ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 49: สำนักเทียนหยุน

สิบห้านาทีต่อมา เฉินเฉินได้บินลงมาจากด้านบนเมฆด้วยดาบยักษ์
 
ภูเขาหลายลูกได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่หนาแน่นที่อยู่รอบข้างเขาแล้ว เฉินเฉินอดที่จะอุทานออกมาอย่างประหลาดใจไม่ได้ “ดินแดนของเซียนนี่แตกต่างไปจากภูเขาธรรมดาทั่วไปจริง!”
 
“ภูเขาเทียนหยุนไม่สามารถถูกนับว่าเป็นดินแดนเซียนได้ มันเป็นแค่สถานที่ที่ยอดเยี่ยมธรรมดาทั่วไปเท่านั้นแหละ” เซี่ยวอู่โยวพูดออกมาอย่างเฉยชา
 
เขาได้สั่งให้ดาบบินขึ้นไปบนภูเขาที่สูงสุด ก่อนที่จะกระโดดลงมาที่ด้านหน้าทางเข้าที่พำนักขนาดใหญ่
 
“นี่คือตำหนักของเจ้าสำนักสินะ!”
 
เมื่อจ้องไปที่ป้ายไม้ที่มีอักษรสลักตัวโตอยู่ด้านหน้าทางเข้าที่พำนัก มันทำให้เฉินเฉินรู้สึกตื่นตะลึงออกมา
 
“ตำหนักแห่งนี้ปกติแล้วว่างเปล่า มันไม่มีผู้ใดเป็นคนใช้มัน แต่มันจะเปิดออกเฉพาะแค่ช่วงที่มีงานใหญ่และผู้อาวุโสจำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อพูดคุยเท่านั้นเอง” เซี่ยวอู่โยวอธิบายออกมา ในขณะที่เดินเข้าไปในตำหนัก
 
เฉินเฉินเดินตามด้านหลังของเขาไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็ได้เดินมาถึงด้านหน้าของรูปปั้น
 
รูปปั้นนี้คือรูปปั้นของชายแก่ที่สวมชุดเหมือนกับเซียน สิ่งเดียวที่เขาขาดก็คือป้ายสลักที่เขียนว่า ‘เก่งกาจ’ เท่านั้น
 
เซี่ยวอู่โยวที่มองไปยังรูปปั้น เขาโค้งตัวลงและพูดออกมาด้วยความจริงจัง “ข้า เซี่ยวอู่โยว เจ้าสำนักรุ่นที่ 28 ของสำนักเทียนหยุนได้ปรารถนาที่จะรับเฉินเฉินมาเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวเพียงคนเดียวของข้า ภายใต้การเฝ้ามองของ ท่านบรรพบุรุษ ข้าภาวนาว่าท่านจะตอบตกลงเห็นด้วยครับ!”
 
หลังจากที่พูดเสร็จ เซี่ยวอู่โยวโบกมือและธูปก็ได้ถูกจุดขึ้น
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฉินเฉินมองไปที่เซี่ยวอู่โยวอย่างประหลาดใจ
 
ถ้าเขาได้ยินไม่ผิดแล้วละก็เซี่ยวอู่โยวดูเหมือนจะพูดว่าจะรับเพียงแค่เขาเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวเพียงคนเดียวเท่านั้น!
 
ยังไงก็ตาม ทั้งสองคนยังรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ! มันเหมือนกับเรื่องตลกเลย!
 
เขาทั้งตื่นตระหนกและประหลาดใจ!
 
เมื่อมองไปที่เซี่ยวอู่โยวที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาและสวมชุดคลุมสีขาวที่มีท่าทางจริงจังของเขาแล้ว เฉินเฉินมั่นใจมากว่าเขาจะต้องเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาในตอนเขาเยาว์วัยกว่านี้ เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เฉินเฉินอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “อาจารย์ ท่านเชื่อใจข้ามากถึงเพียงนี้เลยเหรอครับ?”
 
“ด้วยคุณสมบัติที่เจ้ามีแล้ว มันไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นไส้ศึกของสำนักคู่แข่งแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่สามารถที่จะเสี่ยงส่งเจ้าออกมา นั่นคือทุกสิ่งที่ข้ารู้” เซี่ยวอู่โยวพูดอย่างมั่นใจ
 
“แล้วถ้าข้าเป็นคนที่เลวร้ายกันละครับ?” เฉินเฉินดูสับสน ตั้งแต่ที่เซี่ยวอู่โยวต้องการให้เขากลายเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวเพียงแค่คนเดียว เขาก็ต้องตรวจสอบลักษณะนิสัยของเขาก่อนไม่ใช่หรืออย่างไร?
 
“เจ้าเป็นคนเลวร้ายงั้นรึ? แล้วข้าดูเหมือนคนดีหรือไง?”
 
เซี่ยวอู่โยวทำให้เฉินเฉินพูดไม่ออก ยังไงก็ตามเขาก็รู้สึกว่าเซี่ยวอู่โยวนั้นดูเหมือนกับยอดวีรบุรุษ
 
เฉินเฉินคิดว่าเซี่ยวอู่โยวจะต้องเป็นชายที่เป็นนิยมกับหญิงสาวมากมาย เหมือนกับเขาอย่างแน่นอน
 
“ขอบคุณสำหรับความเชื่อใจครับ ท่านอาจารย์!” หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เฉินเฉินก็โค้งตัวให้กับเซี่ยวอู่โยวอย่างจริงจัง
 
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เฉินเฉินก็นับถือต่อคนที่ช่วยพัฒนาความสามารถของเขามาจากก้นบึ้งของหัวใจ
 
เซี่ยวอู่โยวพยักหน้าและพูดต่อ “เฉินเฉิน ข้าไม่เคยรับลูกศิษย์หรือสอนใครมาก่อน โชคดีที่คุณสมบัติของเจ้ามันยอดเยี่ยมมากและเจ้าคงจะไม่ทำให้การสั่งสอนของข้ามันยุ่งยากอะไร นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะฝึกตนอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ เจ้าสามารถที่จะมาหาข้าได้ ถ้าเจอปัญหาอะไร ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าสามารถตามหาข้าโดยใช้เหรียญตราสื่อสารนี้ได้”
 
เมื่อเขาพูดเสร็จ เซี่ยวอู่โยวก็ได้หยิบเหรียญตราออกมาและส่งมันให้กับเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินรับมันไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้ายความประหลาดใจ
 
เซี่ยวอู่โยวไม่ได้เป็นอาจารย์ที่สอนได้ดีสักเท่าไหร่ ตามความรู้ที่เขาได้รับมาจากการดูซีรีย์ในทีวีเมื่อชาติก่อน มันจะต้องมีบททดสอบอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดอย่างก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักและสมัครตัวเป็นลูกศิษย์
 
ทำไมอาจารย์ถึงไม่ได้มีความเย่อหยิ่งสักนิดเลยเนี่ย?
 
ถ้าเขาถามคำถามออกไปได้ทุกเวลาที่เขามีข้อสงสัยแล้ว ไม่ใช่ว่าการปฏิบัติแบบนี้ภายในสำนักมันจะทำให้สำนักดูไม่มีระบบแบบแผนหรืออย่างไรกัน? มันจะทำให้ลำดับชั้นในสำนักไม่ได้แตกต่างกันออกไปสักเท่าไหร่
 
ก่อนที่เฉินเฉินจะบ่นเกี่ยวกับการเรียนการสอนเสร็จ เซี่ยวอู่โยวพูดขึ้นมาอีกคราหนึ่ง
 
“เจ้าสามารถบอกข้ามาตรงๆได้เลยว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าจะจัดการให้กับเจ้าเอง”
 
เฉินเฉินถอนหายใจเฮือกออกมา
 
‘ฉันสามารถขอทรัพยากรได้ตามที่ฉันต้องการเลยเนี่ยนะ? ฉันก็จะถูกลดค่ากลายเป็นแค่พวกตัวร้ายที่ใช้อำนาจเพื่อตัวเองเพียงคนเดียวแล้วละ!’
 
“ครับ อาจารย์ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะนำทรัพยากรที่ได้รับมอบจากท่านมาไปขายเป็นหินวิญญาณหรือยังไงกันครับ?”
 
เฉินเฉินถามอย่างสงสัย
 
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้ว เซี่ยวอู่โยวขมวดคิ้วออกมาด้วยความสงสัย “ทำไมเจ้าต้องขายพวกมันไปเพื่อแลกกับหินวิญญาณด้วยกัน? ถ้าเจ้าต้องการหินวิญญาณแล้ว เจ้าก็มาขอข้าโดยตรงเลยก็ได้นี่”
 
“…”
 
เฉินเฉินแทบจะน้ำตาไหลออกมา มีเพียงแค่ชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมอย่างเขาเท่านั้นแหละ สำหรับเขาที่ได้ใช้ชีวิตมาถึงสองชั่วชีวิตคนแล้วเท่านั้นแหละที่จะได้พบกับการฝึกตนที่ไหลลื่นแบบนี้
 
ถ้าใครก็ตามขาดพลังใจที่แรงกล้า พร้อมกับการมีอาจารย์แบบนี้แล้วละก็เขาคงจะถูกรังแกโดยทุกคนในสำนักในอีกไม่กี่ปีให้หลังเป็นอย่างแน่นอน….
 
เขาเป็นเหมือนกับพ่อมากกว่าอาจารย์อีก!
 
“อาจารย์ครับ…ข้าไปยังสถานที่แห่งอื่นได้ไหมครับ?” เฉินเฉินถามอีกครั้งหนึ่ง
 
นี่คือสิ่งที่เซี่ยวอู่โยวกังวลอยู่ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะบอกเฉินเฉินให้ขอสิ่งที่เขาต้องการออกมาตรงๆได้เลย เขาก็ไม่สามารถที่จะให้ของที่ต้องการได้ตามที่ใจต้องการ เขาต้องตระหนักถึงข้อดีและข้อเสียของสิ่งที่เฉินเฉินขอมาก่อน ถึงจะอนุมัติให้ได้ นอกจากนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวอาจจะไม่มีของบางอย่างที่เฉินเฉินต้องการเหมือนกัน
 
“ได้สิ แต่ทางที่ดีเจ้าอย่าออกไปจากภูเขาเทียนหยุน ก่อนที่เจ้าจะอยู่ในขั้นสร้างรากฐานละกัน สาขาที่ 13 ของสำนักอสูรได้เสียสมาชิกไปจำนวนมากในจี๋โจว พวกเขาจะต้องส่งคนออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันอย่างแน่นอน เจ้าจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าเจ้าออกไปจากสำนักเทียนหยุนในช่วงเวลาเช่นนี้”
 
“สำหรับข้าแล้ว การได้รับอนุญาตให้ไปเดินเล่นอยู่บนภูเขาเทียนหยุนก็มากเพียงพอแล้วครับ” เฉินเฉินอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
 
ภูเขาเทียนหยุนนั้นกว้างกว่าร้อยกิโลเมตร เมื่อเขาสำรวจครบทั่วหมดแล้ว ระดับการฝึกตนของเขาก็คงจะเทียบเคียงได้กับอาจารย์แล้วละ ทำไมเขายังต้องกังวลเกี่ยวกับสำนักอสูรอยู่อีก?
 
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฉินเฉิน รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวอู่โยวแล้วเขาก็หยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาและใส่ลงไปในมือของเฉินเฉิน
 
“ลูกศิษย์ เจ้าอย่าได้เปิดเผยแหวนที่ข้ามอบให้กับเจ้าก่อนหน้านี้บ่อยเกินไปละ นี่คือถุงผ้าสำหรับเจ้า มันมีของไว้ใช้ฝึกตนมากระดับหนึ่ง มันคงเพียงพอกับการฝึกฝนวิชาของเจ้าไปอีกสักพักหนึ่งละ มันยังมีคัมภีร์ของ ‘วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน’ ที่เขียนด้วยลายมือของข้าเองอยู่ในนั้นอีกด้วย มันเป็นคัมภีร์ลับของสำนักของพวกเรา จงจดจำไว้ว่าละว่าเจ้าจะต้องเผามันทิ้ง หลังจากที่เจ้าอ่านมันเสร็จ ข้าจะต้องออกไปร่วมพิธีการต้อนรับลูกศิษย์ใหม่แล้ว ไปเดินสำรวจตำหนักแห่งนี้ไป จงจดจำไว้ว่านี่คือที่พำนักของเจ้า”
 
หลังจากที่รับถุงผ้าที่เซี่ยวอู่โยวมอบมาให้กับเขาแล้ว เฉินเฉินมองตรงไปยังที่ที่เซี่ยวอู่โยวชี้ไปและเขาก็เห็นสวนที่กว้างกว่าร้อยเมตร อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรจำตำหนักหลัก
 
สนามหญ้าแห่งนี้ต่างปกคลุมไปด้วยพลังปราณ ซึ่งมันดูมีพลังปราณมากมายอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว มันเหมือนกับพลังพิเศษที่ได้เก็บกักพลังปราณเหล่านี้ไว้อยู่ตลอดเวลา
 
“มันเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!” เฉินเฉินประทับใจมาก
 
‘นี่มันเหมือนกับการได้รับปฏิบัติแบบแขกระดับวีไอพีเลยละ!’
 
เขาก้มมองลงไปในกระเป๋าเก็บของ เขาพึ่งจะตระหนักได้ว่านอกจากคัมภีร์วิชาลับแล้ว มันมีหินวิญญาณอีกประมาณร้อยก้อน น้ำอมฤตเจ็ดถึงแปดขวด เกราะเบาที่ดูสวยงามรวมทั้งเหรียญตราที่มีเหรียญตราสีขาวซึ่งมันถูกสลักไว้โดยเมฆหมอกที่แสดงให้ถึงความโชคดี
 
“ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์!”
 
เมื่อเฉินเฉินมองเห็นของในกระเป๋า เขาก็มีความรู้สึกที่อยากจะล้มตัวลงไปคุกเข่าลงไปจุดนี้เลย ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกเหมือนกับได้รับความรักมาจากครอบครัว ซึ่งเขารับได้รับมันมาจากอาจารย์ของเขา!
 
“ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก ของเหล่านี้มันไม่ได้มีค่าอะไรกับข้าเลยสักนิด เอาละ ข้าจะไปเข้าร่วมงานต้อนรับลูกศิษย์ใหม่แล้วนะ”
 
หลังจากที่เซี่ยวอู่โยวพูดเสร็จ เขาก็บินขึ้นกลางอากาศและมุ่งหน้าตรงไปยังยอดภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
 
“เจ้าเด็กเวร! เจ้าเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าสำนักเทียนหยุนหรือไง?!”
 
ในเวลานี้เอง หูเซียงเอ๋อก็มีความกล้าที่จะพุดขึ้นมาแล้ว แต่น้ำเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา
 
เฉินเฉินไม่ได้สนใจที่จะตอบมัน เขากลับหยิบ ‘วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน’ ออกมาจากกระเป๋าเก็บของ เขาพลิกหน้าคัมภีร์อ่านอย่างสบายๆ
 
‘ข้าอ่านตัวอักษรออกก็จริง แต่ข้าไม่เข้าใจความหมายของมันเลย เมื่อพวกมันรวมเข้าด้วยกัน!’
 
หลังจากที่เก็บคัมภีร์ลับลงไปในกระเป๋า เฉินเฉินหยิบเกราะเบาออกมาอีกครั้งหนึ่ง เขาสัมผัสได้ว่ามันยอดเยี่ยมมาก แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตรงไหนมันยอดเยี่ยม
 
เมื่อมันเป็นเกราะอ่อน หน้าที่หลักของมันก็เป็นของที่ไว้ใช้ปกป้องชีวิตของเขา ด้วยเหตุนี้นี่เองเฉินเฉินจึงไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่ ก่อนที่จะใส่มันลงไป
 
“เวรเอ้ย! เกราะอ่อนนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยหนังของอสูรพันปี! ทำไมเขาถึงได้มอบของล้ำค่าแบบนี้ให้กับเจ้ากันเนี่ย!?” หูเซียงเอ๋อกระโดดขึ้นลงอย่างอิจฉา เธอกระทืบขาของเธอลงไปบนแขนของเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินหัวเราะและหยิบเหรียญตราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
 
เขาเห็นตัวอักษรที่สลักไว้บนเหรียญตรา
 
‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเทียนหยุน’
 
มันมีตัวอักษรที่สลักไว้ด้านหลังด้วยเช่นกัน
 
“เจ้าสำนักรุ่นต่อไป”
 

 
เมื่อมองไปที่เหรียญตราเหรียญนี้ เฉินเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายผสมผสานเข้าด้วยกัน เขายืนตัวแข็งทื่อทันที

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset