“เย่หวู่เชิง ร่างวิญญาณพยัคฆ์สวรรค์ขาวที่อยู่ในขั้นสร้างรากฐานและได้บ่มเพาะวิชาต่อสู้พยัคฆ์สวรรค์ขาว ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนของสำนักอสูรถูกสังหารโดยเขา เมื่อสองปีก่อน เขาได้สังหารนายน้อยของหน่วยที่สามของสำนักอสูรในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในรุ่นเยาว์”
เฉินเฉินมองไปที่ชายสวมชุดเกราะและนึกถึงข้อมูลที่อาจารย์บอกเขามาก่อนหน้านี้
ความแตกต่างระหว่างผู้สืบทอดมันยิ่งใหญ่มาก บางคนเป็นแค่ตัวแทนของผู้สืบทอดที่แท้จริงเท่านั้น
ผู้สืบทอดเหล่านี้แข็งแกร่งมากเพียงใดกันนะ?
เย่หวู่เชิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของสำนักพยัคฆ์ขาว ตั้งแต่ที่เขาฝึกต้นตั้งแต่ช่วงแรก ไม่ต้องพูดเลยว่าเขายังคงเป็นพวกที่ชอบการต่อสู้และผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเขายังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายเต็มไปหมดด้วย
ด้วยเหตุผลนี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่ต้วนปิงจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก
…
เย่หวู่เชิงสวมชุดเกราะเต็มตัวและเดินตามลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นไป เพียงเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่พักที่สำนักอู๋ซิ่นจัดไว้ให้
เมื่อเห็นป้ายของห้องรับแขกแล้ว ชายแก่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่หวู่เชิงก็บินมาด้วยความโกรธเคือง
“ห้องรับแขกปฐพี? เจ้าหมายความว่ายังไง?”
ลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เมื่อคนที่ทรงพลังที่อยู่ในระดับแก่นทองคำจ้องมาที่เขาอย่างแค้นเคือง เขาพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ห้องสวรรค์ถูกยึดครองโดยคนจากสำนักเทียนหยุนครับ ศิษย์พี่ฮานและศิษย์พี่ต้วนต่างคิดว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนคือผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดในการไปครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะอยู่ในห้องสวรรค์”
เพียงไม่นานที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา คนสี่คนจากสำนักพยัคฆ์สขาวต่างหันมามองเขาพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้ซ่อนความเย็นชาในดวงตาของพวกเขาเอาไว้เลยสักนิด
หนึ่งในลูกศิษย์ที่ร่วมมือด้วยพูดออกมาพูดตรงๆ “น่าขำขันเสียจริง ศิษย์พี่เย่ถูกนับว่าเป็นผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในสำนักเหนือทั้งแปด เจ้าต้องการที่จะก่อปัญหาหรืออย่างไรกัน!?”
ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “ใช่และถ้ามอบห้องสวรรค์ไปให้กับสำนักเทียนหยุนแล้ว พวกเขากล้าที่จะอยู่ที่นั่นด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้แล้ว ลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นยังยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจและตอบกลับ “พวกเขาเป็นคนมีความสามารถ พวกเขาจะไม่กล้าได้ยังไงกัน?”
“เจ้า!”
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ต้วนปิงที่ถูกทำร้ายจนหน้าบวมเป่งก็ตื่นเต้นและตะโกนออกมา!
‘สู้! สู้เลย!’
ยังไงก็ตาม มันไม่ได้เป็นตามที่เขาวางแผนไว้และเมื่อลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยกันอีกสองคนกำลังจะไปตั้งคำถามกับเฉินเฉิน เย่หวู่เชิงที่อยู่เงียบพูดขึ้น
“เข้ามาสิ”
หลังจากพูดออกมาอย่างเย็นชาแล้ว เย่หวู่เชิงจ้องไปที่เฉินเฉินอย่างเยือกเย็นและหันหลังกลับเดินเข้าไปที่ห้องปฐพี
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว อีกสามคนที่เหลือ แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสแก่นทองคำก็เดินตามหลังเขาอย่างเงียงบงัน
“โอ้ พระเจ้า! เขาทำให้ฉันกลัวมาก…”
หลังจากรอเย่หวู่เชิงเดินจากไป โยวหลานซินเอามือกุมหน้าอกด้วยความหวาดกลัว
หลังจากที่เธอทำมันแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอสูญเสียความใจเย็นลงไปและทำท่าทางใจเย็นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ขอบตาของเฉินเฉินกระตุก
เขารู้ว่าเธอน่าจะแกล้งทำตัวใจเย็นอยู่ตลอดเวลา เธอเองเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่เธอรู้ว่าเธอขี้อายมากขนาดไหน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเฉินเฉินเย็นชาขึ้น ในขณะที่สายตาของเขาดูลึกล้ำมากขึ้น โชคดีที่เขาเป็นคนเย็นชาและดูนิ่งเฉยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องแสร้งทำอะไรทั้งนั้น
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินไม่ได้มีท่าทีแตกต่างไปจากปกติ โยวหลานซินพูดออกมาอย่างประหลาดใจ “ศิษย์พี่เฉิน เย่หวู่เชิงพึ่งจะจ้องไปที่พี่ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมแบบนั้น…พี่ไม่กลัวเหรอ?”
“โอ? งั้นเหรอ? แย่จริง ข้าไม่กลัวคนรุ่นเยาว์คนไหนในรัฐจินเนี่ยสิ”
เฉินเฉินพูดออกมาอย่างเยือกเย็นพร้อมกับสายฟ้าที่สว่างวาบในดวงตาของเขา
มันเป็นสายฟ้าที่เป็นสีน้ำเงินอย่างแท้จริง โยวหลานซิงเชิงเปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง ไม่สามารถที่จะทำใบหน้าใจเย็นต่อไปได้
“ขอโทษด้วยนะ พลังในร่างกายของข้ามันมากเกินกว่าที่จะเก็บกักไว้ได้ ข้าจึงปล่อยออกมาบ้างเป็นครั้งเป็นคราว”
หลังจากพูดออกมาอย่างใจเย็นแล้ว เฉินเฉินไม่เลือกที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับโยวหลานซิงอีก เขาเดินกลับเข้าไปในห้องสวรรค์ พร้อมกับสายตาของโยวหลานซินที่จ้องไปที่แผ่นหลังอันลึกลับของเขา
วิธีที่เขาเดินนั้นเหมือนกันกับวิธีที่เย่หวู่เชิงเดิน
…
ในช่วงเวลาเดียวกัน..
ภายในพระราชวังของเมืองหลวงในรัฐจิน มีชายแก่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์และชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังก์ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย
ชายแก่พูดขึ้น “ฉงเย่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามสิบห้าสำนักกำลังจะมายังที่นี่ การเตรียมการในเมืองหลวงเกือบจะเสร็จแล้วด้วยเช่นกัน”
“พวกมันก็เป็นแค่บ้านนอกเท่านั้นแหละครับ อาจารย์ ท่านได้ทำให้คำว่าผู้เชี่ยวชายแปดเปื้อนโดยการเรียกพวกเขาแบบนั้น”
ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกโดยที่ไม่มีความดูถูกปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาแค่พูดออกมาอย่างใจเย็นเหมือนกับว่าเขากำลังพูดความจริงออกมาเฉยๆ
“พวกเขาบางคนไม่ได้แย่เลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินจินจากสำนักมังกรมรกตและเย่หวู่เชิงจากสำนักพยัคฒ์ขาว ทั้งสองคนต่างมีความแข็งแกร่งระดับที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานเกือบสมบูรณ์แบบแล้ว ครั้งนี้ พวกเขาต่างมาต่อสู้กันเพื่อแย่งลำดับในสำนักทั้งสามสิบหก ในยามที่เจ้ากำลังจะขึ้นครองราชย์บัลลังก์ พวกเขาอาจจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้ก็ได้
ผู้อาวุโสพูดออกมาพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกาย
อันดับสามสิบหกสำนักถูกตั้งไว้เมื่อสามสิบหกปีก่อน ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องรราวขึ้นหลายต่อหลายอย่างและสำนักบางสำนักก็ล่มสลายไป ในขณะที่บางสำนักก็ทะยานขึ้น
อันดับก่อนหน้านี้มันไม่ได้แม่นยำเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว
แน่นอนว่าสำนักอู๋ซิ่นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับอันดับเลยสักนิด
การต่อสู้แย่งชิงอันดับมันก็แค่ข้ออ้างแค่นั้น
การต่อสู้แย่งชิงอันดับนั้นเปิดให้กับสำนักทุกสำนักในรัฐจิน ไม่ใช่เพียงแค่สำนักทั้ง 36 สำนักเท่านั้น
สำนักอู๋ซิ่นได้สนับสนุนสำนักหลายสำนัก ก่อนที่การต่อสู้แย่งชิงอันดับจะเกิดขึ้น สำนักหลายสำนักเลือกที่จะกำจัดคนที่ต่อต้านสำนักอู๋ซิ่นแล้ว
เมื่อเวลามาถึง พวกเขาจะบังคับให้สำนักเหล่านั้นมอบภูเขาที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณมา เพื่อความยุติธรรมต่ออันดับของพวกเขา
สำนักที่อ่อนแอสำนักอื่นก็จะเลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งสำนักอู๋ซิ่น หลังจากที่มองเหตุการณ์จากทางด้านข้าง
มันเป็นวิธีที่อ่อนโยนที่สุดที่สำนักอู๋ซิ่นจะรวมสำนักทั้งสามสิบหกสำนักเข้าด้วยกัน
มันเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ความรุนแรงและความเหี้ยมโหดอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เมื่อสำนักอสูรอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้
“ไม่ต้องกังวลไป อาจารย์ ถ้าสำนักมังกรมรกตและสำนักพยัคฆ์ขาวปฏิเสธที่จะรวมตัวกัน ข้าจะทำร้ายหลินจินและเย่หวู่เชิงให้บาดเจ็บ ก่อนที่จะท้าทายสำนักอื่น แผนนี้มันจะไม่มีข้อบกพร่องอีกต่อไป”
ในเวลาเดียวกัน ปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าที่เรียบนิ่งของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าเขาแล้ว ชายแก่รู้สึกโล่งอกและอบอุ่นหัวใจมาก
หลังจากผ่านไปนับพันปี คนที่เหมาะสมที่จะฝึกวิชาวิชาเต๋าหวังฉิงระดับสุดยอดก็ได้ปรากฏขึ้นในราชวงศ์ มันทำให้กองกำลังของสำนักอู๋ซิ่นไม่มีทางที่จะล่มสลายได้
โดยไม่มีการขัดแย้งจากราชวงศ์แล้ว มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักอู๋ซิ่นที่จะรวมสำนักทั้งสามสิบหกเข้าด้วยกัน
ในตอนนี้ พวกเขาขาดปัจจัยเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อมันสำเร็จ รัฐจินก็จะหลอมรวมกันอย่างถูกต้องเหมือนกับรัฐโจว ในขณะที่เจ้าสำนักของสำนักอู๋ซิ่นก็จะกลายเป็นองค์ราชา
สำนักอู๋ซิ่นก็จะกลายเป็นเจ้ารัฐจิน
“เจ้าจะต้องต่อสู้ ในช่วงการต่อสู้แย่งชิงอันดับ เจ้าต้องแสดงให้ถึงพละกำลังที่หยั่งไม่ถึง เพื่อที่จะทำให้พวกสำนักที่อ่อนแอเหล่านั้นหวั่นไหว เมื่อถึงจุดนี้แล้ว พวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับการแย่งชิงอันดับเลยด้วยซ้ำและพวกเราได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้ว เจ้าจะต้องลงแรงไปทั้งหมดด้วยละ”
ชายแก่ยิ้มออกมา
เมื่อเห็นอาจารย์ที่ฝึกวิชาเต๋าหวังฉิงขั้นสูงสุดหัวเราะ ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเหม่อเพียงเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะดุดัน
“ไม่ต้องกังวลไปครับ อาจารย์ ใครก็ตามที่รับใช้ข้าจะเติบโต ส่วนคนที่ไม่ยอมจะรับใช้ข้าจะต้องตาย! สำนักอู๋ซิ่นของพวกเราจะต้องรวมสำนักทั้ง 36 สำนักให้จงได้!”
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 80: ใครก็ตามที่รับใช้ข้าจะเติบโต ส่วนคนที่ไม่ยอมจะรับใช้ข้าจะต้องตาย!
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”