็นครั้งเป็นคราว ก่อนที่จะเดินไปเก็บของป่า
“รากดอกไม้ขนแกะพันปี +1”
“ผลไม้วิญญาณอสูร +10”
“แร่หินที่มีวิญญาณเหล็ก +1”
….
จางจีและคนอื่นต่างคุ้นเคยกับภาพแบบนี้ แต่อสูรจิ้งจอกกลับตกตะลึง
เจ้าเด็กนี่เป็นอสูรหมาหรือยังไงกัน? หรือเขาเป็นนักล่าสมบัติในตำนานที่แปลงเป็นมนุษย์กันแน่?
เมื่อเห็นเฉินเฉินถือผลไม้วิญญาณอสูร อสูรจิ้งจอกอดจะพูดขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าเด็กน้อย ถ้าพรสวรรค์ของเจ้าถูกล่วงรู้โดยผู้ฝึกตนชั้นยอด ข้าละกลัวว่าเจ้าจะถูกจับให้กลายเป็นนักล่าสมบัติแทนอีก”
เฉินเฉินบีบผลไม้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนที่จะเทน้ำของมันลงไปบนดอกไม้ “อืม ข้ามีเจ้าแล้วไง”
เมื่อได้ยินมัน จิ้งจอกอสูรงุนงง มันไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“เมื่อถึงเวลาแบบนั้น ข้าก็จะบอกว่าเจ้ามีจมูกที่ยอดเยี่ยม หลังจากนั้นข้าก็จะมอบเจ้าไปให้อีกฝ่ายไง ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าก็ดูเหมือนอสูรหมามากกว่าข้าใช่ไหมละ?”
“ถ้าพวกเขาไม่เชื่อข้า ข้าก็จะบอกว่ามันต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวกับเจ้าของคนใหม่และเจ้ายังจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนอีกมากด้วย เห็นไหม? มันก็จะสมเหตุสมผลละ”
จิ้งจอกอสูรไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
เจ้าเด็กนี่มันต้องการใช้ร่างกายของเธอทุกส่วนเลยหรือไงกัน?! เขากล้าพูดอย่างงี้ออกมาได้ยังไงกัน?
“ระบบ มันมีของงล้ำค่าที่อยู่ในระยะ 20 เมตรไหม?”
“มันมีแร่ทองอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 19 เมตร”
“ฉันขี้เกียจขุดทองแล้วนี่สิ”
….
เมื่อพวกเขาเดินทางข้ามภูเขาและป่าไม้ไป เฉินเฉินก็ได้รวบรวมของไปเป็นจำนวนมาก เมื่อตอนกลางคืนมาถึง รถเกวียนทั้งสามคันต่างมีของเต็มขบวน
เฉินเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะใช้ของที่มีค่าน้อยเหล่านี้เอามาทำอาหาร
ถึงแม้ว่าอาหารเหล่านี้จะไม่อร่อยก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้มันนั้นทรงพลังมากพอที่จะทำให้ผู้คนในขบวนรถต่างกระปรี้กระเปร่า หลังจากที่กินพวกมันไป พวกเขาไม่จำเป็นต้องหลับนอนกันเลยสักนิด
พวกเขายังคงเดินทางไปตลอดทั้งคืน
…
หลังจากผ่านไปหลายวัน เมืองใหญ่ก็อยู่ในสายตาของพวกเขา
กำแพงเมืองนั้นสูงกว่าห้าสิบเมตรและยาวเกือบจะหนึ่งพันเมตร มันกว้างขวางจนตามองไม่ครบ มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสร้างเมืองใหญ่แบบนี้โดยปราศจากเซียน
“นี่คือเมืองจี๋โจว ที่แห่งนี้น่าจะมีเซียนอยู่จำนวนมากเลย ข้าจะต้องซ่อนเจ้าเอาไว้ก่อนแล้วละ”
ในขณะที่พูดไปด้วย เฉินเฉินก็พันเจ้าอสูรจิ้งจอกไว้แน่น ก่อนที่จะโยนมันเข้าไปในรถเกวียน
เจ้าอสูรจิ้งจอกนั้นคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้แล้ว ไม่เพียงแค่มันจะเงียบ มันยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง รถเกวียนสามคันได้คับเข้าไปในในประตูของเมืองจี๋โจว
เมื่อเป็นเมืองหลวงของรัฐแห่งนี้ จี๋โจวนั้นรุ่งเรืองยิ่งกว่าเมืองสายลมสีครามมาก นอกจากนี้แล้ว วันนี้ยังเป็นวันที่ 31 กรกฏาคมและวันพรุ่งนี้เป็นวันที่สำนักเทียนหยุนจะรับสมัครลูกศิษย์ ดังนั้นมันจึงมีคนมากมายอยู่ภายในเมือง
เมื่อเขาฟังคนอื่นพูดกัน ทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้นต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการรับลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุดกันทั้งนั้น
สำนักเทียนหยุนนั้นเป็นสำนักที่เป็นเจ้าเมืองปกคลองจี๋โจวและอิทธิพลภายในเมืองนั้นสูงส่งมาก
ในครั้งนี้ เฉินเฉินไม่ได้เลือกที่จะเข้าไปในร้านอาหารที่แพงที่สุดในจี๋โจว เขากลับสุ่มหาโรงเตี๊ยมสักแห่งและเข้าไปนั่งพัก เฉินเฉินและจางจีต่างนั่งพักกันในโรงเตี๊ยม
ถึงแม้ว่าจางจีได้รับเหรียญตรายืนยันตนมาจากสำนักเทียนหยุน เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าสำนักเทียนหยุนนั้นเลือกลูกศิษย์ยังไง
ดังนั้นทั้งสองคนจึงต้องหาข้อมูลจากที่ที่วุ่นวายเช่นนี้
“มันเหมือนกับมีคนที่มาจากต่างเมืองมากกว่าปีก่อนอีกนะ!”
คนที่อยู่โต๊ะข้างๆเขาเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
“ไม่หรอก เหตุผลหลักมันเป็นเพราะสำนักเล็กๆของจี๋โจวสองสำนักถูกทำลายไปเมื่อปืที่แล้ว ทุกคนต่างมีตัวเลือกที่น้อยลง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะมีคนจำนวนมากขึ้น ยังไงก็ตาม เหมือนว่าปีนี้จะมีคนจำนวนมากที่ตายไปเลยนะ
“ใช่แล้ว มู่หลงหยุนหลานได้ถูกลอบโจมตีบนถนนเมื่อไม่กี่วันก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเซียนที่มากับเธอแล้ว เธอคงไม่มีทางมาถึงจี๋โจวได้หรอก พวกเขาต่างปกป้องเธอไว้ด้วยชีวิต”
เฉินเฉินแปลกใจเล็กน้อยกับเรื่องที่เขาได้ยิน
มันเหมือนกับว่าคุณหญิงมู่หลงได้ถูกโจมตีเข้าตามที่เขาคาดไว้ แต่เธอกลับมาถึงเมืองจี๋โจวอย่างปลอดภัย
แต่ถ้าเซียนที่ร่วมมือกับเธอต่อสู้จนตัวตาย แล้วกลุ่มคนที่ตามไปละ?
“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อพวกเธอมาถึงยังจี๋โจว กลุ่มผู้ชายและผู้หญิงชั้นสูงที่ตามคุณหญิงมู่หลงได้ถูกโจมตีไปด้วย พวกเขาไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บและคนที่ดูมีคุณสมบัติที่ดีก็ถูกลักพาตัวไปยังสำนักอสูรแล้ว”
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงพูดกันว่าสาวงามนั้นเป็นตัวสร้างปัญหา ถ้าพวกเขาไม่ตามคุณหญิงมู่หลงไป พวกเขาอาจจะไม่พบเจอปัญหานี้ก็ได้”
เฉินเฉินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรสักนิด หลังจากที่เขาได้ยินมัน
พวกคนที่ยกยอเธอกลับตายไปอย่างไร้ค่าอย่างงั้นเหรอ? ช่างน่าสงสารจริง!
“พี่ชาย พี่รู้ไหมว่าสำนักเทียนหยุนรับสมัครลูกศิษย์ยังไงกัน?”
จางจีไม่ต้องการได้ยินข่าวเกี่ยวกับคุณหญิงมู่หลงอีกแล้ว เขานั้นกังวลเกี่ยวกับว่าสำนักเทียนหยุนจะรับสมัครลูกศิษย์ยังไงมากกว่า
ในขณะที่เขามีเหรียญตราของสำนักเทียนหยุนแล้วและเขาสามารถเข้าไปในสำนักได้ทันที แต่เฉินเฉินนั้นไม่มี เขาเชื่อว่าคุณสมบัติของเฉินเฉินนั้นดีพอที่จะเข้าร่วมกับสำนัก แต่เขายังรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“โอ้ เมื่อเวลามาถึง ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนจะมาตรวจสอบความเหมาะสมในการฝึกตนของเจ้าเอง ถ้าเจ้าผ่านเกณฑ์แล้ว พวกเขาก็จะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ทันที”
“ถ้าเจ้าไม่ผ่านเกณฑ์ความต้องการ แต่ยังพอมีคุณสมบัติอยู่บ้าง เจ้าก็จะได้รับคำแนะนำไปยังสำนักที่เล็กกว่า”
“ถ้าเจ้าไม่มีอะไรเลยสักนิด ถ้าอย่างงั้นก็มีแต่การโบกมือลาแล้วละ”
จางจีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกกับสิ่งที่เขาได้ยิน กฎเหล่านี้มันธรรมดาและชัดเจนมาก ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนไม่ได้ตาบอด พวกเขาก็น่าจะเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขามีพรสวรรค์ที่น่ามหัศจรรย์มาก
สำหรับว่าเฉินเฉินนั้นพิเศษตรงไหน จางจีไม่รู้ แต่ยังไงก็ตามพี่ใหญ่ของเขาก็ยังพิเศษมากอยู่ดี
“พี่ชาย พรุ่งนี้ท่านจะต้องดังมากในเมืองจี๋โจวแน่เลย”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว จางจีมองไปที่เฉินเฉินอย่างคาดหวัง สีหน้าของเขามีความสุขเหมือนกับว่าเขานั้นจะกลายเป็นคนดังแทนเสียนี่
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 43: มาถึงเมืองจี่โจว
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”