ข้าแต่ท่านสุนัขรับใช้ ตอนที่ 2-1

Chapter 2-1 เมโทรสเตทโปลิศ

“สุโด มิโนสะน่ะเหรอ? ใครจะไม่รู้จักบ้าง คนดังขนาดนั้น” ชายชราซึ่งทำหน้าที่รับโทรศัพท์ของแผนกเท้าคางกับโต๊ะ ทำหน้าแบบเข้าอกเข้าใจ ว่าทำไมพ่อหนุ่มเผ่าพันธุ์แมวผู้เข้าใหม่ของแผนกถึงต้องลากเก้าอี้มานั่งเบียดใกล้

             “ใช่ไหมครับ? อย่างหัวหน้าสุโดน่าจะเป็นคนดังของทุกแผนกไม่ใช่เหรอ แล้วดูยังไงก็เป็นอัลฟ่าไม่ใช่หรือครับ?” เนะโกะตะมองซ้ายขวา แผนก Live Security เป็นแผนกใหญ่กินพื้นที่กว้างทั้งชั้นสองของสำนักงานตำรวจ เนื่องเพราะเป็นแผนกที่ต้องดูแลคุณภาพชีวิตความปลอดภัยของประชาชน และเป็นด่านแรกที่ประชาชนจะกดโทรศัพท์เข้ามาแจ้งคดีต่างๆ ห้องปฏิบัติการของแผนกจึงมีขนาดกว้างที่สุดภายในทุกชั้น เฉพาะพนักงานรับเรื่องอย่างเดียวก็มีจำนวนเกือบห้าสิบ แต่ถึงอย่างนั้นคนในแผนกปกติก็ไม่ได้งานยุ่งอย่างที่คิด เพราะนอกจากสำนักงานใหญ่ตรงเขตกลางนี่แล้ว เมโทรสเตทโปลิศยังมีสำนักงานตำรวจเล็กย่อย กับพวกป้อมตำรวจทั่วไปที่ดูแลแยกกันไปในแต่ละโซนอีก

             ส่วนปู่เต่าวัยใกล้เกษียณนี่เป็นเจ้าพ่อข้อมูลของแผนก เพราะอยู่แผนกนี้มานานสุด

             “ฮะๆๆ ไปฟังอะไรแปลกๆ เรื่องสุโดมาล่ะสิ?”

             เนะโกตะพยักหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ เพราะกลัวว่าข่าวลือแปลกๆ จะมีผลกระทบให้หัวหน้าหน่วยตัวเองเสียชื่อ

             “มีคนบอกว่าหัวหน้าสุโดเป็นโอเมก้า” เจ้าของหูแมวว่า สะบัดหางไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมเองก็เป็นโอเมก้า ไม่ได้คิดว่าโอเมก้าไม่ดีอะไร สมัยนี้มันไม่ใช่สมัยที่คนจะดูถูกโอเมก้าแล้ว แต่หัวหน้าสุโดน่ะ ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็อัลฟ่าชัดๆ”

             “จะไม่ดูเป็นอัลฟ่าได้ไง นั่นมันลูกชายคนโตของตระกูลสุโดนะ”

             “ตระกูลสุโด?”

             “ไม่รู้จักเหรอ?” ชายชราหน้าเต่ามองหน้า “ตระกูลอัลฟ่าชื่อดังน่ะ ไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลหมาป่าของสุโดเขาเหรอ?”

             เนะโกตะยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน ส่ายหน้า

             “เนะโกตะคุงเพิ่งอายุ 21 นี่นะ ตอนเกิดคดีนั่นก็น่าจะอายุแค่ประมาณ 10 ขวบ” ปู่เต่าพูดพลางถอนหายใจ “จริงๆ เรื่องที่เนะโกตะอยากรู้ ก็ไม่เชิงว่าเกี่ยวกับคดีที่เกิดกับครอบครัวสุโดเมื่อสิบปีก่อนตรงๆ หรอก ที่สุโดเป็นอย่างนี้น่ะ มันเรื่องของคดีเมื่อปีที่แล้วมากกว่า”

             “คดีเมื่อสิบปีก่อน? คดีเมื่อปีที่แล้ว? มีคดีอะไรหรือครับ?” คนฟังกระดิกหู ทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที “เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้หัวหน้าสุโดอยู่แผนกเก่าไม่ได้นี่น่ะเหรอ?”

             ปู่เต่าจ้องหน้าผ่านแว่นตากลมดิก

             “ทีเรื่องนี้ทำไมรู้?”

             “รู้แค่ว่าหัวหน้าสุโดเคยเป็นคนของแผนกความมั่นคง แถมยังอยู่หน่วยปราบปรามพิเศษด้วยเท่านั้นละครับ” เนะโกตะว่า “ หัวหน้าชิกะฮาระบอกว่าหัวหน้าสุโดไม่ได้เป็นอัลฟ่า ก็เลยอยู่ทำงานแผนกนั้นลำบาก แต่มันหมายความว่ายังไงหรือครับ? คือหลอกทุกคนว่าเป็นอัลฟ่ามาตลอดแล้วมาความแตกเหรอ? แล้วไม่โดนลงโทษอะไรเหรออย่างนั้น?”

             คาเมะนิชิหัวเราะทันที

             “เด็กบ้า อย่าเผลอไปพูดอะไรแบบนี้ให้หัวหน้าคาริยะซากิได้ยินเชียวนะ”

             “ทำไมล่ะ?” เนะโกะตะทำหน้างง “งั้นก็เล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

             “ก็อยากจะเล่าหรอก แต่เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับสุโดน่ะ มันเป็นเรื่องที่ห้ามพูดถึงในแผนกเรา”

             “ฮะ? ห้าม? ใครห้าม?”

             ปู่เต่าไม่ตอบ บุ้ยหน้าไปทางห้องหัวหน้าแผนกที่อยู่มุมในสุด ซึ่งเจ้าของห้องวัยสี่สิบท่าทางสมาร์ทกำลังเปิดประตูออกมาพอดี

             “มิโนะ”

             ทั้งเนะโกตะและคาเมะนิชิสะดุ้ง หันขวับไปทางทิศที่หัวหน้าแผนกเรียกแล้วนั่งกันตัวแข็งทื่อ เพราะไม่คิดว่าหัวหน้าสุโดที่กำลังพูดถึงจะยืนถ่ายเอกสารงานอยู่ตรงเครื่องถ่ายเอกสารข้างหลัง ถึงจะห่างไปหลายก้าว ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขานินทา… เอ๊ย คุยกันเมื่อครู่

             “มิโนะ กลับมาเมื่อไหร่น่ะ?” คนเป็นเจ้านายใหญ่สุดในแผนกเดินมาหา เนะโกตะมองคนในห้องปฏิบัติการคนอื่นที่นั่งเกร็งกันเงียบกริบ ไม่รู้ว่าปกติบรรยากาศในห้องทำงานตอนหัวหน้าแผนกออกจากห้องมามันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว หรือเป็นเฉพาะตอนเขาเดินเข้าไปหาสุโด มิโนสะอย่างนี้

             หัวหน้าแผนกคาริยะซากิ ยะสุโตะเองก็เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก Live Security ก่อนหน้าที่สุโดจะเข้ามาได้ไม่นาน ใครๆ ก็ดูตกใจกับการโยกย้ายครั้งนี้ เพราะยศของหัวหน้าอยู่ในระดับสูงที่ควรจะเป็นถึงผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่กลับลงมาเป็นแค่หัวหน้าแผนก Live Security ที่ไม่ใช่ดาวเด่นอะไรของสำนักงานตำรวจเมโทรสเตท ไม่แปลกที่คนจะลือกันว่าเขาเป็นคนดึงเอาสุโดเข้ามาทำงานในแผนกนี้ เพราะพอคาริยะซากิเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้ไม่นาน สุโดที่หยุดงานไปครึ่งปีก็ถูกย้ายให้มาประจำอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องเกี่ยวกับสุโดในแผนกอีก เพราะคำสั่งห้ามเด็ดขาดของคาริยะซากิ

             “กลับมาถึงเมื่อครู่ครับ” สุโดหยิบกระดาษออกจากเครื่องถ่ายเอกสาร ตอบโดยไม่หันไปดูแม้แต่ด้วยหางตา ขนาดว่าอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าสายตรงของตัวเอง

             เนะโกะตะเป็นฝ่ายเลิ่กลั่ก มองคนนี้ทีคนนั้นที แต่คาริยะซากิที่หน้าตาใจดีอยู่แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ

             “เอากาแฟไหม?”

             “ไม่ครับ”

             เอ่อ กลับกันหรือเปล่าครับ… พี่เป็นเจ้านายเขาไม่ใช่เหรอ? // เนะโกตะ 

             ก็อย่างที่เนะโกตะคิดในใจ หัวหน้าแผนกคาริยะซากิน่ะ เป็นอัลฟ่าแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่ามาจากบ้านที่มีอันจะกิน ด้วยความเป็นคนจากตระกูลสัตว์กินพืชอย่างแพะภูเขา ถึงจะเป็นอัลฟ่า แต่ก็ดูไม่มีความหยิ่งผยองโชว์เหนือเหมือนพวกอัลฟ่าตระกูลสัตว์ล่าเหยื่อแบบที่เป็นสเปกเขา เพราะงี้เขาถึงได้สนใจหัวหน้าสุโดมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าหัวหน้าแผนกคาริยะซากิจะดูไม่หล่อเท่ คนคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก มีความสมาร์ทเก๋แบบผู้ใหญ่ ดวงตาของพวกสัตว์กินพืชปกติจะดูอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่แล้ว แต่กับคนนี้มันดูใจดีเลเวลพ่อพระจนนึกไม่ถึงว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นหัวหน้าใครเขาได้ แว่นตาสี่เหลี่ยมทรงเรียวนั่นก็ขับใบหน้าให้ดูเหมือนพวกนักวิชาการ ดูแล้วน่าจะเหมือนพวกทำงานอยู่ตามห้องสมุดมากกว่าสำนักงานตำรวจ หรือถ้าอยู่ในเมโทรสเตทโปลิศนี่ ก็เหมาะจะทำแผนกจราจร คอยเป่านกหวีดปี๊ดๆ เรียกให้คนจอดด้วยรอยยิ้ม แล้วก็แพ้น้ำตาพวกคุณป้าจนไม่กล้าแจกใบสั่ง

             ออร่าซุปเปอร์ดาร์ลิงออกขนาดนี้ สาวๆ แวดวงศ์สัตว์กินเนื้อถึงได้ยังพากันมาหลงใหลได้ปลื้ม นี่ถ้าเขาไม่ใช่พวกนิยมสัตว์กินเนื้อก็คงคลั่งไปด้วยแล้วแหละ แต่เอ๊ะ เขาไปทำบัตรแฟนคลับไว้บ้างมันก็ไม่เสียหายนี่ ใช่ไหม?

             “หัวหน้าแผนกคาริยะซากินี่เห็นหัวหน้าสุโดเป็นไม่ได้เลยนะครับ เห็นปุ๊บต้องเดินออกมาหาทันที” คนเผ่าพันธุ์แมวก้มลงไปกระซิบกับปู่เต่า “หรือข่าวลือที่ว่าเป็นคนไปทาบทามมาอยู่แผนกเราจะเป็นเรื่องจริง?”

             “ฮะๆๆ ก็แค่ตามจีบอยู่ละมั้ง”

             “ฮะ? ในที่ทำงานอย่างเนี้ยเหรอ?” เนะโกะตะทำตาเหลือก

             “ไม่ได้มีกฎห้ามจีบกันหรือห้ามมีความรักในที่ทำงานนี่”

             “ก็ใช่ แต่หัวหน้าคาริยะซากิเป็นอัลฟ่า อย่างนี้ก็แปลว่าหัวหน้าสุโดเป็นโอเมก้าจริงๆ เหรอครับ?”

             เจ้าของหูแมวไม่ได้พูดด้วยเสียงดังอะไร แต่ก็พอที่จะทำให้คาริยะซากิซึ่งยืนหันหลังให้หันมามอง สุโดเองก็เหลือบมองนิดๆ แต่ก็หันกลับไปจัดการกับเอกสารต่อ มีแต่เจ้านายใหญ่ที่เหมือนจะล็อกเป้าหมาย แล้วหันมาส่งยิ้มที่ทำให้สะดุ้ง

             “เด็กเผ่าพันธุ์แมวที่เข้าใหม่ของแผนกเราใช่ไหม? ที่อยู่ในหน่วยของมิโนะนี่ ชื่ออะไรนะ?”

             “เนะโกตะครับ” เจ้าของชื่อตอบ เอาจริงๆ เขาก็เพิ่งจะมีโอกาสคุยกับหัวหน้าแผนกอย่างคาริยะซากิเป็นครั้งแรก อย่างที่บอกว่าแผนก LSD นั้นเป็นแผนกใหญ่ที่มีคนทำงานเยอะที่สุด คนที่สั่งงานหรือดูแลเจ้าหน้าที่ระดับล่างอย่างเขาก็มีแค่พวกหัวหน้าหน่วยย่อย ซึ่งตอนนี้ก็คือสุโดเท่านั้น

             “ทำไมหัวหน้าคาริยะซากิเรียกหัวหน้าสุโดด้วยชื่อละครับ? สนิทกันเหรอ?”

             สุโดเหลือบมองด้วยดวงตาสีฟ้าคมกริบท่ามกลางเสียงหลุดขำของปู่เต่า แต่ก็ได้แค่มอง ไม่ออกความเห็นอะไร ปล่อยให้คาริยะซากิเป็นคนตอบ

             “ชื่อ `มิโนะ` มันเรียกง่ายกว่ายังไงล่ะ”

             “จริงด้วย งั้นผมเรียกว่าหัวหน้ามิโนะบ้าง”

             “ไม่ได้ `มิโนะ` นี่ฉันเรียกได้คนเดียว”

             เนะโกตะทำหน้าเหวอ ปู่เต่าขำอีกรอบ สุโดไม่พูดอะไร แต่พอมือใหญ่ของหัวหน้ายื่นมาจะแตะเส้นผม หูหมาป่าก็กระตุก ยกแขนปัดมือออกรวดเร็วตามสัญชาตญาณ ทว่าพอหางตาเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของเนะโกตะ ถึงได้รู้ว่าเผลอปัดมือหัวหน้าสายงานออกด้วยกิริยาที่ไม่ดี สุโดเบี่ยงดวงตาสีฟ้าหนี เตือนด้วยท่าทางสุภาพ ทว่าเสียงขุ่น

             “บอกหลายครั้งแล้วครับหัวหน้าคาริยะซากิ ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะโดนตัวจากข้างหลัง”

             “แค่เห็นว่าผมข้างหลังมันชี้” คาริยะซากิยิ้ม ถอยตัวมายืนกอดอกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าจะไม่จับ “เลยเวลาเลิกงานแล้ว ฉันกลับก่อนดีกว่า ถ้าหัวหน้าแผนกไม่รีบกลับบ้าน ลูกน้องในแผนกก็ไม่กล้ากลับกันใช่ไหมละ”

             “ใช่เลยครับๆ”

             เนะโกตะพยักหน้าหงึกๆ ก่อนหน้านี้เคยถามคนอื่นในแผนกว่าหัวหน้าคาริยะซากิเป็นหัวหน้าประเภทไหน แต่ไม่มีใครตอบได้ เพราะไม่เคยมีใครเห็นเขาเป็นหัวหน้าแผนกไหนในสำนักงานใหญ่นี่มาก่อน หรือพูดง่ายๆ ก็คือไม่มีใครรู้ว่าก่อนจะย้ายมาเป็นหัวหน้าแผนก LSD นี่ คาริยะซากิทำอยู่แผนกหรือตำแหน่งอะไร แต่ด้วยยศระดับผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ได้ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่… เลยไม่มีใครรู้ว่าทิศทางของแผนกจะเป็นยังไงหลังจากเขาขึ้นมาเป็นหัวหน้า

             “มิโนะล่ะ? จะกลับเลยหรือเปล่า?”

             “ไม่ครับ ผมจะไปห้องสังเกตการณ์ดูการสอบปากคำ” คนตอบตอบพลางรวบเอกสารที่จัดการเสร็จ ทำท่าจะเดินออกจากห้อง

             “จะทำงานหนักไปไหน พวกนายห้ามทำโอทีเกินเดือนละ 40 ชั่วโมงเลยนะ ฉันเบื่อจะโดนฝ่ายบุคคลเรียกไปว่าแล้ว” คาริยะซากิบ่น “แล้วก็กินข้าวกินปลาตามเวลากันซะด้วย นี่ก็โดนอาจารย์ห้องพยาบาลว่ามาเหมือนกัน”

             ปู่เต่าหัวเราะแทน เพราะนอกจากสุโดจะไม่ฟังแล้ว ยังเดินผ่านประตูอัตโนมัติออกไปทั้งอย่างนั้น เนะโกตะส่ายหาง พอเห็นว่าคาริยะซากิน่าจะเป็นหัวหน้าที่พอจะคุยอะไรด้วยได้ ก็เลยเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้

             “หัวหน้าคาริยะซากิต้องรู้สินะครับ” ปู่เต่าหันมอง อ้าปากจะห้ามแต่ก็ห้ามไม่ทัน “ว่าหัวหน้าสุโดเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้ากันแน่?”

             คาริยะซากิที่กอดอกอยู่หลุบตามอง เนะโกตะรู้สึกได้ถึงสายตาที่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นไปในชั่วขณะ โดยเฉพาะตอนที่มุมบนของริมฝีปากกระตุกเป็นรอยยิ้มส่ง

             “เนะโกตะคุง” แค่เสียงเรียกชื่อก็ทำให้พูดอะไรต่อไม่ออก ขนลุกซู่ขึ้นมาตอนที่หัวหน้าแผนกก้มลงมองหน้า เหงื่อไหลซึมแผ่นหลัง ทั้งหูทั้งหางหดตอนเห็นสีหน้าหวาดกลัวของตัวเองสะท้อนในนัยน์ตาสีสว่างของอีกฝ่าย

             “ยังไม่มีใครบอกกฎของแผนกเราให้ฟังเหรอ? แผนกเราห้ามถามเรื่องมิโนะกันน่ะ เข้าใจไหม?”

             “ค…ครับ”

             ก็ยังดีที่คาริยะซากิยอมถอยตัวออก แต่หันไปมองปู่เต่าแทนเหมือนจะฝากฝังให้จัดการต่อ จากนั้นค่อยเดินกลับเข้าห้องทำงานไปเงียบๆ ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของลูกน้องเผ่าแมวที่นั่งเอามือจิกพนักเก้าอี้แน่น เหงื่อแตกพลั่ก

             “ฮะๆ ก็บอกแล้วว่าอย่าไปพูดให้หัวหน้าคาริยะซากิได้ยิน” ปู่เต่าหัวเราะเอ็นดู เปิดลิ้นชักยื่นขนมให้เป็นการปลอบใจ

             เนะโกตะนิ่งอึ้ง ก็ได้ยินจากปู่คะเมะนิชิเมื่อครู่อยู่หรอกว่าห้ามถาม แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องจริงจังอะไรขนาดนี้ ฮะ? ยังไงนะ? พูดถึงไม่ได้เลยเหรอ? มิน่า ตอนหัวหน้าชิกะฮาระพูดถึงหัวหน้าสุโดถึงได้ดูลังเลอยู่บ้าง รุ่นพี่เอกุจิก็หน้าซีดด้วย

             แต่ว่าเหตุผลที่พูดถึงไม่ได้มันคืออะไรล่ะ? ของแบบนี้ยิ่งถูกห้ามก็ยิ่งอยากรู้ไม่ใช่เหรอ…

             เนะโกตะแกะห่อขนม หยิบมันฝรั่งใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ 

 

To be continue

ข้าแต่ท่านสุนัขรับใช้

ข้าแต่ท่านสุนัขรับใช้

ข้าแต่ท่านสุนัขรับใช้
Score 8.5
Status: Ongoing
อ่านข้าแต่ท่านสุนัขรับใช้เรื่องย่อ คดีที่เกิดกับครอบครัวในอดีต ทำให้สุโด มิโนสะตัดสินใจมาเป็นตำรวจหน่วยพิเศษ แต่เพราะทำงานพลาดเมื่อครึ่งปีก่อน ทำให้เขาต้องย้ายมาอยู่แผนก LSD ที่ว่ากันว่าอ่อนยวบ และถูกหัวหน้าแผนกสปอยล์ทั้งวัน…(?)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset