ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 79: ผู้สืบทอดพยัคฆ์ขาว

ในทันทีที่ซุนเทียนกังพูด หางตาของผู้อาวุโสใหญ่ก็กระตุกเล็กน้อยในขณะที่เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา
 
เฉินเฉินในอีกด้านนึงมองซุนเทียนกังด้วยความโล่งอกอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาโล่งใจที่ไม่ได้ตัดสินเขาผิด
 
หลังจากที่ยืนยันผู้ร่วมเดินทางได้แล้ว เฉินเฉินก็เดินไปข้างเซี่ยวอู่โยวแล้วกระซิบ “ท่านอาจารย์ ข้าคงต้องรบกวนท่านช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงในสวนของข้าแล้วหล่ะครับ”
 
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” เซี่ยวอู่โยวพูดอย่างใจเย็น ซึ่งมันทำให้เฉินเฉิรู้สึกโล่งใจมากจริงๆ
 
อันที่จริงมันไม่มีอะไรต้องกังวลเลย ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณดินเหลืองและเจ้าผักบุ้งจะโง่กันทั้งคู่ แต่หูเซียงเอ๋อมีสติปัญญาที่หลักแหลมมาก นอกจากนี้ เธอยังมีเหรียญสื่อสารของตัวเองด้วย ถ้าเธอเจอกับปัญหาเข้าจริงๆ เธอก็สามารถติดต่อเฉินเฉินได้ในทันที
 
ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสหานของสำนักอู๋ซินก็พูดอย่างเรียบเฉย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ”
 
เฉินเฉินไม่ได้ลังเลเลยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาและก้าวขึ้นไปบนเรือเหาะอย่างรวดเร็ว ด้วยกันกับจางจีและซุนเทียนกังที่ตามเขามา
 
ผู้อาวุโสจ้าวที่อยู่จุดสูงสุดของแก่นทองคำเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นไปบนเรือเหาะ
 
เซียนนั้นมีของทุกอย่างเก็บเอาไว้ในอุปกรณ์เก็บของของพวกเขา ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเตรียมตัวอะไรมากสำหรับการเดินทางไกล
 
ในขณะที่มองเฉินเฉินขึ้นไปบนเรือเหาะ เซี่ยวอู่โยวก็รู้สึกอยากจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
 
เฉินเฉินหันไปมองอาจารย์ของเขาก่อนที่จะมองดูพวกศิษย์ภายในและภายนอกที่กำลังรอส่งอย่างแน่วแน่เหมือนกับลูกไก่ตัวน้อยๆ
 
 
เรือเหาะเริ่มลอยขึ้นไปอย่างช้าๆและในที่สุดก็ขึ้นไปที่ระดับความสูงหนึ่งพันเมตรซึ่งมันเป็นจุดที่เรือเริ่มเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้า
 

 
 
พวกเขาอยู่บนเรือเหาะ
 
คนของสำนักอู๋ซินได้จัดที่พักให้กลุ่มสี่คนของเฉินเฉิน
 
“ห้องรับแขกสวรรค์หรอ?”
 
ผู้อาวุโสจ้าวมองป้ายของที่พักแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
 
“หึหึ แขกพิเศษของสำนักเทียนหยุน พี่ใหญ่ต้วนบอกว่าความแข็งแกร่งของท่านเฉินเฉินนั้นน่าอัศจรรย์และก้าวข้ามผู้สืบทอดของสำนักอื่นไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงเหมาะสมที่จะได้เข้าพักห้องรับแขกสวรรค์”
 
หลังจากที่พูด คนจากสำนักอู๋ซินก็บอกลากลุ่มของเฉินเฉินด้วยความเคารพ
 
หลังจากที่เขาไปแล้ว เฉินเฉินก็ถามอย่างสงสัย “อะไรกัน? หรือว่าห้องรับแขกสวรรค์นี้จะมีอะไรมากกว่านั้น?”
 
ผู้อาวุโสจ้าวพยักหน้าแล้วพูดอย่างนุ่มนวล “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ามาอยู่บนเรือเหาะของสำนักอู๋ซิน ที่นี่มีห้องรักแขกสวรรค์แค่หนึ่งห้อง ห้องรับแขกปฐพีสี่ห้อง และห้องรับแขกมนุษย์หกห้อง”
 
“นี่ก็แสดงว่าสำนักอู๋ซินเป็นเจ้าภาพที่ดีอยู่ไม่ใช่หรอ?” ซุนเทียนกังพูดด้วยความประหลาดใจ
 
เขาคิดว่าเขาจะได้เจอกับความยากลำบากในตอนที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของสำนักอู๋ซิน อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับห้องที่ดีที่สุดในทันทีที่ขึ้นมา
 
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่ได้โง่เหมือนซุนเทียนกัง
 
จากแปดสำนักทางเหนือ สำนักเทียนหยุนนั้นอยู่ลำดับสองในขณะที่สำนักพยัคฆ์ขาวอยู่ลำดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้สืบทอดของสำนักพยัคฆ์ขาวยังไม่ได้ขึ้นมาเลย แต่กลุ่มของเฉินเฉินกลับได้ห้องรับแขกที่ดีที่สุดแล้ว แบบนี้ผู้สืบทอดของสำนักพยัคฆ์ขาวจะคิดยังไงหล่ะ?
 
พวกเขาอาจจะถูกเหม็นหน้าได้
 
สำนักอู๋ซินพยายามสร้างความไม่ลงรอยและก่อปัญหาในบรรดาแปดสำนักทางเหนืออย่างเห็นได้ชัด
 
“พวกเราจะอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน สำนักเทียนหยุนไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่จะมากลัวการอยู่ในห้องรับแขกนี้”
 
ผู้อาวุโสจ้าวกรอกตามมองซุนเทียนกังและในที่สุดก็ทำการตัดสินใจ
 
เฉินเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็พยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่พวกเขาทั้งสองเดินนำเข้าไปในห้องรับแขก
 
ทั้งซุนเทียนกังและจางจีต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน และไม่เข้าใจความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดของผู้อาวุโสจ้าว สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากส่ายหัวและเดินตามหลังไปด้วยใบหน้างุนงง
 
ห้องรับแขกสวรรค์นั้นกว้างขวางมาก มันคือห้องสูทขนาดใหญ่และมีพื้นที่มากมายสำหรับคนสี่คน สมาชิกแต่ละคนนั้นมีสีหน้าที่แตกต่างกันไปในตอนที่เข้ามา
 
“หอลมใบไม้ผลิอยู่ในส่วนของโลกมนุษย์ดังนั้นมันจึงหรูหรามาก แต่ไม่ว่าจะเป็นเตียงไหนในห้องนี้มันก็มีค่าพอๆกับหอลมใบไม้ผลิสองสามแห่ง”
 
เฉินเฉินส่ายหัวเป็นการตอบสนอง ถ้าเขามองไม่ผิด แม้กระทั่งโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามห้องก็ทำมาจากแผ่นหินวิญญาณทั้งแผ่นซึ่งมีค่าไม่ต่ำกว่าหินวิญญาณหนึ่งพันก้อน
 
มันไม่ใช่แค่ห้องรับแขกแต่ยังมีอุปกรณ์ครบครัน เห็นได้ชัดว่าสำนักอู๋ซินนั้นมีพื้นเพที่แข็งแกร่ง
 
หลังจากได้เห็นที่พัก ผู้อาวุโสจ้าวและซุนเทียนกังก็ยังคงอยู่ในห้องเพื่อทำการฝึกตนในขณะที่เฉินเฉินและจางจีกลับไปที่ดาดฟ้าเรือ
 
ในตอนนี้ ผู้สืบทอดทั้งหกกำลังยืนอยู่ตรงราวของดาดฟ้าเรือและมองดูทัศนียภาพด้านล่าง
 
เฉินเฉินเอนตัวพิงขอบราว
 
“ระบบ นอกจากข้า ใครแข็งแกร่งที่สุดในระยะ 30 เมตร?”
 
“โยวหลานชินที่อยู่ 12 เมตรทางซ้ายตรงหน้าของท่าน สถานการณ์ฝึกตนของเธออยู่ในช่วงขั้นสุดท้ายของสร้างรากฐาน”
 
เมื่อได้ฟังคำตอบของระบบ เฉินเฉินก็มองไปทางแผ่นหลังของบุคคลที่อยู่ไกลๆซึ่งสวมผ้าปิดหน้าสีดำเอาไว้
 
เธอถอดแบบมาจากภรรยาของอาจารย์ของเขาจริงๆ แม้กระทั่งสไตล์การแต่งตัวก็ยังเหมือนกัน
 
เนื่องจากโยวหลานชินแข็งแกร่งที่สุด มันก็หมายความว่าข้อมูลที่ได้รับมาจากอาจารย์ของเขานั้นถูกต้อง
 
นอกจากสำนักเทียนหยุนและสำนักพยัคฆ์ขาว ผู้สืบทอดของหกสำนักอื่นๆนั้นไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจจนเกินไป
 
จากข้อมูล สี่ในหกของผู้สืบทอดนั้นอยู่ในช่วงขั้นสุดท้ายของสร้างรากฐาน ในขณะที่อีกสองสำนักอยู่ในขั้นกลางของสร้างรากฐาน
 
พวกที่อยู่ขั้นสุดท้ายของสร้างรากฐานนั้นไม่มีปัญหาแต่พวกที่อยู่ขั้นกลางถือว่าอ่อนแอเกินไป
 
แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ได้เข้าร่วมสำนักเทียนหยุน คนที่สำนักเทียนหยุนส่งมาได้ก็น่าจะมีแค่ซุนเทียนกัง
 
อย่างไรก็ตาม พวกเขาคงจะประเคนทรัพยากรให้ซุนเทียนกังอย่างแน่นอนเพื่อให้เขาเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของสร้างรากฐาน
 
ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองเธออยู่ โยวหลานชินได้หันกลับมาและเห็นว่ามันคือเฉินเฉิน ความสงสัยสะท้อนออกมาทางดวงตาของเธอ และเธอก็ถือโอกาสเดินเข้ามาหาเฉินเฉินก่อนที่จะโค้งคำนับเขา
 
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ใหญ่เฉิน ข้าหลานชิน ท่านอาจารย์เคยบอกข้าว่าเฉินเฉิน ศิษย์ของสำนักเทียนหยุนนั้นมีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่ได้พบกันในวันนี้ ข้าก็ได้รับรู้แล้วว่าท่านนั้นสมกับคำล่ำลือจริงๆ”
 
เฉินเฉินตกตะลึงเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ เพราะเขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้สืบทอดที่ดูไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครคนนี้เป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อนและประจบเขาในทันที
 
ในขณะที่เขากำลังจะตอบรับคำชม โยวหลานชินก็พูดขึ้นมาอีกครั้งอย่างกระทันหัน
 
“พี่ใหญ่เฉิน ท่านอาจารย์ได้ให้คำแนะนำกับข้ามาแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการเดินทางนี้ คนของสำนักโยวฉุยทั้งหมดจะทำตามการชี้แนะของท่านค่ะ”
 
“หืม?” เฉินเฉินประหลาดใจเล็กน้อย
 
การเดินทางครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของสำนักจริงๆ แต่ภรรยาของท่านอาจารย์ของเขาก็ยังให้คำสั่งแบบนี้มาเนี่ยนะ
 
‘นี่ข้าเป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรอ?’
 
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอเข้ามาหาเขาก่อน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธ ถึงยังไง ยิ่งมีคนมากก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาก
 
หลังจากที่คิดดูแล้ว เฉินเฉินก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสุภาพเกินไปแล้วนะ น้องหญิง เจ้ากับข้าอยู่ฝ่ายเดียวกันมาตั้งแต่แรก มันแน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเราควรทำงานด้วยกัน”
 
“พี่ใหญ่ ท่านพูดถูกแล้วค่ะ แล้วท่านคิดว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นยังไงคะ?”
 
โยวหลานชินถามอีกครั้ง
 
พวกเขาทั้งสองเริ่มพูดคุยกันบนดาดฟ้าเรือ
 
ในตอนแรกนั้น โยวหลานชินแค่อยากทำความรู้จักเฉินเฉินให้มากขึ้นแต่ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน เธอก็ไม่สามารถหยุดได้
 
เธอคาดหวังที่จะทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นเพราะดูเหมือนเขามักจะคิดต่างจากคนอื่นและชอบพูดเรื่องที่น่าตกใจอยู่ตลอด
 
‘ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์บอกว่าคนๆนี้ไม่ใช่คนดีและอยากให้ข้าฟังเรื่องไร้สาระของเขาให้น้อยๆ…เพราะเกรงว่าข้าจะโดนหลอก ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เธอพูดมาจะเป็นความจริงสินะ’
 
โยวหลานชินมองเฉินเฉินที่กำลังให้คำแนะนำ และแอบระวังตัวอย่างลับๆ
 
ในตอนนี้ เรือเหาะได้หยุดลงอย่างกระทันหันในขณะที่ผู้อาวุโสของสำนักอู๋ซินลงไปจากเรือด้วยกันกับต้วนปิง
 
เฉินเฉินมองลงไป และเห็นแค่ภูเขาลึกกับป่าเก่าแก่ที่อยู่ด้านล่าง มีอาคารที่ดูโอ่อ่าหลังนึงอยู่ท่ามกลางหุบเขาลึกและป่าเก่าแก่ที่ว่านี้
 
“นี่คือสำนักพยัคฆ์ขาว ซึ่งอยู่ลำดับหนึ่งในบรรดาแปดแปดสำนักทางเหนือและอยู่ลำดับสามใน 36 สำนักของรัฐจินสินะ” เฉินเฉินพึมพำ
 
ในขณะที่มองลงไปด้านล่าง เขาไม่คิดว่าอาณาเขตของสำนักพยัคฆ์ขาวจะดีไปกว่าสำนักเทียนหยุนมากนัก
 
แต่ในขณะที่เขามองผ่านเมฆหมอกเพื่อสังเกตดูฉากด้านล่างนั้นเอง ความผันผวนที่รุนแรงของพลังปราณก็พวยพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง
 
หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ความผันผวนของพลังปราณก็สงบลง
 
หลังจากนั้นอีกสามนาที ต้วนปิงและผู้อาวุโสหานของสำนักอู๋ซินก็กลับขึ้นมาบนเรือเหาะ
 
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ต้วนปิงอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าตอนที่เขาลงไปที่สำนักเทียนหยุนซะอีก ไม่เพียงแค่ใบหน้าของเขาจะบวมปูดจากการถูกซ้อมอย่างโหดร้าย แต่ฟันของเขายังหายไปด้วยและความโกรธก็เขียนอยู่บนใบหน้าของเขา
 
มีคนสี่คนตามหลังเขามา
 
หัวหน้าของสี่คนนี้คือชายคนนึงที่สวมชุดเกราะสีขาวเต็มตัว ใบหน้าทั้งหมดของเขาถูกปิดด้วยเกราะ และมีแค่ดวงตาที่เฉยเมยเท่านั้นที่เผยออกมา
 
สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าก็คือออร่าอันเย็นชาและเด็ดขาดนั้นได้แผ่ออกมาจากตัวเขาตลอดเวลา ซึ่งดูเหมือนจะมีจิตสังหารที่มากกว่าตรงข้ามกับความหนาวเหน็บของสุดยอดหวังฉินเต๋า และนี่ก็ทำให้ต้วนปิงอดตัวสั่นไม่ได้
 
ผู้สืบทอดและผู้ติดตามคนอื่นๆอีกหลายคนต่างก็ดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดในตอนที่พวกเขาเห็นชายในชุดเกราะและเดินถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
 
ชายในชุดเกราะนั้นมีชื่อเสียงในหมู่แปดสำนักทางเหนือ เป็นที่รู้จักกันในฐานะสุดยอดจิตสังหาร และเก่งที่สุดในรุ่นของเขา!
 
เขาคือเย่หวู่เชิง ผู้สืบทอดของสำนักพยัคฆ์ขาว

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset