ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 92: ถึงเวลาแก้แค้น

โยวหลานชินค่อยๆบินออกมาจากแท่นสูงและลงไปอยู่กลางสังเวียน
 
ในทันทีที่เธอลงมาถึงพื้น พลังปราณวารีก็เริ่มหมุนเวียนรอบร่างกายของเธอ และปกป้องเธออย่างแน่นหนา
 
ผู้สืบทอดของสำนักโฮ่วตู่หัวเราะเยาะให้กับท่าทีที่ขี้ขลาดของโยวหลานชิน
 
“36 สำนักมีทรัพยากรตั้งมากมายแต่พวกเขาดันสร้างผู้สืบทอดที่ขี้ขลาดอย่างเจ้าขึ้นมาเนี่ยนะ?”
 
เมื่อถูกเหยียดหยาม โยวหลานชินก็ปิดหูของตัวเองด้วยวิญญาณปราณน้ำทั้งสองแทนที่จะเถียงกลับ
 
ในตอนที่เห็นฉากนี้ ผู้สืบทอดของ 36 สำนักที่อยู่บนแท่นสูงต่างก็เงียบกันหมด
 
‘ตัวตลกคนนี้มาจากไหนกัน?’
 
แม้กระทั่งหางตาของเฉินเฉินก็เริ่มกระตุก เขาเคยเห็นคนอ่อนแอมาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจอคนที่อ่อนแอแบบโยวหลานชิน
 
ถ้าไม่ใช่เพราะคนรักของอาจารย์ เขาก็คงจะสอนบทเรียนให้ผู้หญิงอ่อนต่อโลกคนนี้ไปแล้ว
 
“ถ้างั้นก็เริ่มกันเลย กฎของการประลองไม่มีอะไรมาก จัดการคู่ต่อสู้ของเจ้าจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมแพ้หรือเคลื่อนไหวไม่ได้อีก แต่จงจำเอาไว้ ห้ามมีการฆ่ากัน”
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน เขาได้ถอยไปที่ขอบสังเวียนหลังจากที่ประกาศกฎให้ทราบโดยทั่วกัน
 
ในทันทีที่เขาพูดแบบนี้ รอยยิ้มของจูตี่ก็ยิ่งน่ากลัวขึ้น จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียนและหนามจำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นใต้สังเวียน และมันได้ขยายไปทางโยวหลานชิน
 
เมื่อเห็นแบบนี้ โยวหลานชินก็บินขึ้นฟ้าในทันทีและร่ายวิชา ไม่นานนักพลังปราณน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวขึ้นเป็นฝนธนูที่พุ่งไปทางจูตี่
 
ฟิ้วว ฟิ้ว!
 
ทันใดนั้นเอง ลูกศรก็ปกคลุมท้องฟ้าพร้อมกับเสียงหวีดอย่างไม่หยุดหย่อน!
 
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของเฉินเฉินก็เป็นประกายขึ้นมา
 
แม้ว่าอุปนิสัยของโยวหลานชินจะเลวร้าย แต่เธอก็มีวิชาการตอบโต้และการต่อสู้ที่ดี เธอคู่ควรกับอันดับในหมู่ยอดฝีมือแล้วจริงๆ
 
“โล่โฮ่วตู่!”
 
หลังจากที่จูตี่ตะโกนอย่างจริงจัง กำแพงดินหนาสองเมตรก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นข้างใต้สังเวียน และสูงขึ้นไปอีกกว่าห้าเมตรในชั่วพริบตาเพื่อป้องกันลูกศรน้ำทั้งหมด
 
จากนั้นจูตี่ก็ก้าวขึ้นไปบนกำแพงนั่นแล้วบินขึ้นไป พลังปราณธาตุดินจำนวนมหาศาลได้ปกคลุมเขาเอาไว้อยู่ในขณะที่บินไปหาโยวหลานชิน
 
ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดของ 36 สำนักที่อยู่บนแท่นสูงหรือผู้คนของ 18 สำนักที่อยู่ข้างใต้ พวกเขาทุกคนต่างก็มองการประลองของทั้งสองด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่
 
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ประเมินพละกำลังของทั้งสองฝ่ายอย่างเงียบๆด้วย
 
แม้ว่าพวกเธอจะกำลังต่อสู้กันอยู่ แต่พวกเธอก็คงจะเป็นคู่ต่อสู้ของคนอื่นในอีกไม่นาน
 

 
ทั้งสองคนต่อสู้กันไปมาในสังเวียนเป็นเวลาสองนาทีแล้ว และโยวหลานชินก็เริ่มส่อแววว่าจะแพ้
 
พูดตามตรง ในแง่ของทักษะการต่อสู้ สำนักโยวฉุยดีกว่าสำนักโฮ่วตู่แต่คุณสมบัติของทั้งสองมันขัดกันและโยวหลานชินก็ยังอ่อนประสบการณ์ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูตี่
 
“ยอมแพ้ไปเถอะ” เฉินเฉินพูดในขณะที่นั่งอยู่บนแท่นสูง เขารวบรวมน้ำเสียงของเขาส่งตรงเข้าไปหาโยวหลานชิน
 
เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน โยวหลานชินก็พยายามต่อไปอีกนาทีนึงก่อนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วถอยออกจากสังเวียน
 
เมื่อถูกผู้สืบทอดของสำนักโฮ่วตู่จ้อง โยวหลานชินก็เบือนหน้าหนี
 
“สำนักโฮ่วตู่ได้ถูกแทนที่กับสำนักโยวฉุยในฐานะสำนักอันดับที่ 14!”
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำประกาศดังลั่นก่อนที่จะสะบัดมือ จากนั้นธงของสำนักโยวฉุยที่อยู่ข้างเฉินเฉินก็ค่อยๆถูกลดธงลงอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นธงสีเหลืองของสำนักโฮ่วตู่ก็ถูกชักขึ้นมาแทน
 
ในขณะที่มองธงของสำนักตัวเองถูกแทนที่ โยวหลานชินก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วหลั่งน้ำตาออกมา
 
ผู้สืบทอดของทั้ง 36 สำนักไม่สามารถหัวเราะกับเหตุการณ์ตรงนี้ได้เลย
 
ซึ่งมันก็เข้าใจได้ สำนักที่อยู่บนแท่นสูงทั้งหมดนั้นต่างก็ได้รับสืบทอดต่อๆกันมาอย่างน้อยหนึ่งพันปี
 
และทั้ง 36 สำนักก็ได้อยู่ในอันดับของพวกเขามาเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีแล้ว
 
สถานะที่สำนักของเธอรักษาไว้มาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีได้ถูกทำลายลงเพราะความอ่อนแอของเธอ แค่นี้มันก็พอจะจินตนาการได้แล้วว่าเธอรู้สึกเครียดถึงขนาดไหน
 
ถ้าพวกเขาเป็นเธอ พวกเขาก็อาจจะร้องไห้เหมือนกันหรืออาจจะถึงขั้นฆ่าตัวตายเลยก็ได้ถ้าทำได้
 
พวกเขารู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะกลับสำนักไปเจออาจารย์และศิษย์ร่วมสำนักของตัวเองจริงๆ
 
“เซียนหญิงแห่งสำนักโยวฉุยจงกลับไปยังที่ของเจ้า”
 
ผู้อาวุโสแก่นทองคำชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ใต้แท่นสูงแล้วพูดอย่างเย็นชา
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โยวหลานชินก็ปาดน้ำตาของเธอแล้วไปนั่งกับ 18 สำนัก
 
ผู้สืบทอดของ 18 สำนักนั้นไม่ได้รู้สึกเห็นใจเธอแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาอดใจรอที่จะเข้าไปแทนที่ใน 36 สำนักไม่ไหวแล้ว
 
ด้วยเหตุนี้เอง ในตอนที่พวกเขาเห็นความเสียใจของโยวหลานชิน พวกเขาก็เย้ยหยันเธออย่างไร้ความปราณี
 
โยวหลานชินที่นั่งอยู่ในกลุ่มพวกเขานั้นเหมือนกับแกะตัวเล็กๆที่อยู่ในฝูงหมาป่า
 
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้อ่อนแอโดยสิ้นเชิง ในตอนที่เธอได้ยินเสียงนินทารอบๆ เธอก็หยุดร้องไห้ แล้วลุกขึ้นสุดตัว จากนั้นใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาก็กลับมาอีกครั้ง ท่าทีที่สำรวมของเธอกำลังฟื้นฟูกลับมาแล้ว
 
“ผู้หญิงคนนี้คงจะล้างสมองตัวเองอีกแล้วสินะ”
 
เฉินเฉินพูดไม่ออกเล็กน้อย
 
โยวหลานชินไม่ได้เก่งอะไรเลยนอกจากการหลอกตัวเอง จะเรียกว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกจากวิกฤตก็ว่าได้ เขาได้เห็นวิธีการที่เธอแสดงในตอนที่เธอสอนพวกผู้หญิงที่โรงเตี๊ยมหยี่หลานมาแล้ว
 
โยวหลานชินนั่งลงข้างล่างมันก็เป็นธรรมดาที่จูตี่จะขึ้นไปบนแท่นสูงและนั่งลงใกล้เฉินเฉิน
 
“เห้อ ความรู้สึกที่ได้ดูถูกคนอื่นนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ”
 
จูตี่เอนตัวพิงเก้าอี้เหมือนกับเฉินเฉินและมองมาทางเฉินเฉินอย่างยั่วยุเป็นพักๆ
 
“เจ้าควรจะดื่มดำกับช่วงเวลานี้ให้เต็มที่นะ มันอาจจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิตเจ้าแล้วก็ได้”
 
เฉินเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบโดยไม่ได้หันไปมองจูตี่ด้วยซ้ำ
 
จูตี่มีเวลาคุ้มครองสองชั่วโมงหลังการต่อสู้ ซึ่งเขาสามารถใช้ช่วงเวลานี้เพื่อพักผ่อนและฟื้นพลังปราณของเขาได้
 
หลังจากสองชั่วโมงนี้ ใครก็ตามที่อยากท้าประลองกับจูตี่ก็สามารถขึ้นไปบนสังเวียนได้
 
“เฉินเฉิน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่อย่าทำเป็นหยิ่งไปหน่อยเลย ถ้าเจ้าสามารถท้าประลองข้าได้ มันก็จะต้องมีคนที่ท้าประลองกับเจ้าได้เหมือนกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะยังนั่งอยู่บนแท่นสูงนี้และคุยโวต่อไปได้ยันจบนะ!”
 

 
ในตอนนี้ ศิษย์อีกคนนึงของ 18 สำนักได้ขึ้นไปบนสนามประลองและท้าประลองกับสำนักดาบทองคำที่อยู่อันดับ 15 ใน 36 สำนัก
 
ศิษย์คนนี้ฝึกวิชาเพลิงและสามารถเอาชนะผู้สืบทอดสำนักดาบทองคำได้อย่างง่ายดาย และระเบิดเขาออกจากสังเวียนในเวลาไม่นาน
 
ผู้สืบทอดสำนักดาบทองคำที่พ่ายแพ้ได้เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่พักใหญ่ๆ ความเศร้าหมองของเขาทำให้จิตใจของผู้สืบทอดคนอื่นหนักอึ้ง
 
ฉากการต่อสู้ต่อๆมาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากสองศึกแรก และหลังจากที่ผ่านไปสองชั่วโมง แปดจาก 36 สำนักก็ได้ถูกสลับตำแหน่ง
 
เมื่อเห็นว่าผู้สืบทอดของ 18 สำนักตั้งใจจะท้าประลองต่อ เฉินเฉินก็มองโยวหลานชินที่อยู่ข้างสังเวียนประลอง และมุมปากของเขาก็ขยับเล็กน้อย
 
หลังจากได้รับข้อความของเฉินเฉิน โยวหลานชินก็ลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดและตะโกนออกมา “ข้าขอท้าประลองผู้สืบทอดเฉินเฉินแห่งสำนักเทียนหยุน”
 
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ พวกผู้สืบทอดก็รีบหันไปมองเฉินเฉินที่อยู่บนแท่นสูง
 
‘มันเริ่มแล้ว!’
 
‘ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนคนนี้กำลังจะแก้แค้นจากการโดนดูถูก!’
 
แม้ว่าพวกเขาจะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนจะลงมือตอนนี้
 
เขาไม่มีความลังเลเลยด้วยซ้ำแม้ว่าผู้สืบทอดของ 18 สำนักจะคว้าชัยชนะมาอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้ก่อนๆก็ตาม
 
เขาต้องมั่นใจมากแน่ๆ!
 
ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เคยได้เห็นผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน ที่อยู่อันดับเจ็ดในกลุ่มยอดฝีมือโจมตีมาก่อนเลย และตอนนี้พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เห็นมันแล้ว!
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเฉินก็ลุกขึ้นแล้วโดดลงมาจากแท่นสูง
 
“ข้าขอยอมแพ้”
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสแก่นทองคำก็ส่งสัญญาณให้สำนักโยวฉุยขึ้นแทนที่สำนักเทียนหยุนในฐานะอันดับ 13 ของ 36 สำนัก
 
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอไม่พักได้ไหมครับ?” เฉินเฉินถาม
 
“ตามสบาย” ผู้อาวุโสแก่นทองคำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
 
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันแล้ว เฉินเฉินก็มองไปยังแท่นสูงที่ผู้สืบทอดสำนักโฮ่วตู่ประจำที่อยู่แล้วพูดขึ้น “ข้า เฉินเฉินแห่งสำนักเทียนหยุนอยากจะขอท้าประลองกับจูตี่ผู้สืบทอดของสำนักโฮ่วตู่”

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset