ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 57: สั่งให้มาสร้างปัญหา

“นี่เจ้ายังไม่เข้ามาช่วยข้าอีกหรอ?”
 
หวังเฟิงมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันทีเมื่อเขาเห็นความเสียใจบนหน้าของจ้าวเสี่ยวหยา และยื่นมือออกมาอย่างเย้ยหยัน
 
อย่างไรก็ตาม จ้าวเสี่ยวหยาอารมณ์ไม่ดีจริงๆ หลังจากที่เห็นหน้าของหวังเฟิง เธอก็ถูกครอบงำด้วยความโกรธแล้วส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาในขณะที่หันหลังเดินหนีไป และหายไปจากสายตาของหวังเฟิงในเวลาไม่นาน
 
เมื่อเห็นภาพนี้ความปั่นป่วนก็แสดงออกมาทางสีหน้าของหวังเฟิง เขาออกไปจากสำนักเทียนหยุนมาได้พักนึงและคนของสำนักเทียนหยุนก็เริ่มแสดงความเคารพกับเขาน้อยลง
 
‘ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะลืมความยิ่งใหญ่ของข้าไปแล้วสินะ!’
 
ในตอนที่หวังเฟิงเริ่มใช้สมองคิดหาวิธีก่อเรื่องวุ่นวาย เหรียญสื่อสารในแขนของเขาก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขารู้สึกได้ถึงมันแล้วหยิบออกมาในทันที ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นออร่าแผ่ออกมาจากเหรียญและก่อตัวขึ้นเป็นตัวอักษร
 
“จงไปตรวจสอบว่าที่ผู้สืบทอดคนใหม่ของสำนักเทียนหยุน เฉินเฉิน”
 
พอเห็นประโยคนี้ ดวงตาของหวังเฟิงก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ เขาไปอยู่ในโลกมนุษย์มาพักนึงดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าสำนักเทียนหยุนมีผู้สืบทอดแล้ว!
 

 
ในอีกด้านนึง หลังจากที่จ้าวเสี่ยวหยาออกไปจากสวนของยอดเขาหลัก เสียงของเซี่ยวอู่โยวก็ดังก้องเข้ามาในหูของเฉินเฉิน
 
“ศิษย์เอ๋ย มาที่ตำหนักหลักซะ”
 
พอได้ยินเช่นนี้ เฉินเฉินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบไปที่ตำหนักหลักของเจ้าสำนัก
 
“ท่านอาจารย์ มีเหตุอะไรถึงเรียกข้ามาหรอครับ? ท่านอยากมอบหินวิญญาณให้ข้าขนาดนั้นเลยหรอ?”
 
ในขณะที่มองเซี่ยวอู่โยวที่กำลังยืนอยู่ เฉินเฉินก็พูดติดตลก
 
ซึ่งเขาก็ต้องประหลาดใจ เซี่ยวอู่โยวโยนกระเป๋าเก็บของมาให้เขาโดยไม่พูดอะไร หลังจากได้รับมันมาแล้ว เฉินเฉินก็เริ่มตรวจสอบมันแล้วตระหนักได้ว่ามีหินวิญญาณ 1,000 ก้อนอยู่ข้างในจริงๆ
 
“ข้ารับไม่ได้หรอกครับ….” เฉินเฉินพูดด้วยความเกรงใจ
 
เซี่ยวอู่โยวสะบัดมือเพราะเขาไม่อยากจะสนใจคำพูดของเขา ‘เจ้าเด็กนี่พูดเหมือนเกรงใจแต่กลับแบกกระเป๋าเอาไว้ที่แขนของเขาแล้ว’
 
“พอเถอะ เจ้าไม่ต้องสุภาพกับข้าก็ได้ ช่วงนี้เจ้าจงอยู่ในสวนของยอดเขาหลักเพื่อทำการฝึกตนซะ เจ้าอย่าออกไปที่ไหนเลยจะดีที่สุด”
 
“ได้ครับ” เฉินเฉินตอบ
 
“เจ้าจะไม่ถามหรอว่าทำไม?”
 
“ท่านอาจารย์ต้องมีเหตุผลของท่านอยู่แล้วครับ”
 
เมื่อได้ฟังคำตอบของเฉินเฉิน เซี่ยวอู่โยวก็ยิ้มอย่างพอใจแล้วคิดในใจ ‘เจ้าศิษย์คนนี้มีวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าข้าอีกหล่ะมั้ง’
 
“จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่สำนักอู๋ซินได้ทิ้งสายลับเอาไว้ในสำนักเทียนหยุน จากการคาดเดาของข้า เขาคงจะทำการสืบค้นคุณสมบัติและต้นกำเนิดของเจ้า เจ้าไม่ไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า สนใจแต่การฝึกตนตามที่ข้าบอกเถอะ”
 
เมื่อได้ฟังคำพูดของเซี่ยวอู่โยว เฉินเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
 
พวกเขาเป็นหนึ่งใน 36 สำนักของรัฐจินกันทั้งคู่ แต่อู๋ซินกลับส่งสายลับเข้ามาในสำนักเทียนหยุน ดูเหมือนว่าความขัดแย้งระหว่างสำนักในรัฐจินจะหนักข้อกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้เยอะเลยสินะ
 
“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ ตอนนี้ข้าสามารถควบคุมการดูดซับและการปลดปล่อยพลังปราณได้อย่างสบายแล้ว แม้กระทั่งผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานก็อาจจะไม่สามารถบอกระดับพลังของข้าได้ ถ้าข้าแค่อยู่ห่างจากเขา เขาก็จะยอมถอดใจไปเองใช่ไหมครับ?”
 
เซี่ยวอู่โยวส่ายหัวหลังจากได้ฟังคำถามของเฉินเฉินแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เขาเป็นพวกไม่เอาไหนและดีแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ เขาไม่สามารถอยู่ในสำนักเทียนหยุนได้นานนักหรอก อีกไม่นานเขาก็จะกลับไปที่โลกมนุษย์อีกครั้ง”
 
แม้ว่าเซี่ยวอู่โยวจะพูดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเฉินเฉินยังคงจริงจังยิ่งขึ้นอีก
 
‘อาจารย์กำลังสื่อว่าถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าสำนัก เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ยกเว้นแต่รอให้เขาออกไปเองหรอ?’
 
‘สำนักอู๋ซินแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ? พวกเขาส่งไอ้ขี้แพ้มาที่นี่แต่เจ้าสำนักก็ยังไม่กล้าแตะต้องเขาเลยเนี่ยนะ?’
 
ด้วยการมองเพียงปาดเดียว เซี่ยวอู่โยวก็เข้าใจความคิดของเฉินเฉินในทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะคิกคักแล้วพูด “ถ้าเจ้าทำอะไรที่เป็นอันตรายกับเขาจริงๆ สำนักอู๋ซินจะไม่ต่อสู้กับสำนักเทียนหยุนในทันทีหรอก แต่ในตอนที่เวลามาถึงและพวกเราต้องสู้กับสำนักมาร ความสูญเสียทางฝั่งเราจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้พวกเรายังต้องส่งทรัพยากรให้มากกว่าปกติด้วย ก็แค่เพราะมันไม่คุ้มที่จะต้องทำอะไรถึงขนาดนั้นโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
 
“เข้าใจแล้วครับ” เฉินเฉินตอบอย่างจริงจัง
 
อย่างไรก็ตาม เขาได้ขึ้นบัญชีสำนักอู๋ซินเอาไว้ในใจแล้ว
 
มันคือสำนักที่เอาเปรียบสำนักของเขา เขาสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้สำหรับทุกอย่างที่พวกเขาทำไปในไม่ช้าก็เร็ว!
 

 
ที่ตีนเขาของยอดเขาหลัก หวังเฟิงได้เดินทางมาถึงภูเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินเข้าไป เขาก็ถูกชายแก่คนนึงที่กำลังกวาดพื้นอยู่ตีนเขาขวางเอาไว้
 
“ตาแก่ ข้าอยากจะขึ้นเขาไปพบผู้สืบทอดของเจ้า หลีกทางไปซะ”
 
หวังเฟิงมองคนที่เข้ามาขวางทางเขาแล้วสบถในทันที
 
“ผู้สืบทอดอยู่ในระหว่างการเก็บตัวฝึกฝนอยู่ครับ เขาจะไม่ออกมาเจอใคร” ชายแก่พูดอย่างใจเย็นด้วยดวงตาที่หลับอยู่
 
“ไร้สาระ อยู่แค่ขั้นฝึกพลังปราณเก็บตัวไปจะได้อะไร? หรือเจ้าคิดว่าข้าซึ่งเป็นศิษย์แลกเปลี่ยนจากสำนักอู๋ซินไม่มีค่าพอให้ไปเจอผู้สืบทอดของเจ้า?”
 
ใบหน้าของหวังเฟิงเดือนดาลด้วยความโกรธ เขามาที่นี่เพื่อทำเรื่องสำคัญและไม่ได้เตรียมใจมาเจอสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม การไม่ยอมทำตามและให้ความร่วมมือของสำนักเทียนหยุนนั้นทำให้เขาคิดว่าพวกเขาหยิ่งยโสขึ้นกว่าเมื่อก่อน
 
ชายแก่ยังคงนิ่งอยู่ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย
 
ซึ่งนี่ทำให้ใบหน้าของหวังเฟิงขุ่นมัวและเต็มไปด้วยความโกรธในทันที เขารู้ระดับการฝึกตนของชายแก่คนนี้ดีและรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้กำลังฝ่าเข้าไป
 
“เจ้าจะไม่ให้ข้าได้ไปเจอผู้สืบทอดจริงๆหรอ?”
 
“ท่านผู้สืบทอดอยู่ในระหว่างการเก็บตัวและจะไม่ออกมาในเร็วๆนี้ครับ”
 
“ถ้างั้นก็ได้ เอาหินวิญญาณมาให้ข้า 100 ก้อนสิแล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หวังเฟิงแบมือออกมาต่อหน้าชายแก่
 
ครู่ต่อมา หินวิญญาณมากมายก็ถูกนำมาวางในมือของเขา
 
หลังจากได้รับหินวิญญาณแล้ว หวังเฟิงก็หันหลังกลับแล้วจากไปโดยไม่พูดอะไร มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารับสินบนใคร และชายแก่ก็ได้ทำความเข้าใจบางอย่างกับเขาไปโดยปริยาย
 
เขาไม่ได้ภัคดีต่อสำนักอู๋ซินขนาดนั้นและเป้าหมายหลักของเขาก็คือการหาประโยชน์ให้ตัวเอง
 
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เดิน เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
 
วันนี้ชายแก่ว่าง่ายเกินไป ในอดีตนั้น เขามักจะมีท่าทีลังเลก่อน
 
‘หรือว่าจะมีเรื่องเหม็นคาวบางอย่างเกี่ยวกับผู้สืบทอดคนนี้จริงๆ?’
 
หลังจากที่คิดถึงมัน หวังเฟิงก็จมอยู่ในความคิด และในที่สุดก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
 
อันที่จริง เขากลัวว่าสำนักเทียนหยุนจะทำตัวดีเกินไปเพราะนั่นจะทำให้เขาไม่มีอะไรทำ
 
ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง เขาก็จะสามารถหาผลประโยชน์เพิ่มเติมจากมันได้
 
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับมัน หวังเฟิงก็อดนึกถึงร่างกายที่งดงามของจ้าวเสี่ยวหยาไม่ได้ เมื่อเทียบกับผู้หญิงในโลกมนุษย์ เซียนหญิงอย่างจ้าวเสี่ยวหยานั้นมีเสน่ห์กว่ามาก
 
“นังสารเลว! ถึงจะไม่มีหลักฐานเล่นงานสำนักเทียนหยุนข้าก็ไม่สนหรอก แต่ตอนนี้ข้าหมายตาเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังกล้าแสดงท่าทีเย่อหยิ่งแบบนั้นกับข้า! หึ! คอยดูให้ดีเถอะว่าข้าจะจัดการกับเจ้ายังไง!”
 
หลังจากที่สบถออกมา หวังเฟิงก็เริ่มเดินตรงไปทางยอดเขาดาบสวรรค์ของสำนักภายใน
 
เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปที่ยอดเขาหลัก แต่ถ้าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปที่ยอดเขาดาบสวรรค์ด้วย มันก็คงจะเกินไปแล้ว
 
โดยที่ถูกครอบงำด้วยความโกรธ หวังเฟิงก็เร่งฝีเท้าของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เจอกับศิษย์หญิงกลุ่มนึง พวกเธอทุกคนนั้นมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์สำหรับเขา
 
“นักพวกศิษย์ใหม่ของปีนี้หรอ? น่าเสียดายที่มีแต่พวกขี้เหร่”
 
หวังเฟิงขมวดคิ้วในขณะที่เขาเดินผ่านศิษย์หญิงกลุ่มนี้
 
ถึงแม้ว่าเขาจะหื่นกาม แต่เขาก็ยังเลือกผู้หญิง
 
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เปลี่ยนใจแล้วตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่ยอดเขาเทียนฉินซึ่งเป็นที่อยู่ของศิษย์ภายนอกแทน
 
เมื่อเทียบกับศิษย์ภายใน ศิษย์ภายนอกนั้นรังแกได้ง่ายกว่ามาก โดยเฉพาะพวกที่พึ่งเข้ามาใหม่
 
ด้วยความคิดที่ว่าอาจจะมีสาวหน้าตาน่ารักอยู่ในกลุ่มศิษย์ใหม่ เขาจึงตัดสินใจว่าจะต้องไปดูให้ได้
 
ความคิดนี้ทำให้เขายิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะมาสำนักเทียนหยุนนั้น เขาได้ถูกสั่งมาว่าให้ก่อปัญหาได้ตามใจชอบเลย เพื่อทำลายความสงบเรียบร้อยของสำนักเทียนหยุนและขัดขวางการพัฒนาของพวกเขา
 
ดังนั้น ถ้าให้สรุปง่ายๆ เขานั้นถูกสั่งให้มาสร้างปัญหา!

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset