Chapter 2-2
“จะไปรู้ได้ยังไง ก็แค่จ่ายเงินซื้อลิสต์รายชื่อที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์เลยได้เบอร์ยายแก่นั่นมา แต่ใครส่งมาและไปได้มาจากไหนนี่ฉันไม่รู้” ชายหนุ่มร่างใหญ่เผ่าพันธุ์หมีกอดอกตอบคำถามด้วยท่าทางหงุดหงิด นั่งเขย่าขาในขณะที่คนนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามเลื่อนโฮโลแกรมดูประวัติเท่าที่ทางสำนักงานตำรวจมีอยู่ แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมาก เพราะผู้ต้องหาไม่เคยมีความผิดอย่างอื่นมาก่อน นอกจากเมาอาละวาดที่ร้านเหล้าแถวเขตล่าง
“คุยอะไรกับคนที่เอาลิสต์แบบนี้มาขายบ้าง? เคยเจอหรือติดต่อด้วยวิธียังไง?” นายตำรวจถามต่อ พิมพ์คำให้การเพื่อรายงานเบื้องบนไปด้วย
“จะมีได้ยังไง” นายหมีใหญ่พ่นลมออกจมูก “ไม่เข้าใจเหรอว่ามันก็แค่โฆษณาในกรุ๊ปโซเชียลที่ใครจะเข้าไปเล่นก็ได้ ก็แค่อยากได้เงิน ไม่ได้ไปฆ่าใครตายเสียหน่อย นอกจากที่เล่าให้ฟังฉันก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว เงินจากยายแก่นั่นฉันก็ยังไม่ได้สักกะเยน จะปล่อยไปได้หรือยังเฮอะ?”
สุโดยืนกอดอกมองอยู่ในห้องกระจกข้างๆ ถึงแม้คนที่อยู่ในห้องสอบปากคำจะมองคนในห้องนี้ไม่เห็น แต่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นกระจกที่กั้นไว้เพื่อการนั้น ทำให้นายหุ่นหมีเขม่นใส่ทุกครั้งที่มองมาทางนี้ เพราะไม่พอใจที่รู้ว่ายังมีนายตำรวจคนอื่นยืนดูการสอบปากคำอยู่อีกห้อง
“คุมาดะ ชินยะ อายุ 35 เพศไดนามิกซ์เป็นเบต้า พ่อเป็นเผ่าพันธุ์หมี แม่กระรอก เจ้าตัวเป็นเผ่าพันธุ์หมีตามลักษณะพ่อ อาศัยอยู่คนเดียวที่อพาร์ทเม้นต์แถวเกะบุ ไม่มีอาชีพประจำ” สุโดกดข้อมูลขึ้นมาอ่าน “ทำงานพาร์ทไทม์เป็นบาร์เทนเดอร์จนถึงเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนจะสมัครเข้ากลุ่ม `เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย`…” อ่านถึงตรงนี้แล้วก็เงียบกริบ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เลยอดขำออกมาไม่ได้ แล้วค่อยหยุดเพราะโดนสุโดเอ็ดด้วยสายตา
“ใครอ่านถึงตรงนี้ก็คิดเหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ ชื่อกลุ่มไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ยังอุตส่าห์มีคนหลงเชื่อเข้าไปรวมตัวกันได้ แต่กลุ่มทำนองนี้มีเยอะแยะในโลกโซเชียลนะครับ กลุ่มนี้ได้ยินว่ามีสมาชิกสองหมื่นกว่าคนเลยทีเดียว แต่ตอนที่ผมเข้าไปตรวจ มันก็ปิดไปแล้วครับ”
“พวกกลุ่มหลอกลวงแบบนี้ ส่วนใหญ่พอทำตามเป้าหมายได้ประมาณหนึ่งแล้วก็จะรีบปิดหนีไปก่อน เราจะได้ตามเจอยาก”
“ก็คงไปเปิดกลุ่มใหม่คล้ายๆ กันต่อแหละครับ มันก็วนเวียนไปมาอย่างนี้” ชายหนุ่มคนพูดถอนหายใจ “ถึงอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วไปจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของแผนก LSD แต่ส่วนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีผู้เสียหายแจ้งเข้ามาก่อน เพราะฉะนั้นกว่าทางเราจะตามกลิ่นไปได้ เจ้าพวกนั้นก็กวาดเงินที่หลอกได้มาหนีไปหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะส่งเรื่องให้หน่วยสองที่ดูแลอาชญากรรมไซเบอร์โดยเฉพาะเอาไปทำต่อนะครับ”
“ขอบใจมาก เฮียวกะ” สมกับเป็นลูกน้องเพียงคนเดียวในหน่วยเขาที่เป็นอัลฟ่า เฮียวกะ ชิโนบุ เป็นคนเผ่าพันธุ์เสือดำที่มีความสามารถสูงจนคิดว่าเหมาะจะไปอยู่พวกแผนกสืบสวนฯ อะไรเทือกนี้มากกว่า แต่น่าจะเพราะความสามารถทางด้านเทคโนโลยีและเป็นความต้องการของเจ้าตัวเองด้วย ถึงได้หลุดมาอยู่แผนก Live Security อย่างนี้ได้ ถือเป็นโชคดีของหน่วยเขาที่ได้เจ้าหน้าที่ดีๆ อย่างนี้มาอยู่ในหน่วย และถึงจะอายุมากกว่าเขาหนึ่งปี ก็ถือว่าเป็นคนวัยเดียวกัน จึงเป็นคนที่เขาคุยเรื่องงานด้วยได้มากที่สุด
“กลุ่มนี้ใช้วิธีการหากินยังไงน่ะ?” สุโดถามต่อ
“พอเข้ากลุ่มเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยอะไรนี่ไปได้สักพัก จะได้รับเมสเสจขายตรงจากคนที่ชื่อ `โกบิอุส` เสนอขายไฟล์ให้ครับ ในนั้นระบุว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของพวกที่ถูกหลอกได้ง่าย ชื่อของคุณยายกระต่ายก็อยู่ในนั้นด้วย”
“เสนอขายให้ทุกคนที่เข้ากลุ่ม?”
“เปล่าครับ เท่าที่สอบถามอดีตสมาชิกไปก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับข้อความเสนอขายกันทุกคน แต่ก็ไม่รู้ว่าเลือกส่งข้อความจากอะไรเหมือนกัน อาจจะส่งให้แต่คนที่มีปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มมากๆ หรือคนที่ดูเดือดร้อนเรื่องเงินมากพอที่จะยอมจ่ายเงินซื้อไฟล์แบบนี้ก็ได้นะครับ”
“เห็นว่ากลุ่มปิดไปแล้ว ยังดูประวัติการพูดคุยของคุมาดะในกลุ่มได้ไหม?”
“ดูได้จากฝั่งไอดีของคุมาดะครับ พอดีเราจับหมอนั่นได้ทันที ไอดีและประวัติทุกอย่างเลยยังอยู่ แต่เท่าที่ตรวจสอบก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรมาก แทบจะไม่ได้มีการคอมเม้นต์อะไรในกลุ่ม แค่กดไลก์ให้บางสเตตัสเท่านั้น”
“คุมาดะมีประวัติเดือดร้อนเรื่องเงินบ้างหรือเปล่า?”
“ยังไม่ได้สืบละเอียด แต่เหมือนจะมีหนี้สินของพ่อที่เพิ่งเสียไปเมื่อตอนต้นปีจำนวนหนึ่งครับ”
สุโดเหลือบมองเพราะไม่คิดว่าลูกน้องจะหาข้อมูลไว้ให้อย่างรวดเร็วจนถึงขั้นนี้ จากนั้นค่อยหันไปมองนายหมี ที่ยังพยายามเถียงเจ้าหน้าที่ในห้อง
“ส่วนเรื่องคนชื่อ `โกบิอุส` ทางเราไม่รู้อะไรเลยนอกจากว่าเป็นแอดมินของกลุ่มนั้น”
“ก็คงเกี่ยวกับพวกแก๊งต้มตุ๋นเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้ใช้วิธีหลอกขายไฟล์รายชื่อแล้วรีบตัดตัวเองออกเพื่อที่จะให้เราตามไม่ได้ ถึงยังไงบัญชีที่ทำธุรกรรมก็คงถูกถอนเอาเงินออกไปหมดแล้ว และปิดไปแล้วสินะ”
“ใช่เลยครับ กรณีคุณยายกระต่ายนี่โชคดีที่ไปเล่าให้คนข้างห้องฟังว่าตัวเองถูกรางวัลใหญ่ คุณนายห้องข้างๆ เลยโทรมาปรึกษาแผนกเรา ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายเฉพาะในเคสนี้อยู่เท่าไหร่” ลูกน้องรายงานต่อ “ที่อยากรู้อีกอย่างก็คือตอนเสนอขายลิสต์รายชื่อ โกบิอุสบอกว่าเป็นลิสต์ที่รวบรวมมาแต่รายชื่อคนที่หลอกง่าย ไม่รู้ว่าทำไมถึงมั่นใจว่าอย่างนั้น และไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรรวบรวมลิสต์รายชื่อแบบนั้นมา”
สุโดคลายมือที่กอดอก
“ขอฉันดูประวัติกิจกรรมที่หมอนี่ทำในกลุ่มเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยอะไรนี่หน่อย และขอรายละเอียดเรื่องหนี้กับงานที่ผ่านมาของคุมาดะ พรุ่งนี้ให้เนะโกตะกับรุ่นพี่เอกุจิไปตรวจสอบบ้านคุณยายกระต่ายอีกรอบว่าเคยหลงเชื่อพวกโฆษณาหลอกลวงที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า พวกนี้มักจะสร้างลิสต์จากคนที่หลงเชื่ออะไรพวกนี้มาก่อน แล้วก็…” สุโดหยุดเว้นวรรค “ตรวจสอบด้วยว่าคุณยายเคยนับถืออะไรจัดๆ หรือเป็นสมาชิกลัทธิอะไรมาก่อนหรือเปล่าด้วย”
“ครับผม”
“นายกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะขอคุยกับคุมาดะต่อ”
“ไม่ต้องแล้ว นายก็กลับไปด้วยกันนั่นแหละ สุโด”
เสียงห้าวจากข้างหลังเรียกให้ชายหนุ่มสองคนหันไปดู สุโดขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นร่างใหญ่กว่าในชุดสูทที่สวมทับด้วยเสื้อยูนิฟอร์มของหน่วยสืบสวนเดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยลูกน้องในเครื่องแบบแบบเดียวกันสองสามคน จนทำให้ห้องสังเกตการณ์แน่นขนัด
“ผู้ต้องหารายนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมองค์กร ซึ่งอยู่ในขอบเขตดูแลของหน่วยสืบสวน ดังนั้นหน่วยสืบสวนที่สองของเราจะรับเรื่องไปดูต่อเอง”
“เอ่อ…” เฮียวกะหันมองหัวหน้าหน่วยตัวเองเลิ่กลั่ก ถึงจะไม่เคยพูดคุยกัน แต่ก็รู้จักดีว่าชายร่างใหญ่เผ่าพันธุ์ปลาวาฬเพชฌฆาตนี้เป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนที่สองซึ่งรับผิดชอบคดีอาชญากรรมองค์กรโดยเฉพาะ เขาไม่รู้ว่ามีความแค้นฝังใจในอดีตอะไรกับสุโดหรือเปล่า ถึงได้เข้ามาด้วยท่าทางพร้อมจะหาเรื่องกันขนาดนี้ แต่เท่าที่เคยได้ยินมา ก็รู้ว่าหน่วยสืบสวนนี่ไม่ค่อยจะถูกกับหน่วยปราบปรามซึ่งเป็นหน่วยงานเก่าของสุโด ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยก่อน…
“ได้ยินแล้วก็ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว นายไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะยืนฟังคำให้การของผู้ต้องหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยเรา”
“ตราบใดที่ยังไม่มีเอกสารจากเบื้องบนมาที่ผม คุมาดะยังอยู่ในความดูแลของหน่วยเราซึ่งเป็นคนจับกุมมาอยู่” สุโดตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม ทำเอาลูกน้องผู้เป็นมือขวากลืนน้ำลายดังเอื้อก เมื่อเห็นพวกหน้าโหดที่อยู่ข้างหลังนายปลาวาฬทำท่าไม่พอใจยิ่งกว่าเก่า
“เป็นแค่เจ้าหน้าที่ Live Security อย่าทำตัวมีปัญหากับหน่วยสืบสวนดีกว่า” คนพูดจงใจก้าวเข้าไปหาเกือบประชิด และมองลงมาด้วยดวงตาถมึงทึง ราวกับต้องการจะขู่ด้วยขนาดร่างกายให้รู้ซึ้งถึงความใหญ่โตของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง ทั้งยังกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“หรือยังคิดว่าตัวเองอยู่หน่วยปราบปรามอยู่น่ะ? ระวังหน่อยก็ดีนะ สถานะของเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามกับคนแผนก Live Security น่ะมันต่างกันเยอะ เผื่อนายไม่รู้ ถ้ายังทำตัวหยิ่งผยองเหมือนสมัยที่ยังอยู่หน่วยปราบปรามละก็ ต่อให้เป็นแผนกชั้นล่างอย่าง Live Security ก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานก็ได้ นี่ไม่มีผู้ใหญ่คอยคุ้มกะลาหัวแล้ว ก็คงเป็นได้แค่หัวหน้าหน่วยแบบนี้ไปจนเกษียณแหละ”
สุโดนิ่งเงียบ จ้องตอบดวงตาสีดำเหมือนทะเลน้ำลึกแล้วปรายตามองพวกลูกน้อง ก่อนจะหันไปหยิบแฟ้มเอกสารของตัวเองออกจากโต๊ะ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากคนมีประสบการณ์อย่างหัวหน้าซาจิครับ” ตอบพลางหันไปส่งสายตาเรียกลูกน้องตัวเองให้ตามออกไป “เพราะหัวหน้าอยู่ตรงนี้มาสิบปีแล้วนี่ครับ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสืบสวนที่สองน่ะ”
“ว่าไงนะ!”
มือใหญ่ยื่นจะกระชากคอเสื้อจากข้างหลัง แต่คนรู้ตัวกระตุกหลบได้ทันก่อนจะพลิกตัวขยำคอเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายแทนทั้งที่เขาตัวใหญ่กว่า คนเป็นลูกน้องทั้งสองฝ่ายตกใจ ซาจิจ้องดวงตาสีฟ้าที่ไม่ยอมลดราให้ แต่ยังไม่ทันทำอะไร เสียงเข้มงวดจากหน้าประตูห้องก็ดังตัด
“ทำอะไรกันน่ะ?”
สุโดปรายตามองชายวัยกลางคนหน้าเข้มไว้หนวดเครารอบคางกับลูกน้องอีกสองคนที่เดินตามมาข้างหลัง พอสายตาเห็นเสื้อกันกระสุนติดเครื่องหมายของหน่วยปราบปราม ก็เลือกที่จะปล่อยมือออก เพราะอยากรีบออกไปจากห้องนี้โดยทันทีมากกว่า
“ไม่มีอะไรครับหัวหน้าโอบะ เรากำลังจะออกจากห้องนี้กันอยู่แล้ว ไปกันเถอะ เฮียวกะ” สุโดหันไปเรียกลูกน้องที่พยักหน้ารับแล้วเดินตามออกไป ก้มหน้าเดินผ่านชายไว้หนวดผู้เคยเป็นหัวหน้างานเก่ากับอดีตเพื่อนร่วมงานอีกสองคนโดยไม่มองหน้า สุโดยกมือจัดปกคอเสื้อเครื่องแบบด้านหลัง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะโดนคว้าแขนไว้ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่าน
“สุโด”
เจ้าของดวงตาสีฟ้านิ่งลึกหันมองแวบหนึ่ง ตั้งแต่กลับเข้ามาทำงานในสำนักงานตำรวจหลังจากคดีนั่น ชื่อของเขาก็ถูกปลดออกจากหน่วยปราบปรามมาอยู่แผนก Live Security แทนเรียบร้อย ถึงจะไม่รู้ว่าภายในองค์กรมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างในช่วงครึ่งปีที่เขาหยุดงานและเก็บตัวอยู่กับบ้าน… เขาก็ไม่เคยคิดว่าอยากจะเจอหน้าเพื่อนร่วมงานในหน่วยเก่านี่อีก อันที่จริง…เขาไม่คิดว่าจะกลับมาทำงานที่สำนักงานตำรวจเมโทรสเตทนี่ได้อีกด้วยซ้ำ แต่เป้าหมายของเขามันจะสำเร็จได้ยาก หากปราศจากตำแหน่งงานในเมโทรสเตทโปลิศนี่…
เขายังมีความจริงที่ต้องตามหา เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันแค่จิ๊บจ๊อย หากเทียบกับเรื่องที่เกิดกับครอบครัวเขาเมื่อสิบปีก่อน เพราะอย่างนั้นตอนที่หัวหน้าคาริยะซากิมาหาที่บ้าน เขาถึงได้ยอมตกลงให้หัวหน้าคนนั้นจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณอะไร แค่เปลี่ยนจากการเป็นสุนัขรับใช้ของหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่ง ที่มีหัวหน้าคาริยะซากิเป็นหัวหน้าก็เท่านั้น…
หน่วยปราบปรามขึ้นอยู่กับแผนกความมั่นคง รับผิดชอบคดีหนักๆ ใหญ่ๆ ที่เกี่ยวกับภัยความมั่นคงของที่นี่ สมัยที่เขายังอยู่ก็มักจะมีเรื่องแบบนี้ ไม่แปลกที่จะเห็นคนของหน่วยปราบปรามชนกับคนของหน่วยสืบสวนเวลาที่สายงานทับซ้อนกัน โดยเฉพาะพวกคดีลัทธิประหลาดที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ คดีพวกนี้มักจะไปซ้อนกับหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยสืบสวนที่สองซึ่งดูแลพวกคดีอาชญากรรมองค์กรของหัวหน้าเผ่าพันธุ์ปลาวาฬซาจิ
“นายกลับมาทำงานที่ MSP[1] แล้วจริงด้วย? ทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ฉัน? ”
สุโดมองรุ่นพี่จากหน่วยงานเก่าที่มีสีหน้าเป็นห่วง แต่เหมือนจะแฝงความโล่งใจที่เห็นว่าเขายังสบายดีอยู่ รุ่นพี่ทากะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่สมัยทำงานด้วยกัน แต่จะเป็นห่วงเขามากก็ไม่แปลก คนที่รู้เรื่องคดีเมื่อครึ่งปีก่อนก็ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาทำงานที่ MSP นี้ได้อีกกันทั้งนั้น ขนาดรายละเอียดหลายอย่างถูกปกปิดไว้เป็นความลับนอกจากเรื่องที่เขาทำงานพลาดจนถูกจับตัวไปในแก๊งนั่นและรอดมาได้ แต่รอบข้างก็มักจะพูดกันด้วยเสียงดังพอประมาณว่า ต้องใจกล้าหน้าด้านขนาดไหน… ถึงจะกลับมาทำงานแล้วรับหน้าที่หัวหน้าหน่วยแบบนี้ได้ ต่อให้เป็นแผนกที่ดูแลอาชญากรรมเบาอย่าง Live Security ก็เถอะ…
สุโดค่อยนึกได้ว่าไม่ได้ติดต่อใครในหน่วยงานเก่าหลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งที่เขารู้จักกับรุ่นพี่ทากะตั้งแต่คอร์สอบรมพิเศษในโรงเรียนตำรวจและทำงานคู่กันตลอดตอนอยู่หน่วยปราบปราม ส่วนหนึ่งก็เพราะตอนรับงานเข้าไปสืบข้อมูลในแก๊งนั่น รุ่นพี่ทากะทักท้วงและพยายามห้ามเขาว่ามันอันตรายเกินไป พอผลออกมาเป็นอย่างนี้ แม้จะรู้ว่ารุ่นพี่คงจะช็อกและเป็นห่วงแค่ไหน เขาก็ไม่มีหน้าจะติดต่อหรือตอบคำถามอะไรด้วยหรอก
“ผมไม่ได้ใช้เบอร์นั้นแล้ว” สุโดกระตุกแขนออก ตอบด้วยเสียงเรียบสงบและสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องหลบหน้ารุ่นพี่ที่เคยสนิทกันอย่างทากะ แต่หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ขี้เกียจไปเจอ น่าจะเพราะอดีตเพื่อนร่วมหน่วยอีกคนจากเผ่าพันธุ์ไฮยีนา ที่กำลังยืนมองด้วยสายตาเหยียดหยามใส่อยู่นี่ต่างหาก
“ฉันก็ได้ยินข่าวลือเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเป็นจริงเลยนะเนี่ย เจออย่างนั้นยังกล้ากลับมาทำงานที่ MSP ได้อีกเหรอ เป็นฉันนี่หนีกลับบ้านนอกไปช่วยพ่อแม่ทำสวนส้มแล้ว เออ แต่นายก็ไม่มีบ้านพ่อแม่ให้กลับด้วยนี่นะ”
สุโดไม่ตอบ ฮาเอดะเป็นคนเผ่าพันธุ์ไฮยีนาที่ดูออกตั้งแต่ใบหน้าว่ามาจากเผ่าพันธุ์ไหน อายุเท่ากับรุ่นพี่ทากะ ถึงจะได้รับการยอมรับในความสามารถให้มาอยู่หน่วยปราบปรามได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงยศเป็นนายตำรวจธรรมดาอยู่ รุ่นพี่ฮาเอดะไม่เคยเอ็นดูเขา แสดงออกว่าไม่ชอบเขาอย่างออกนอกหน้ามาแต่แรก เลยไม่แปลกที่จะทำหน้าเยาะเย้ยเวลาเจอเขาทุกที่
“ฮาเอดะ! พูดอะไรน่ะเฮอะ สุโดเป็นคนของทีมเรานะ” ทากะหันไปกดเสียงใส่
“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว แล้วมันก็เป็นเพราะหมอนี่ทำงานพลาดเองไม่ใช่หรือไง? ถึงได้หลุดจากหน่วยปราบปรามน่ะ” คนหน้าไฮยีนาแค่นเสียง “สมกับเป็นลูกชายอดีตนักการเมืองดังจริงนะ ทำงานพลาดขนาดนั้นก็ยังมีหน้ากลับมาทำงานเป็นตำรวจได้อีก แต่ก็ไม่แปลก คนของตระกูลสุโดยังไงก็แบคอัพใหญ่อยู่แล้ว ทีนี้น่าจะรู้แล้วนะว่าหน่วยปราบปรามไม่ใช่งานสำหรับให้เด็กเส้นเข้ามาทำได้น่ะ”
“ฮาเอดะ!”
“ทำงานๆ เราไม่ได้มาสังสรรค์เพื่อนเก่ากัน”
ทั้งทากะและฮาเอดะสะดุ้งเมื่อหัวหน้าหน่วยตัวเองหันมาดุ สุโดเหลือบมองหัวหน้าเก่าที่ยืนจ้องหน้ากับนายปลาวาฬ ไม่พูดอะไรนอกจากหันตัวทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ทว่าต้องชะงักเท้า เพราะเสียงทวงสิทธิ์ของหัวหน้าหน่วยปราบปรามที่พูดใส่คนของอีกหน่วย
“เรื่องของนายคุมาดะอะไรนี่ หน่วยปราบปรามจะรับเรื่องต่อเอง”
“ฮะ? พูดบ้าอะไร นี่มันอาชญากรรมองค์กร หน้าที่รับผิดชอบมันเป็นของหน่วยสืบสวนที่สอง หน่วยปราบปรามเกี่ยวอะไรด้วย?” นายปลาวาฬตอบด้วยเสียงไม่ยอม เหมือนจะเห็นเส้นเลือดปลายประสาทกระตุก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ไอ้หัวหน้าหน่วยปราบปรามไว้เคราเขียวนี่พยายามจะแย่งคดีจากหน่วยเขาไปอีกแล้ว
“มีความเป็นไปได้ว่าองค์กรที่ว่าจะเกี่ยวกับคดีที่เราทำอยู่ ทางหน่วยปราบปรามจะสอบปากคำต่อเอง”
“ไม่ได้เว้ย นี่มันคดีของหน่วยเรา”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ? หัวหน้าสุโด”
“ไม่มีอะไร” ไหล่สุโดกระตุกเล็กๆ ตามเสียงเรียกของเฮียวกะ ยอมก้าวขาออกจากห้องต่อ แล้วปล่อยประตูปิด
“กลับไปทำงานที่ห้องเราต่อเถอะ”
ลิฟต์ตัวกลางของคอนโดฯ หรูใจกลางเมืองเปิดออก สุโดหลบให้คนในลิฟต์เดินออกมาก่อน ยกนาฬิกาข้อมือดูว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มพลางก้าวเข้าไปรอให้ประตูลิฟต์ปิด ก็ยังถือว่ากลับบ้านได้เร็วกว่าสมัยที่เขาทำงานในหน่วยปราบปรามและยังอยู่หออัลฟ่าของสำนักงานตำรวจ ไม่เชิงเรียกว่าอยู่ แค่มีชื่อประดับหน้าห้อง ความเป็นจริงแทบจะกินนอนอยู่ในหน่วยจนรูมเมทก็ไม่เคยเห็นหน้า ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าการได้ย้ายออกมาอยู่ห้องคอนโดฯ ข้างนอกหรือได้กลับบ้านเร็วขึ้นแบบนี้จะเรียกว่าชีวิตดี เขาแค่มีเหตุผลที่ทำให้อยู่หอของตำรวจต่อไม่ได้ก็เท่านั้น…
สุโดพิงแผ่นหลังกับฝั่งที่เป็นกระจก หลุบตามองทิวทิศน์ยามค่ำคืนของเมืองหลวง เมโทรสเตทเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเหมือนไม่เคยมีช่วงเวลาหยุดพัก เช่นเดียวกับเขาที่มักจะคิดว่าการพักผ่อนเป็นเรื่องผิด…
จนกระทั่งเกิดเรื่องนั้นขึ้น…
สุโดมองตัวเลขบอกชั้นที่สะท้อนในกระจก และพบว่ามันดูสว่างน้อยกว่าสีฟ้าที่สะท้อนแสงไฟในดวงตาของเขา สีของดวงตาเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่เชิงว่าเป็นสีตาของทุกคนในตระกูล คนที่มีดวงตาสีเดียวกันนี้มีแค่แม่กับน้องชาย ได้ยินว่าต้นตระกูลฝั่งแม่มีเชื้อสายขุนน้ำขุนนางเก่า เผ่าพันธุ์หมาป่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศนี้ ปกติจะชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงหรือทำอะไรด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ กลุ่มตระกูลเขาก็เช่นกัน สุโดกรุ๊ปเป็นเผ่าพันธุ์หมาป่าที่มีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองและสังคมชั้นสูง เต็มไปด้วยประชากรอัลฟ่าที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศ บ้านหลังแท้ๆ ของเขาจึงมีหมาป่ากลุ่มอื่นพยายามหาทางเข้ามาตีสนิทเพื่อขอแบ่งผลประโยชน์ เขาชินกับการเป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงลับหลังในทุกแง่ ตอนเข้ามาทำงานที่สำนักงานตำรวจนี่ก็ใช่ สุโดไม่ใช่กลุ่มตระกูลที่จะมาทำงานอะไรแบบนี้ พ่อเขาเคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คนในตระกูลมีแต่คนใหญ่โต แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน…
นีโอไฮม์เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ ปกครองโดยกลุ่มตระกูลราชสีห์ซึ่งมีเมโทรสเตทเป็นเมืองหลวง ที่นี่มีคนอาศัยอยู่ทุกเผ่าพันธุ์รวมถึงพวกมนุษย์แท้ที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ถึงเห็นหน้าก็แยกกันไม่ค่อยออก เพราะพวกสืบเชื้อสายสัตว์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่ไม่มีอวัยวะภายนอกหลงเหลือก็มีให้เห็น น่าจะเป็นจำนวนครึ่งต่อครึ่งกับพวกสี่หู ซึ่งก็คือพวกที่มีทั้งหูสัตว์และหูมนุษย์อย่างเขา อย่างไรก็ตาม… ไม่ว่าจะเป็นคำว่า `พวกสี่หู` หรือ `ไร้หู` ก็ถือเป็นคำเหยียดที่ห้ามพูดกันในที่สาธารณะทั้งนั้น
ด้วยอาชีพแล้ว…เขาไม่กล้าออกปากว่านีโอไฮม์เป็นบ้านเมืองที่สงบสุข แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะใช้ชีวิตประจำวันกันได้อย่างสันติ ภายใต้องค์กรที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในชีวิตประจำวันอย่างองค์กรเขา เมโทรสเตทโปลิศ… หรือ MSP ที่พวกเขาและประชาชนเรียก
สุโดถอนหายใจพลางดึงตัวเองออกห่างจากกระจกเมื่อลิฟต์หยุด แอเรียที่คอนโดฯ แห่งนี้ตั้งอยู่เป็นส่วนที่เจริญที่สุดของเมโทรสเตท บริเวณรอบๆ จึงเต็มไปด้วยตึกที่อยู่อาศัยหรูหราและขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดได้เต็มปากว่าคอนโดฯ แห่งนี้กว้างขวางและหรูหรากว่าตึกอื่น เรียกได้ว่าถ้าไม่มีอันจะกินจริงๆ คงไม่มีปัญญาซื้อแม้แต่ห้องที่ราคาถูกที่สุดอย่างห้องชั้นหนึ่ง ทว่าห้องที่เขามาอาศัยอยู่ตอนนี้ …เป็นห้องชั้นบนสุด
สุโดแตะกุญแจลงกับเครื่องอ่าน ก่อนปลายคิ้วจะกระตุกกับความรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องยกมือขึ้นมาขยำอกเสื้อ ริมฝีปากเผยอหอบตะครุบอากาศ แฉลบตามองกระเบื้องกระจกที่ติดเป็นลวดลายอยู่บนเสาหินอ่อน เห็นหน้าแดงก่ำของตัวเองกับความรู้สึกกระหายเหมือนเลือดในตัวกำลังเดือดพล่านร่ำร้องหาอะไรบางอย่าง ก็เริ่มเข้าใจได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ฮีท…
…นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้รู้จักกับอาการนี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าช่วงฮีทของโอเมก้าจะหนักหน่วงขนาดที่คนอย่างเขาจะต้านทานไม่ได้ เขาเติบโตมาในสังคมของพวกอัลฟ่า ถึงจะเรียนเรื่องเพศไดนามิกซ์มาจากในหนังสือ ก็ไม่เคยจินตนาการถึงสภาพของคลื่นความปรารถนาที่จะถาโถมเข้ามาอย่างกะทันหันเมื่อถึงช่วงเวลาของมันอย่างนี้ได้ นี่ขนาดว่าเขากินยาไว้แล้ว…? เขากินยาตามหมอสั่ง แล้วก็อยู่มาได้อย่างไม่มีปัญหาจนถึงเมื่อครู่
ไม่อยากเชื่อว่ายาจะไม่มีผลช่วยอะไรมากอย่างที่คนคนนั้นว่า หรือที่อาการออกทันทีที่เขามาอยู่ตรงนี้ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่องกะทันหัน แต่เป็นเพราะกลิ่นฟีโรโมนของคนในห้อง…
สุโดรีบผลักประตูเข้าไปพร้อมอาการหอบ ยกแขนกดกับจมูกด้วยหวังว่ามันจะช่วยปิดกั้นกลิ่นที่กำลังจะทำให้เขาคลั่งตั้งแต่ตรงนี้ได้ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางจะฝืน เพราะเขากับคนคนนี้เกี่ยวพันกันในระดับพันธุกรรมแล้วตามที่คนคนนี้ว่า เขาไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ก็เคยพิสูจน์มาแล้วเมื่อตอนที่เกิดอาการฮีทครั้งแรกเมื่อสามเดือนก่อน ความปรารถนาก่อตัวขึ้นทันทีตั้งแต่ที่เขายังไม่ทันเห็นหน้า ไม่ว่าจะพยายามครองสติขนาดไหน ร่างกายเขาก็กำลังแสดงออกว่าต้องการเจ้าของฟีโรโมนนี้ให้เข้ามาในร่างกายเพื่อดับอาการนี้ให้ ครั้งนี้เหมือนจะหนักยิ่งกว่าครั้งก่อน เมื่อต้องยืนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นฟีโรโมนของคนคนนี้ แล้วเขาก็กำลังจะไม่เหลือสติ
ประตูห้องรับแขกเปิดออกมาช้าๆ ในขณะที่คนเพิ่งเข้ามายังยืนพิงประตูหน้าอยู่ สุโดมองร่างเจ้าของห้องที่ไม่มีท่าทีแปลกใจกับการที่เขายืนหอบหรือหันมองด้วยดวงตาคลอน้ำตา ตรงกันข้าม… รอยยิ้มใจดีอย่างที่เห็นเป็นประจำผุดขึ้นบนใบหน้า ก้าวเข้ามาหาประชิดแล้วประคองเอวเขาไว้ก่อนที่จะลื่นพรืดลงไปกองกับพื้น เพราะขาสองข้างไม่มีแรงจะยืนหยัด
“กลับมาแล้วเหรอ ไหนเมื่อเช้าบอกว่ากินยาแล้วไง? กินยาแล้วยังเป็นขนาดนี้เลยเหรอฮึ? รู้ไหมว่าฉันได้กลิ่นนายตั้งแต่ตอนไหนน่ะ”
คนถูกถามไม่ตอบ มือขยำแขนเสื้อของคนที่เข้ามาโอบตัวไว้ ก้มหน้านิ่ง พยายามจะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาตอนที่มือใหญ่แตะข้างแก้มพลางเอานิ้วโป้งไล้ไปมา คราวนี้ไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งที่เป็นคนปัดไล่มือใหญ่นี้ไปเองเมื่อตอนเย็น แล้วบอกว่า
ไม่ชอบให้ใครแตะต้องจากข้างหลัง…
“แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ ทีนี้เชื่อหรือยังว่ายาไม่มีผล?” เจ้าของเสียงใจดีพูดต่อ ก้มลงไปกระซิบข้างหู “เพราะนายเป็นโอเมก้าของฉันน่ะ มิโนะ”
สุโดกระตุกไหล่แค่เพราะคนตรงหน้าเอาริมฝีปากแตะข้างลำคอ มือที่จับแขนเสื้ออีกฝ่ายขยำแน่นกว่าเดิม จะเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณของโอเมก้ายามฮีทก็ใช่ แต่ตอนนี้ในหัวเขาไม่สามารถคิดอะไรนอกจากขอให้เจ้าของห้องช่วยพาเขาออกไปจากตรงนี้เสียที แล้วรีบเติมเต็มในสิ่งที่เขาต้องการให้เดี๋ยวนี้เหมือนกับเมื่อคราวก่อน จะใช้เวลาถึงเช้าเหมือนเมื่อคราวที่แล้วก็ได้
คนประคองเอานิ้วเกี่ยวปกเสื้อเชิ้ตที่เป็นเครื่องแบบดู หลุบดวงตาใต้แว่นเหลี่ยมเรียวมองรอยกัดที่ต้นคอของสุโด เหยียดยิ้มก่อนจะเอาลิ้นแตะลงเบาๆ ราวกับจะตอกย้ำว่าเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นของตัวเองเพียงคนเดียว และอาการฮีทนี้จะเกิดขึ้นแต่กับเขาเท่านั้น แค่คิดก็เรียกเลือดในตัวให้สูบฉีดเร็วรัวขึ้นมาด้วยแล้ว เขาก็ใช่ว่าจะไม่ถูกฟีโรโมนของสุโดครอบครองไปด้วย มันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติเมื่อตกลงทำพันธะเป็นคู่ครองของกันและกัน เป็นกฎที่จะเกิดขึ้นได้ เฉพาะอัลฟ่ากับโอเมก้า…
“เลือกทำตรงที่ต่ำๆ เพราะนายคงไม่อยากให้ใครเห็น แต่บางทีก็เสียดายเหมือนกันนะ ควรจะทำตรงที่เห็นชัดๆ แล้วอวดคนให้ทั่วดีกว่า ว่าไหม?”
“หยุดพูด แล้วก็ทำตามที่เราตกลงกันได้แล้วครับ” สุโดเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาตำหนิ ต่อให้กำลังอยู่ในความอยากขาดสติจนแทบจะดึงคอเขาลงไปจูบแค่ไหน สุโดก็ยังไม่เคยทิ้งแววตาหยิ่งผยอง ดวงตาสีฟ้าของหมอนี่มันสวยเอามากๆ โดยเฉพาะเวลามองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเย็นชา แต่มองเขาด้วยสายตาเร่าร้อนเหมือนจะเผาให้เหี้ยนเกรียนแค่เพียงคนเดียว นายทั้งอยากได้ และอยากทำลายเขาขนาดนั้น
“ต้องทำให้ทุกอย่างจนกว่าผมจะพอใจไม่ใช่หรือครับ?”
แค่หยุดเว้นวรรคแล้วจ้องหน้า ก็ทำให้คนฟังยอมสงบเงียบ
“หัวหน้าคาริยะซากิ?”
เจ้าของชื่อเหยียดริมฝีปากยิ้มรับ ก้มลงไปจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะเปลี่ยนมาประกบริมฝีปากหนักเหมือนจะตอบรับที่ถูกขานชื่อ ช้อนร่างที่ถ้าถูกจูบต่ออีกนิดก็จะหมดแรงลงไปกองกับพื้นแน่แล้ว ค่อยเดินไปทางห้องนอนตัวเองที่อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว กระซิบข้างหูเบาๆ ด้วยเสียงต่ำ
“รับทราบ”
To be continue
[1] MSP = Metro State Police