ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 63: ของพิเศษ

เมื่อเฉินเฉินเดินออกมาจากสวนด้านบนยอดเขาหลัก เซี่ยวอู่โยวก็เปิดตาของเขาออกและถอนหายใจออกมาเบาๆ
 
เนื่องจากค่ายกลกรงขังจิตวิญญาณ เขาจึงไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนของยอดเขา แต่เมื่อเขาเดินออกมาจากสวนแล้ว เขาจึงสัมผัสได้ถึงทุกอย่าง
 
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อจ้าวเสี่ยวหยาเดินเข้ามาสวน เขาก็เป็นคนแรกที่รับรู้ถึงมัน
 
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเฉินเฉินเดินออกไปจากยอดเขา
 
“ลูกศิษย์ของข้ายังคงเป็นเด็กอยู่สินะ เขาไม่สามารถที่จะฝึกตนอย่างเงียบสงบได้”
 
‘ถ้าเฉินเฉินแก้ปัญหาเกี่ยวกับหวังเฟิง เขาก็จะช่วยแบ่งเบาภาระของข้า เมื่อเป็นอาจารย์ของเฉินเฉินแล้ว ข้าจะยอมให้เขาแบกภาระไว้บนไหล่คนเดียวได้ยังไงกัน?’
 
“ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้ ข้าจะไปล่ามังกรอสูรและเข้าสู่ขั้นกำเนิดวิญญาณ ข้าไม่สนเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันอีกแล้ว ด้วยพลังของขั้นกำเนิดวิญญาณ อย่างน้อยข้าก็ยังรอดชีวิตได้ ถ้ามันเกิดะไรขึ้น”
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยวอู่โยวปิดตาลงอีกครั้งหนึ่งและเลิกคิดเกี่ยวกับเฉินเฉิน
 
….
 
เฉินเฉินลงมาจากยอดเขาหลักและมุ่งตรงไปยังที่ที่ดอกบัวหัวใจสวรรค์เพลิงโลกาตั้งอยู่ เขาวางจิตวิญญาณดินเหลืองหมื่นปีลงไป เขาตัดสินใจที่จะตั้งชื่อมันว่า ‘เหลืองน้อย’ เนื่องจากว่ามันเหลืองทั้งตัวจนเหมือนกับเป็นต้นโสมเหลืองขนาดใหญ่ มันทำให้เขาไม่สามารถคิดชื่ออื่นได้อีกเลย
 
“เจ้าเหลืองน้อย เจ้ารู้วิธีการขุดดินไหม? เจ้าขุดดินจนกระทั่งเจ้ารู้สึกอบอุ่นละกันนะ”
 
เหลืองน้อยพยักหน้าสองครั้ง ก่อนที่จะขุดดิน เพียงเวลาไม่นานมันก็หายลงไปใต้ผืนดิน
 
หูเซียงเอ๋อนั้นคุ้นชินกับการกระทำที่แปลกประหลาดของเฉินเฉิน ยังไงก็ตาม เธอจะไม่ยอมขุดดินอย่างแน่นอน สุดท้ายแล้วเธอเป็นอสูรที่กังวลเกี่ยวกับความสะอาดสะอ้าน
 
“เซียงเอ๋อ มันคงจะดีกว่านะถ้าเจ้าเป็นตัวตุ่นนะ ข้ายังมีเหลืออีกสองภูเขาที่ต้องขุดอีก แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะขุดมันหรอก ดังนั้นเจ้าอยู่ที่นี่และดูแลเจ้าเหลืองน้อยไป อย่าให้ใครจับมันกินไปละ”
 
เฉินเฉินมองไปที่หูเซียงเอ๋ออย่างผิดหวัง ก่อนที่จะทิ้งเหรียญยืนยันตัวให้กับหูเซียงเอ๋อและแนะนำเธอให้ดูแลเจ้าเหลืองน้อย
 
หูเซียงเอ๋อดูหงุดหงิดมาก เธอเป็นจิ้งจอกที่สง่างาม แต่เฉินเฉินกลับพบว่าเธอนั้นแย่ยิ่งกว่าตัวตุ่นอีก! เขามันบ้าเกินไปแล้ว!
 
เธอกระทืบไปมาอย่างโกรธเคืองกับคำพูดของเฉินเฉิน หูเซียงเอ๋อรับเหรียญและหันหน้าหนีเฉินเฉินไป
 
เฉินเฉินไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของเธอ เขารีบเดินไปที่เขาเทียนฉิน ก่อนที่จะเดินจากไป เขาตะโกนออกมา “หูเซียงเอ๋อ ถ้ามันมีนกบินผ่านมา ยิงพวกมันและจับพวกมันกินคืนนี้ด้วยนะ!”
 

 
เมื่อเขามาถึงเทียนฉิน เฉินเฉินมุ่งตรงไปยังที่พักของจางจี
 
เมื่อเทียบกับสวนขนาดใหญ่ของเขาแล้ว ที่พักของศิษย์นอกสำนักทั้งย่ำแย่และเล็กกว่า ไม่เพียงแต่สวนจะเล็กแล้ว มันยังต้องอาศัยกันอยู่สี่คนในที่พักแห่งเดียวอีก
 
เมื่อเขาเห็นพี่ใหญ่ จางจีอดที่จะรู้สึกมีความสุขไม่ได้ เนื่องจากว่าเขาก็อยู่ตอนที่เฉินเฉินกระทืบหวังเฟิงก่อนหน้านี้ด้วยเหมือนกัน
 
“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาว่าคนที่พี่ทำร้ายไปเป็นคนที่มีสถานะสูงมากเลยนะ พี่จะเป็นอะไรไหมครับ?”
 
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก มันจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าได้อีก? เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเก่งกาจเพียงใด? เอ้า นี่ มันเป็นของเจ้าละ อย่าให้คนอื่นเห็นมันละ”
 
ในขณะที่พูดออกมา เฉินเฉินได้ยัดถุงใบเล็กใส่มือของจางจี นอกจากสมบัติสวรรค์หลายอย่างแล้ว มันยังมีหินวิญญาณอีกนับร้อยก้อนอีก
 
“นี่คือกระเป๋าเก็บของอย่างงั้นหรือครับ? มันล้ำค่ามากเลย ข้าไม่สามารถที่จะ…” เมื่อจางจีเห็นกระเป๋าเก็บของ เขาอยากจะที่จะปฏิเสธทันที แต่หลังจากที่โดนเฉินเฉินจ้อง เขาก็เงียบลง
 
“ซ่อนของเจ้าไว้ให้ดีละ ข้าจะพาเจ้าไปที่ดีๆวันนี้ อย่าคิดว่าจะได้นอนละคืนนี้”
 
เมื่อเห็นจางจีรับกระเป๋าไป เฉินเฉินยิ้มและตบไหล่ของเขาแล้วเขาก็พูดออกมาอย่างลึกลับ
 
ยังไงก็ตาม วินาทีต่อมา เฉินเฉินเหมือนกับนึกถึงอะไรบางอย่างได้ก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเอง “ยังไงก็ตาม มันมีลูกศิษย์ที่ชื่อหลี่เจียงอยู่ท่ามกลางหมู่ศิษย์นอกไหม?”
 
เขานึกขึ้นได้เกี่ยวกับโอกาสที่จะต้องช่วยแก้ไขปัญหาของหลี่เจียง หลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อรับไอเทมพิเศษ ตั้งแต่ที่มันเป็นไอเทมพิเศษที่ถูกตัดสินโดยระบบ เขาจะไม่พลาดมันอย่างแน่นอน
 
“หลี่เจียงหรือครับ? ใช่ครับ เขาอยู่ในห้องตรงข้ามผมเลย!” จางจีตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะชี้ไปที่ห้องที่อยู่ตรงข้ามของเขา
 
ที่พักของศิษย์นอกนั้นเป็นสวนที่มีสี่ห้องและหลี่เจียงได้นอนอยู่ในที่พักเดียวกัน
 
“บังเอิญขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?”
 
เฉินเฉินตกใจเล็กน้อย หลังจากนับเวลาแล้ว เขาตระหนักได้ว่ามันพึ่งจะผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ตั้งแต่ที่เขาเดินออกมาจากยอดเขา ซึ่งหมายความว่าโอกาสนี้จะเกิดขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
 
“อะไรหรือครับพี่? พี่ตามหาเขาเพื่อถามอะไรสักอย่างหรือครับ?”
 
“ไม่จำเป็นหรอก รอข้าที่นี่ก่อนสักพักหนึ่ง ข้าจะกลับมาทีหลัง”
 
หลังจากที่เขาพูดจบ เฉินเฉินออกไปจากสถานที่ของจางจี ถึงแม้ว่าครึ่งชั่วโมงจะสั้น เขาไม่ต้องการจะเสียสละ
 
มันยังมีโอกาสอีกมากมายหลายอย่างบนเขาเทียนฉิน เขาจะใช้ประโยชน์นี้อีกครึ่งชั่วโมงในการหาของ
 

 
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินเฉินกลับมาที่สวนที่จางจีอาศัยอยู่ด้วยหน้าตาที่มีความสุข แต่ครั้งนี้เขาเดินตรงไปยังที่พักของหลี่เจียง
 
เขามองผ่านหน้าต่างเข้าไปด้านใน เขาพบกับลูกศิษย์ผู้ชายที่ผอมแห้งซึ่งเดินวนไปวนมาไม่หยุด มันเหมือนกับว่าเขามีอะไรบางอย่างที่กำลังร้อนรนอยู่
 
“สิ่งที่ระบบพูดเป็นเรื่องจริงสินะ”
 
เฉินเฉินคิดกับตัวเองก่อนที่จะเคาะประตู
 
หลังจากเคาะประตูเสร็จ หลี่เจียงสะดุ้งสุดแรง ก่อนที่จะถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ใครกันครับ?”
 
“เปิดประตูซะ ผู้สืบทอดมาอุ่นที่นอนให้ละ”
 
เฉินเฉินขี้เกียจที่คิดหาเหตุผล เขาจึงตอบออกไปอย่างไร้สาระแทน
 
หลี่เจียงที่อยู่ด้านในห้องไม่ลังเลที่จะเปิดประตูเลยสักนิด เมื่อเขาได้ยินคำว่าผู้สืบทอด เขาเปิดประตูและล้มลงคุกเข่าทันที
 
“สวัสดีครับ ผู้สืบทอด!”
 
เฉินเฉินมองไปที่หลี่เจียงที่คุกเข่าด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปมา
 
‘เขาดูกลัวฉันหรือไงเนี่ย?’
 
‘ฉันไม่เคยรังแกคนในสำนักเลยสักคนนะ’
 
แม้ว่าเขาจะสงสัย เฉินเฉินก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไร เขากลับยิ้มและพูดแทน “ไม่ต้องสุภาพไปหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมน้องชายข้า จางจี แต่ว่าเขาสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าซีดเซียวและดูตาแดง ข้าเลยมาดูเจ้าเป็นยังไงบ้าง”
 
“ศิษย์น้องหลี่ เจ้าป่วยหรือ?”
 
“ข้ารู้สึกหนาวเย็นเป็นบางครั้งครับ…” ตาของหลี่เจียงสั่นไหว เขาดูเหมือนจะตื่นตระหนกเล็กน้อย
 
เมื่อเห็นดังนั้น น้ำเสียงของเฉินเฉินกลับดูจริงจังขึ้นทันที
 
“ศิษย์น้องหลี่ ถ้าเจ้าพบเจอปัญหาอะไร บอกข้ามาได้ตลอดเลยนะ ข้าไม่คิดว่ามันจะมีคนในสำนักมากเท่าไหร่ที่เจ้าสามารถช่วยได้ เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะ”
 
เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่มีความหมายนี้ของเฉินเฉินแล้ว หน้าผากของหลี่เจียงเหงื่อไหลพรากและวินาทีต่อมา เขาก็ล้มลงคุกเข่าอีกรอบหนึ่ง เขาไม่สามารถที่จะซ่อนความกลัวและความตื่นตระหนกในดวงตาของเขาเองได้
 
“ท่านนักบุญครับ ได้โปรดช่วยผมไว้ด้วย!”
 
เฉินเฉินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งกับสิ่งที่เขาได้ยิน หลี่เจียงทำได้ถูกแล้ว
 
“บอกข้ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตราบเท่าที่ข้าช่วยเจ้าได้ ข้าจะแก้ปัญหานี้ให้เจ้าเอง”
 
หลี่เจียงขอบคุณเฉินเฉินอย่างจริงใจ เขาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเจอมา
 

 
มันกลับกลายเป็นว่าหลี่เจียงถูกเลือกโดยสำนักอสูรก่อนที่จะเข้าร่วมกับคัดเลือกของสำนักเทียนหยุน เขาได้ถูกบังคับให้กินยาและจะต้องได้รับยาแก้พิษทุกทุกสามวัน ในเวลาสองเดือน เขาจะถูกส่งไปยังสำนักอสูรในรัฐโจว
 
ยังไงก็ตาม ในภายหลัง สำนักอสูรส่วนใหญ่ต่างเกือบที่จะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น เขาไม่สามารถที่จะตามหาคนที่มอบยาให้กับเขาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าร่วมสู่สำนักเทียนหยุน
 
เขาได้อาศัยอยู่อย่างกังวลใจในสำนักเทียนหยุน มันเป็นเพราะว่าเขากังวลเกี่ยวกับยารักษาและเขาก็ไม่รู้ว่าเขานั้นเป็นคนของสำนักอสูรแล้วหรือเปล่า สุดท้ายแล้ว คนที่มอบยาให้กับเขาก็ได้มอบตราของสำนักอสูรมาด้วย ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะทิ้งมันไป
 
ถ้าเขาถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของสำนักอสูรแล้วและยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสำนักเทียนหยุนพบเข้า มันคงจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสำหรับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงหวาดกลัวอย่างมากกับตอนที่เขาได้ยินว่าผู้สืบทอดมาเยี่ยม
 
“มันเรื่องเล็กน้อยหน่า ไม่ต้องกังวลไป เจ้าคือลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน”
 
เฉินเฉินยิ้มและช่วยเขาลุกขึ้นยืน ในเวลาเดียวกัน เขาก็แสกนร่างกายของเขาโดยใช้พลังปราณและค้นพบร่องรอยของเส้นเลือดและอวัยวะภายในที่แปดเปื้อน
 
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ร้ายแรง มันก็ทำให้เขาป่วยและเหนื่อยล้าทางจิตใจได้
 
“หื้ม เรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
 
เฉินเฉินพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม ก่อนที่เขาจะหยิบสมุนไพรรักษาจิตวิญญาณออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้กับหลี่เจียง
 
“สมุนไพรจิตวิญญาณนี้น่าจะเพียงพอที่จะรักษาเจ้าจนกลับมาเป็นปกติ ถ้ามันไม่ได้ผลแล้ว เจ้ามาหาข้าได้เลย นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สบายใจได้เลย เจ้าคือลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุน อย่าไปคิดถึงสำนักอสูรอีกละ”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หลี่เจียงร้องไห้ออกมาอย่างขอบคุณ ก่อนที่จะก้มกราบลงให้กับเฉินเฉินถึงแปดรอบ
 
“ขอบคุณ ขอบคุณมากเลยครับ! ผู้สืบทอด! ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้!”
 
หลังจากที่ขอบคุณอย่างมากมาย หลี่เจียงหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋าหน้าอก มันเป็นเหรียญตราสีดำที่มีตัวอักษรห้าตัวสลักไว้แล้วเขาก็มอบมันให้กับเฉินเฉิน
 
“สำนักอสูรรัฐโจว”
 
เมื่อเขามองไปที่เหรียญนี้ เฉินเฉินก็เดาะลิ้น
 
เหรียญนี้อาจจะไร้ประโยชน์กับเขาในตอนนี้ แต่มันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็เป็นได้
 
ถ้าเขาจะต้องรับมือกับสำนักอสูรเขาสักวัน มันคงจะเป็นของที่มีประโยชน์มาก ถ้าเขาสามารถใช้มันในการใส่ไส้ศึกเข้าไปในสำนักอสูร
 
 

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset