ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 60: หัวหน้า เรามาคุยเรื่องนี้กันเองดีกว่า!

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฝูงชนก็มองไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว และในตอนนั้นเองก็ได้เห็นคนผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีขาวกำลังลอยอยู่ที่ทางเข้าจัตุรัสด้วยท่าทีที่อ่อนโยนจนน่าเหลือเชื่อ”
 
“นั่นมันท่านผู้สืบทอดนี่….” ศิษย์ภายนอกบางส่วนกระซิบคุยกันเบาๆ
 
มู่หลงหยุนหลานรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้เจอผู้ช่วยชีวิต ในตอนนี้ เธอรู้สึกตื้นตันมากๆที่มีคนยอมพูดขึ้นมาเพื่อเธอ
 
แม้กระทั่งท่าทีของศิษย์ภายในก็ยังดูซับซ้อน
 
“เฉินเฉิน? เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน?” หวังเฟิงตะโกนในขณะที่ชี้ไปทางเฉินเฉิน เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากในตอนที่เขาเห็นคนทำตัวเหมือนฮีโร่ต่อหน้าเขา
 
โดยไม่พูดอะไร เฉินเฉินก็เข้าไปหามู่หลงหยุนหลาน
 
“ศิษย์น้อง ถอยไปเถอะ”
 
พอมู่หลงหยุนหลานได้ยินแบบนี้เธอก็รีบเช็ดน้ำตาก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณค่ะ ศิษย์พี่เฉินเฉิน แต่ว่าคนๆนี้…”
 
“จะเป็นใครนั้นไม่สำคัญหรอก ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” เฉินเฉินตอบอย่างเยือกเย็น
 
เมื่อเห็นความสงบนิ่งของเฉินเฉิน มู่หลงหยุนหลานก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วเธอก็รีบกลับเข้าไปอยู่ในฝูงชน
 
จากนั้นเธอก็จ้องมองแผ่นหลังของเฉินเฉินด้วยความเคารพ
 
“เจ้าเป็นใครกันวะ?” หวังเฟิงถามด้วยความรำคาญ แล้วส่ายเหรียญสื่อสารในมือไปมา
 
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็เดินเข้าไปที่กลางจัตุรัสอย่างเงียบๆแล้วยืนเผชิญหน้ากับหวังเฟิง
 
“ข้าคือผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน และศิษย์พี่ใหญ่ของทุกคนที่อยู่ในที่นี้”
 
เมื่อได้ฟังดังนี้ หวังเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าผู้สืบทอดที่สำนักอู๋ซินต้องการให้เขาสืบสวนนั้นมีชื่อว่าเฉินเฉิน
 
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน เขาก็ชี้ไปที่เฉินเฉินแล้วตะโกนอย่างไม่พอใจ “เจ้านี่เองที่เป็นผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน ดีเลย ข้ากำลังกังวลอยู่ว่าจะไม่สามารถเข้าหาเจ้าได้ แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าจะกล้าโผล่มาหาข้าด้วยตัวเอง!”
 
“ต้องการอะไรจากข้าหล่ะ?” เฉินเฉินถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
“บอกคุณสมบัติและต้นกำเนิดของเจ้ามาข้าจะได้เอาไปรายงานกับสำนักอู๋ซิน” หวังเฟิงพูดออกมาตรงๆด้วยสีหน้าที่ดูเย่อหยิ่ง
 
เนื่องจากสำนักอู๋ซินคอยหนุนหลังเขาอยู่จึงไม่มีอะไรต้องกลัว เว้นเสียแต่ว่าสำนักเทียนหยุนจะแกว่งเท้าหาความตาย
 
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก” เฉินเฉินตอบตรงๆเช่นเดียวกับหวังเฟิง ทำให้หวังเฟิงถึงกับอ้าปากค้างแล้วจ้องเขาด้วยดวงตาที่แทบถลนออกมา
 
“เจ้า เจ้า!” หวังเฟิงชี้ไปที่เฉินเฉินแล้วพูดไม่ออกไปพักนึง อย่างไรก็ตาม เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าคุณสมบัติของเฉินเฉินนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาอาจจะสามารถคุกคามสำนักอู๋ซินได้ด้วยซ้ำ
 
ไม่อย่างนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรให้ปกปิดด้วยหล่ะ?
 
เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น หัวใจของหวังเฟิงก็ถูกครอบงำด้วยความโกรธ
 
‘ไอ้เวร ข้าเหนือกว่าเจ้าแต่เจ้ายังมีความกล้าที่จะมาทำตัวเย่อหยิ่งขนาดนี้เลยหรอ? ใครให้สิทธินั้นกับเจ้ากัน?’
 
‘เจ้าไม่กลัวว่าตัวเองจะนำความย่อยยับมาสู่สำนักเทียนหยุนรึยังไง?’
 
‘เจ้าเด็กนี่โง่สินะ?’
 
หวังเฟิงอดกลั้นความโกรธในใจของเขาแล้วพูดต่อ “ถ้าเจ้าไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นอะไร แค่มาสู้กับข้าแล้วจ่ายหินวิญญาณมาหนึ่งหมื่นก้อนซะ”
 
เฉินเฉินไม่ได้ตอบ แต่ทำท่าทีเชื้อเชิญแทน
 
ด้วยความคิดว่าเฉินเฉินยอมจำนนแล้ว หวังเฟิงก็หัวเราะอย่างเย็นชา เขาคิดถึงความสะใจที่จะได้รับจากการอัดผู้สืบทอดต่อหน้าศิษย์ภายในและภายนอก
 
นับจากนี้ไปก็จะไม่มีใครในสำนักเทียนหยุนกล้ามองข้ามเขา
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เผยรอยยิ้มบูดเบี้ยวของเขาแล้วตะโกนออกมา “ถ้าแตะต้องข้า! จ่ายหินวิญญาณมา 5,000 ก้อน!”
 
เพี๊ยะ!
 
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกตบเข้าที่หน้าอย่างรุนแรงจนตัวปลิว ซึ่งนี่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึง
 
ศิษย์สำนักภายในและภายนอกที่อยู่ในที่นี้ก็ตกตะลึงเหมือนกัน พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้สืบทอดจะกล้าตีหวังเฟิงจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้สืบทอดสามารถเอาชนะหวังเฟิงได้จริง ๆ
 
‘เขาพึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักได้กี่วันกัน?’
 
หวังเฟิงที่ถูกตบเรียกสติกลับมาแล้วเอามือปิดหน้าในขณะที่มองเฉินเฉินด้วยความไม่เชื่ออย่างเต็มที่ เขาตะโกนอย่างโกรธเคือง “เฉินเฉิน เจ้าไม่รู้หรอว่าพวกเจ้าต้องจ่ายให้สำนักอู๋ซินด้วยหินวิญญาณ 5,000 ก้อนนะ!”
 
“อะไรหล่ะนั่น? ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย!” เฉินเฉินถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
 
“ถามเขาสิ!” หวังเฟิงตะโกนแล้วชี้ไปทางซุนเทียนกังด้วยความไม่พอใจ เขาลืมไปแล้วว่าผู้สืบทอดพึ่งจะมาเข้าร่วมแค่ไม่กี่วัน และด้วยเหตุนั้น จึงไม่รู้ความสำคัญของเขา
 
‘ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะทำตัวเย่อหยิ่งขนาดนี้!’
 
ใบหน้าของซุนเทียนกังเป็นสีแดงก่ำแต่เขาไม่ได้พูดอะไร แล้วศิษย์ภายในที่อยู่ข้างๆเขาก็อธิบายแทน
 
“ศิษย์พี่ซุนเทียนกังเคยผลักเขาครั้งนึง หลังจากนั้น สำนักเทียนหยุนต้องจ่ายค่าชดเชยให้สำนักอู๋ซินด้วยหินวิญญาณ 5,000 ก้อนเป็นค่ารักษา…”
 
เฉินเฉินพยักหน้าหลังจากที่ได้รับรู้เรื่อง
 
“เข้าใจหล่ะ”
 
ด้วยความโล่งอกที่เห็นเช่นนี้ หวังเฟิงก็ตะโกนอีกครั้ง “แตะต้องข้าอีก จ่ายมาด้วยหินวิญญาณ 1,800 ก้อน และเตรียมใจก้มหน้ารับกรรมซะ!”
 
เพี๊ยะ!
 
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉินเฉินก็ตบเขาปลิวอีกครั้ง
 
หวังเฟิงกระแทกกับพื้นแล้วมีสีหน้าตกตะลึง
 
‘เด็กคนนี้ช่วยต่อสู้กับข้าอย่างเหมาะสมไม่ได้รึไง หรือว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อ? ข้ายังแสดงออกชัดเจนไม่พออีกหรอ?’
 
‘ถ้าเจ้าตีข้า เจ้าจะต้องจ่ายหินวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!’
 
ในขณะที่เขากำลังนั่งคิดเกี่ยวกับชีวิตอยู่บนพื้น เฉินเฉินก็เดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ
 
เปรี๊ยง!
 
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น และผมของหวังเฟิงก็ตั้งขึ้นในขณะที่เขาพ่นควันสีดำออกมาทางปาก
 
“นี่เจ้า….อวดดียิ่งนัก!”
 
ณ จุดนี้ เขารู้แล้วว่าเฉินเฉินเป็นไอ้โง่และกำลังหาเรื่องเขา ความโกรธในตัวเขาปะทุอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แล้วเขาก็เอาเหรียญสื่อสารออกมา
 
“เจ้าเรียกสายฟ้ามาผ่าข้าเลยหรอ? ดี! ดีมาก! ข้าจะรายงานเรื่องนี้กลับไปที่สำนักอู๋ซินแล้วบอกพวกเขาว่าเจ้ามีร่างกายจิตวิญญาณต้นกำเนิด!”
 
ศิษย์สำนักภายในและภายนอกที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันหวาดกลัว ถ้าหวังเฟิงรายงานกลับไปหาสำนักอู๋ซินจริงๆ เซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณจะโผล่มาที่สำนักเทียนหยุนในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน….
 
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินไม่สนใจหวังเฟิงแล้วเดินไปหาเขา และตบอีกครั้งนึงในขณะที่พึมพำออกมา “เจ้ากล้ารังแกลูกน้องของข้าหรอ? เจ้าไม่รู้สินะว่าซุนเทียนกังเป็นลูกน้องของข้า?”
 
ซุนเทียนกังรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากในขณะที่คิด ‘ตอนนี้มันใช้เวลามาพูดเรื่องนี้รึไง?’
 
หวังเฟิงใกล้จะร้องไห้แล้ว เขาเอามือปิดหน้าแล้วถาม “เฉินเฉิน เจ้ารู้ไหมว่าสำนักเทียนหยุนจะเจอภัยพิบัติอะไรบ้างถ้าข้ารายงานออกไป?”
 
เพี๊ยะ!
 
ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าของเขาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงที่คลุมเครือก็ดังเข้าไปในหูของเขา
 
“แล้วเจ้ารู้รึเปล่า? ถึงยังไงเจ้าก็จะถูกฆ่าก่อนที่สำนักอู๋ซินจะมาถึง!”
 
หลังจากที่ถูกอัดจนเละ หวังเฟิงก็แทบจะเป็นบ้าแล้ว ในตอนที่เขาได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตะโกนออกมา “ถ้าข้าสามารถลากทั้งสำนักไปกับข้าได้มันก็คุ้มแล้ว!”
 
“นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้า ข้าพึ่งมาอยู่ในสำนักได้ไม่กี่วัน เจ้าคิดว่าข้ามีความรู้สึกผูกพันกับสำนักเทียนหยุนขนาดนั้นเลยหรอ? อย่างมากที่สุด ในตอนที่เวลามาถึง ข้าก็แค่ยอมจำนนต่อสำนักอู๋ซินอย่างหน้าด้านๆก็ได้ แถมช่วงสองสามวันมานี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสำนักเทียนหยุนด้วยสิ เพราะฉะนั้นไปหาสำนักที่แข็งแกร่งกว่าก็น่าจะดีเหมือนกัน”
 
หวังเฟิงตัวแข็งทื่อในตอนที่ได้ยินเสียงกระซิบนี้
 
ศิษย์คนอื่นได้พัฒนาความผูกพันกับสำนักแล้วเพราะพวกเขาอยู่มานานพอ อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินอยู่ที่นี่มาได้ไม่กี่วัน แล้วเขาจะมีความรู้สึกผูกพันได้ยังไง?
 
ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าเซียนระดับก่อกำเนิดวิญญาณมาที่สำนักเทียนหยุนจริงๆ เขาก็อาจจะกังวลว่าศิษย์ที่อยู่มานานจะตามล้างแค้นและฆ่าพวกเขามากกว่า…
 
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินนั้นเป็นศิษย์ใหม่ แถมยังมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมากถึงขนาดที่สำนักเทียนหยุนอยากจะปกปิดตัวตนของเขาอีก…
 
นอกจากนี้ เขายังมีความรู้สึกว่าถึงแม้เฉินเฉินจะดูเป็นคนรักความยุติธรรมที่ภายนอก แต่จริงๆแล้วเขาหน้าด้านและอาจจะขอให้สำนักอู๋ซินรับเขาเข้าไปก็ได้ เขาอาจจะไปได้ด้วยดีกับสำนักอู๋ซินจริงๆ!
 
‘พระเจ้า! ในโลกนี้มันมีคนที่หน้าด้านยิ่งกว่าข้าอีกหรอเนี่ย?’
 
“ข้าคิดว่าไปที่สำนักอู๋ซินแล้วกลายเป็นผู้สืบทอดก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าบอกสำนักอู๋ซินว่าข้ามีร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดดีไหม?”
 
ในขณะที่พึมพำ เฉินเฉินก็คว้าเหรียญสื่อสารแล้วเตรียมส่งข้อความในทันที
 
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเขา หวังเฟิงก็มีอาการกลัวสุดขีด
 
ถ้าเฉินเฉินส่งข้อความไปจริง ๆ เขาก็จะจบสิ้นอย่างแน่นอน
 
ศิษย์สำนักภายในและภายนอกจะสับเขาเป็นชิ้นๆ!
 
 
เขาคงพอจะยอมรับได้ถ้าเขาสามารถตายไปปพร้อมกับเฉินเฉิน แต่ดูเหมือนว่าเฉินเฉินน่าจะไปได้ดีกว่าเขา แล้วเขาจะยอมรับเรื่องนั้นได้ยังไงกัน?
 
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็กอดขาของเฉินเฉินแล้วอุทานออกมา “หัวหน้า! อย่าพึ่งทำอะไรผลีผลามเลยนะครับ! พวกเราสามารถคุยเรื่องนี้กันเองได้!”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset