ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 51: นี่คือประเทศของข้า

“รางวัลเป็นการตรวจสอบโอกาส 1 ครั้งภายในภูเขาเทียนหยุนงั้นเหรอ….”
 
หัวใจของเฉินเฉินเต้นระรัว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะใช้โอกาสที่ล้ำค่าเช่นนี้อย่างสิ้นเปลือง เขาจะต้องวางแผนดีๆก่อนที่จะใช้มัน
 
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้มันไม่มีสิ่งใดที่เขาจำเป็นต้องการเนี่ยสิ
 
….
 
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยวอู่โยวได้มาถึงตำหนักของเจ้าสำนัก ซึ่งเป็นสถานที่ของผู้อาวุโสต่างรวมตัวกัน
 
มันเป็นวันที่ลูกศิษย์คนใหม่ได้เข้าร่วมกับสำนัก นอกจากนี้แล้ว เซี่ยวอู่โยวได้เลือกผู้สืบทอดของเขาแล้ว ตั้งแต่ที่มันเป็นวันที่สำคัญเช่นนี้แล้ว ผู้อาวุโสจึงต้องรวมตัวกันเพื่อพูดคุยปรึกษากันอย่างแน่นอน
 
“เจ้าสำนักครับ หลังจากที่ออกไปสืบค้นเบื้องหลังของเฉินเฉิน เขานั้นได้เกิดในหมู่บ้านหินจริงๆ และเขายังเป็นคนของจี๋โจวด้วย มันจึงไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นครับ”
 
หนึ่งในผู้อาวุโสรายงานออกมา
 
เซี่ยวอู่โยวพยักหน้า เขาไม่ได้ประหลาดใจกับข่าวนี้
 
“เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไปแพร่กระจายข่าวว่าเฉินเฉินได้รับการแต่งตั้งเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเทียนหยุนซะ ให้พวกสำนักอู๋ซิ่นรับรู้ด้วย”
 
ผู้อาวุโสพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา
 
สำนักอู๋ซิ่นเป็นผู้ปกป้องของรัฐจิน ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดท่ามกลาง 36 สำนัก พวกเขายังคงเป็นกองกำลังในการสู้กับสำนักอสูรของรัฐโจวอีกด้วย
 
สำนัก 35 สำนักที่เหลือของรัฐจินต่างเป็นพันธมิตรกับสำนักอู๋ซิ่นกันทั้งหมด ด้วยเหตุนี้นี่เอง สำนักเทียนหยุนจำเป็นที่จะต้องแจ้งสำนักอู๋ซิ่น เพื่อที่จะได้รับคำอนุญาตว่าพวกเขาได้พบผู้สืบทอดแล้ว
 
“เจ้าสำนักครับ มันไม่ได้ตลกมากเกินไปหรืออย่างไรกับการที่จะทำให้เฉินเฉินกลายเป็นผู้สืบทอดหรือยังไงครับ เขาพึ่งจะเข้าร่วมกับสำนักมาเนี่ยนะครับ?”
 
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านล่างฝั่งซ้ายที่หัวและเคราหงอกตั้งคำถามออกมา
 
เขาเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุน ผู้ซึ่งมีสถานะเป็นอันดับสอง เขามีอำนาจเป็นรองเพียงแค่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น
 
เพียงเวลาไม่นานที่เขาพูดเสร็จ ผู้อาวุโสซิงฟาที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวหน้าผู้อาวุโสพูดแทรกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
 
“ใช่ครับ ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์ในมากมายต่างฝึกฝนกันอย่างยากลำบาก เพื่อที่จะได้ขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ แต่เฉินเฉินได้รับสืบทอดชื่อผู้สืบทอดตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้ามาสำนักเลยเนี่ยนะครับ! มันจะเกิดความขัดแย้งกันภายในอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนครับ”
 
เซี่ยวอู่โยวเหลือบตามองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่มีหลานชายและหลานสาวกันทั้งคู่ หลานชายทั้งสองคนของพวกเขาต่างมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ท่ามกลางหมู่ศิษย์ภายในแล้ว พวกเขาต่างมีลำดับอยู่ที่หนึ่งและสอง
 
พวกเขาต่างตั้งคำถามนี้ขึ้นมา มันเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะสร้างโอกาสให้กับหลานของพวกเขา
 
ถ้าเฉินเฉินมีร่างกายวิญญาณสายฟ้าตั้งแต่กำเนิดจริง เขาก็คงจะมอบให้เหล่าศิษย์ทั้งสองนั่นมีโอกาสอยู่
 
แต่โชคร้ายที่ลูกศิษย์ของเขาไม่ได้มีร่างกายเช่นนั้นเนี่ยสิ
 
แน่นอนว่าในหมู่ผู้อาวุโสที่อยู่กันตรงนี้ มีเพียงเว่ยฉานเฮอเท่านั้นที่รับรู้ความจริง
 
ในความเป็นจริงแล้ว ทั่วทั้งสำนัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้มัน
 
พวกเขารู้ดีว่าเฉินเฉินนั้นมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าความยอดเยี่ยมของเฉินเฉินนั้นมากถึงเพียงใด
 
“ท่านเจ้าสำนักครับ ทำไมพวกเราถึงไม่ตั้งบททดสอบย่อยให้กับเฉินเฉินกันละครับ เพื่อที่จะทำให้เขาได้กลายเป็นผู้สืบทอดได้หลังจากที่เขาสอบผ่านกันละครับ? เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เหล่าลูกศิษย์คงจะรู้สึกดีกว่าและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยุติธรรมสำหรับพวกเขา”
 
เมื่อเห็นเจ้าสำนักเงียบ ผู้อาวุโสซิงฟาพูดขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง
 
“บททดสอบ?” เมื่อเซี่ยวอู่โยวได้ยินมัน เขาอดที่จะนึกถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำได้ คิ้วขมวดคิ้วแน่น
 
“ใช่ครับ พวกเราจะมอบคำถามให้เขาตอบ 81 คำถาม” ผู้อาวุโสซิงฟาพูดออกมาอย่างปกติธรรมดาทั่วไป
 
“มันไม่จำเป็น”
 
เซี่ยวอู่โยวปฏิเสธความคิดนี้ทันที
 
เมื่อเฉินเฉินเริ่มบ่มเพาะลมปราณ กระแสการไหลเวียนของพลังปราณมันก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงอนุญาตให้เฉินเฉินฝึกตนบนยอดเขาแห่งนั้น
 
ถ้าเฉินเฉินจะต้องไปเผชิญหน้ากับบททดสอบไร้สาระเช่นนั้นแล้ว ความจริงที่เขามีร่างกายวิญญาณต้นกำเนิดก็จะถูกรับรู้โดยทุกคน
 
นอกจากนี้แล้วเขายังได้มอบ ‘วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุน’ ให้กับเฉินเฉินไปแล้ว มันจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่เขาต้องคืนคำพูด
 
แม้ว่าเซี่ยวอู่โยวจะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม หัวหน้าผู้อาวุโสยังคงเถียงต่อ “เฉินเฉินได้เกิดมาในชนบทและเขาไม่น่าจะได้รับการเรียนการสอนด้านมารยาทมาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วก็ตาม สถานะการฝึกตนตอนนี้ของเขาก็ยังต่ำอยู่ดี เขาจะเป็นตัวแทนของสำนักเทียนหยุนของพวกเราในอนาคตได้ยังไงกันครับ?”
 
“ไม่ต้องพูดถึงอนาคตอันไกลเลยครับ มาพูดถึงเกี่ยวกับสำนัก 36 สำนักที่พึ่งจะเลือกผู้ปกครองเมื่อสองเดือนก่อน….. มันเป็นเรื่องที่ปกติดีครับที่สำนักเทียนหยุนจะไม่มีผู้สืบทอด แต่เมื่อพวกเรามีผู้สืบทอดเมื่อไหร่ พวกเราก็จะต้องส่งเขาไปยังเมืองหลวง”
 
“ยังไงก็ตาม เขายังเป็นแค่คนบ้านนอกที่มาจากชนบท ซึ่งไม่เคยได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ใหญ่โตเช่นนั้นมาก่อน เขาจะต้องทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโง่เขลาและทำให้สำนักเทียนหยุนของพวกเราอับอายต่อหน้า 36 สำนักและราชาองค์ใหม่อย่างแน่นอนครับ”
 
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าขอเสนอว่าพวกเราควรที่จะรอก่อนสองเดือน จนกระทั่ง ราชาองค์ใหม่ได้ถูกแต่งตั้งและพิธีขึ้นครองราชย์จบลงก่อนที่พวกเราจะตั้งเขาเป็นผู้สืบทอด อย่างน้อยพวกเราก็จะทำให้เขาได้มีประสบการณ์กับงานที่ใหญ่โตเช่นนั้นก่อน เขาจึงจะได้เรียนมารยาทไปบ้าง”
 
กลุ่มผู้อาวุโสอดที่จะจินตนาการถึงตอนที่เฉินเฉินไปสร้างความอับอายไม่ได้ พวกเขาต่างรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
 
พวกเขาต่างจินตนาการว่าเฉินเฉินกำลังทำตัวหวาดกลัวอยู่ภายในพระราชวังทองคำและมองไปมารอบๆ ราวกับเป็นพวกบ้านนอกที่ไม่ได้พบเจอต่อโลกภายนอก
 
ยิ่งพวกเขาคิด พวกเขายิ่งขมวดคิ้วกันมากขึ้นไปอีก
 
‘มันน่าอายจริง…. มันโคตรน่าอับอายเลย!’
 
“พอได้แล้ว ข้าได้ตัดสินใจไว้แล้ว เรื่องนี้จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีก เมื่อข้าเป็นเจ้าสำนักเทียนหยุนแห่งนี้ ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกลูกศิษย์ของข้าเองได้เลยหรือยังไง?”
 
เซี่ยวอู่โยวขมวดคิ้ว เขาปลดปล่อยออร่าที่ทรงอำนาจที่มองไม่เห็นออกมา
 
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว ผู้อาวุโสคนอื่นก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมากันสักคำ
 
เจ้าสำนักเทียนหยุนอาจจะเป็นคนที่ซื่อตรง เมื่อเขาพูดคุยกับคนอื่น แต่ในด้านพละกำลังแล้ว เขาอยู่เหนือกว่าเจ้าสำนักคนอื่นของทั้ง 35 สำนัก มันไม่มีใครที่สามารถจะยั่วยุเขาได้เลย
 
….
 
ในวันต่อมา ข่าวเกี่ยวกับเฉินเฉินที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาเทียนหยุน
 
ลูกศิษย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศิษย์นอกหรือศิษย์ใน พวกเขาต่างรับรู้ว่ามีผู้สืบทอดของสำนักที่อยู่เหนือพวกเขาแล้ว
 
ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ตายตั้งแต่เยาว์วัย เขาจะกลายเป็นเจ้าสำนักเทียนหยุนในอนาคตอย่างแน่นอน
 
มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมีความสุขและมีคนทุกข์กับข่าวที่เกิดขึ้น
 
ศิษย์ภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุดต่างไม่พอใจ พวกเขาต่างถูกแบ่งกันออกเป็นสองค่าย ค่ายแรกคือคนที่สนับสนุนศิษย์พี่ใหญ่ที่สุดและอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายที่สนับสนุนศิษย์พี่สาวรอง”
 
ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันอย่างลับๆมาเป็นเวลาหลายปี ตราบเท่าที่หนึ่งในคนที่พวกเขากลายเป็นผู้สืบทอด พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์
 
แต่กลับกลายเป็นว่าผู้สืบทอดที่พวกเขาไม่รู้จักกลับปรากฏตัวขึ้นและทำลายแผนการของพวกเขาทิ้งไป
 
สำหรับเหล่าศิษย์ภายนอกแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ต่างสงสัยว่าผู้สืบทอดเป็นคนยังไงและเขาทำอย่างไรถึงได้รับความชื่นชอบจากเจ้าสำนักและก้าวข้ามศิษย์ภายในทั้งสองคนไปได้
 
ยังไงก็ตาม ยิ่งพวกเขาสงสัยมากเพียงใด เฉินเฉินยิ่งไม่ปรากฏตัวมากขึ้นเท่านั้น
 
หลายวันผ่านไป มันไม่มีใครที่ได้พบเห็นผู้สืบทอดคนใหม่กันเลยสักคน
 

 
เมื่อความสงสัยของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นจนทนไม่ไหว เฉินเฉินที่อยู่บนยอดเขาก็เลิกฝึกตน
 
หินวิญญาณนับพันก้อนที่อยู่ด้านหน้าเขาได้กลายเป็นเศษผงไปแล้ว
 
ในเวลาเดียวกัน สถานการณ์ฝึกตนของเขาก็ได้เลื่อนระดับมาเป็นขั้นที่ 6 ของการฝึกพลังปราณแล้ว ซึ่งมันเลื่อนระดับมาจากขั้น 4
 
เมื่อใครก็ตามเลื่อนระดับไป ถึงขั้นหกหรือเจ็ดของขั้นฝึกพลังปราณ พวกเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพลังปราณที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มันก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน เฉินเฉินก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร สุดท้ายแล้ว กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว
 
หลังจากที่กวาดผงหินวิญญาณเสร็จ เฉินเฉินก็นอนพักผ่อนและเดินเข้ามาในสนามหญ้าของยอดเขา
 
เมื่อยืนอยู่ด้านบนยอดเขาและมองภูเขามากมายนับไม่ถ้วนที่ล้อมรอบเขาแล้ว เฉินเฉินอดที่จะนึกถึงคำพูดของใครสักคนออกมาไม่ได้
 
“นี่คือประเทศของข้า!”
 
หลังจากเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ เฉินเฉินก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม ตั้งแต่ที่เขามายังสำนักเทียนหยุน เขาเอาแต่อยู่บนยอดเขา เขามีความคิดที่เขาจะไปยังยอดเขาแห่งอื่นบ้างแล้ว
 
นอกจากนี้แล้วเขายังสงสัยว่าจางจีกำลังทำอะไรอยู่
 
ถึงแม้ว่าเฉินเฉินจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งแล้ว เขาก็ไม่ลืมตัวตนของเขาและยังคงดูแลลูกน้องของเขาอยู่ดี
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะก้มมองลงไปที่ใต้ภูเขา
 
ในวันนี้ ผู้สืบทอดคนใหม่ที่ศิษย์ในสำนักที่ต่างสงสัยมาเป็นเวลาหลายวัน กำลังจะลงมาจากยอดเขาแล้ว

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset